การเปลี่ยนรูปตนเองเป็นตลาด mainstream มีอิทธิพลในการเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคของคนอเมริกัน และที่สำคัญที่สุดคือ มีอิทธิพลสูงในการกำหนดสินค้าที่ตลาด mainstream สหรัฐฯต้องมีไว้วางจำหน่ายให้แก่คนอเมริกันทั่วไป ผู้บริหาร H Mart ระบุว่า เคยเห็นพนักงานจากตลาด mainstream รายใหญ่เข้าไปในร้านและไปจดชื่อแบรนด์ต่างๆที่ H Mart วางจำหน่าย นอกจากนี้ตลาด mainstream จำนวนมากมีการจัดทำ Asian aisle เพิ่มขึ้น เพื่อวางจำหน่ายเฉพาะสินค้าเอเซียน และมีรายงานว่า ในระหว่างเมษายน 2023 ถึง เมษายน 2024 ยอดขายสินค้าใน Asian aisle นี้มีการเติบโตมากกว่าส่วนอื่นๆในตลาดถึงสี่เท่า
เมื่อประมาณ 30 ปีที่แล้ว Asian Groceries ในสหรัฐฯมีจำนวนน้อยมาก ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจขนาดเล็ก แบบ mom and pop ตั้งอยู่ใน strip malls หรือตามชานเมืองต่างๆ เน้นขายสินค้านำเข้าจากประเทศแหล่งกำเนิดดั้งเดิมของตน เพื่อให้บริการลูกค้าที่ส่วนใหญ่จะเป็นคนเชื้อชาติดั้งเดิมเดียวกัน ปัจจุบันจำนวนร้านค้า Asian grocery เติบโตเป็นประมาณ 15,161 แห่ง เกือบทั้งสิ้นเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ มีการแตกแต่งสวยงามทันสมัย บริหารจัดการด้วยเทคโนโลยี่ชั้นสูง เสนอขายสินค้าในเกือบ จะทุกช่องทางค้าปลีก ทั้ง off-line และ on-line วางจำหน่ายหลายประเภทและหลายชนิดจากทั่วโลกสำหรับผู้บริโภคทุกกลุ่มเชื้อชาติ มียอดขายในสหรัฐฯรวมกันเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 5 ล้านล้านเหรียญฯต่อปี ตัวอย่าง Asian Grocery ในสหรัฐฯ เช่น
เมื่อประมาณ 30 ปีที่แล้วเช่นกัน คนอเมริกันเกือบทั้งประเทศแทบไม่มีใครรู้จัก instant noodle ซึ่งเป็นของที่หาได้ยากมาก มีวางขายเฉพาะในตลาดเล็กๆที่ตั้งอยู่ในชุมชนผู้อพยพเชื้อสายเอเซีย ที่เป็นกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมายสำคัญ ปัจจุบัน instant noodle มีวางขายแพร่หลาย หาซื้อได้ง่ายทั่วสหรัฐฯ ทุกตลาดในสหรัฐฯต้องมี instant noodle วางจำหน่าย และได้กลายเป็นอาหารหลักประจำบ้านของคนอเมริกันจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มนักศึกษาในมหาวิทยาลัย รายงานของ Word Instant Noodles Association ระบุว่าในปี 2021 คนอเมริกันบริโภค instant noodle เกือบ 5 พันล้านซอง สหรัฐฯเป็นตลาดที่มีความต้องการ Instant noodle สูงเป็นอันดับ 6 ของโลก และสูงที่สุดสำหรับตลาดที่อยู่นอกทวีปเอเซีย บริษัท World of Shin เจ้าของ instant noodle แบรนด์ Shin Ramyun รายงานว่าในปี 2023 คนอเมริกันซื้อ Shin Ramyun ประมาณห้าร้อยล้านซอง นอกเหนือจาก instant noodles แล้วสินค้าอาหารเอเซียอื่นๆ เช่น miso, ghee, turmeric และ soy sauce ก็มีวางจำหน่ายแพร่หลายในตลาด mainstream สหรัฐฯ เช่นกัน อาจกล่าวได้ว่า กรณีของ instant noodle ทำให้เชื่อได้ว่า Asian grocery ได้กลายเป็นช่องทางที่ช่วยส่งสินค้านำเข้าจากเอเซียเข้าไปสู่ผู้บริโภคและตลาด mainstream ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
จากเดิมที่ลูกค้าที่เข้าร้าน Asian grocery เป็นคนชาติพันธุ์เอเซียกลุ่มเดียวกันหรือจากประเทศเพื่อนบ้านใกล้ชิดกัน ปัจจุบันมีลูกค้าอเมริกันชาติพันธุ์อื่นๆเข้าไปใช้บริการเพิ่มมากขึ้น H Mart ระบุว่า ปัจจุบันร้อยละ 30 ของลูกค้าของร้านไม่ใช่คนเอเซีย Patel Brothers ตลาดคนเอเซียใต้ ระบุว่าร้อยละ 20 – 25 ของลูกค้าของร้านไม่ใช่คนอเมริกันเชื้อสายเอเซียใต้ ขณะนี้ Asian grocery เช่น H Mart และ 99 Ranch กำลังขยายธุรกิจเข้าไปเปิดตลาดในพื้นที่ที่มีคนอเมริกันเชื้อสายเอเซียอยู่อาศัยไม่มากนัก และมีการบริหารจัดการที่ตอบสนองผู้บริโภคอเมริกันทั่วไปมากขึ้น
อย่างไรก็ดี แม้ว่าการทำธุรกิจของ Asian grocery จำนวนมาก โดยเฉพาะที่เป็นธุรกิจขนาดใหญ่ มีแนวโน้มพัฒนาตนเองเข้าเป็น mainstream เพิ่มมากขึ้นเรื่อย แต่ก็ยังคงยึดลูกค้ากลุ่มชาติพันธุ์เดิมของตนเป็นตลาดสำคัญสูงสุด
ที่มา: 1. The New York Times: “Don’t Call It an ‘Ethnic’ Grocery Store”, by Priya Krishna, June 11, 2024
2. Consumerreports.org: “Best Instant Ramen – Consumer Reports”, by Perry Santanachote, May 16, 2023
3. Rentech Digital: “List of Asian grocery stores in United States“|SmartScrapers”, April 20, 2024
ข้อมูลเพิ่มเติมและความเห็นของสคต ลอสแอนเจลิส
วิวัฒนาการของธุรกิจ Asian grocery ในขณะนี้เป็นการเปิดโอกาสการกระจายสินค้าไทยหลากหลายชนิด ที่ไม่เฉพาะแต่สินค้าอาหาร แต่ยังรวมถึงสินค้าอื่นๆที่จำเป็นต้องใช้ในครัวเรือน ให้สามารถเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯได้กว้างขวางมากยิ่งขึ้นและง่ายมากยิ่งขึ้น เกิดเป็นความจำเป็นที่สินค้าต้องตอบสนองต่อพฤติกรรมการบริโภคของลูกค้ากลุ่มใหม่ที่มาใช้บริการที่เป็นชาติพันธุ์อื่นที่ไม่ใช่เอเซียที่กำลังมีจำนวนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หรือแม้แต่ลูกค้าที่เป็นชาติพันธุ์เอเซียที่ส่วนใหญ่ในปัจจุบันเป็นคนรุ่นใหม่ที่ได้กลายเป็นผู้บริโภคที่มีพฤติกรรมการดำรงชีวิตและความคิดที่เป็นอเมริกันมากขึ้นกว่าเดิม ดั้งนั้น รูปลักษณ์ของสินค้าเอเซียที่วางจำหน่ายจะต้องตอบสนองต่อลักษณะการดำรงชีวิตและความเชื่อของลูกค้ารุ่นใหม่กลุ่มนี้เพิ่มมากขึ้นที่มีแนวโน้มสูงว่าส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม millennial
การเปลี่ยนแปลงของตลาดการค้าปลีกสินค้าเอเซียในขณะนี้ แม้ว่าจะสร้างโอกาสการค้าแต่ในขณะเดียวกันก็เพิ่มระดับการแข่งขันในตลาด โดยเฉพาะสินค้าอาหาร บริษัทผู้ผลิตสินค้าอาหารสำหรับกลุ่ม mainstream ดั้งเดิมหลายรายได้หันมาทำการผลิตสินค้าอาหารเอเซียป้อนตลาดมากขึ้น บริษัทผู้ผลิตอาหารในสหรัฐฯเหล่านี้มีความได้เปรียบสูง ทั้งเรื่องการเงิน เรื่องรู้ความเข้าใจในพฤติกรรมการบริโภค การใช้ชีวิต ความเชื่อและความต้องการของคนอเมริกันมากกว่าผู้ผลิตในเอเซีย และที่สำคัญคือสถานที่ผลิตตั้งอยู่ในตลาดการค้า
การพัฒนาการผลิตสินค้ารูปแบบใหม่ๆและการทำบรรจุภัณฑ์ใหม่ๆที่สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคเป้าหมายในปัจจุบันที่เปลี่ยนไป และการพัฒนากลยุทธ์การตลาดแบบใหม่ๆที่จะประกันความสำเร็จ จึงเป็นความจำเป็นที่ผู้ประกอบการต้องนำไปพิจาณา เช่น การทำบรรจุภัณฑ์ที่สะดวกแก่การใช้ เพิ่มการผลิตขนาดบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสมสำหรับกลุ่มผู้บริโภคที่มีเป้าหมายในการใช้ที่แตกต่างกันออกไป ที่นอกเหนือจากทำให้ผู้บริโภคไม่ได้ปรุงแต่งอาหารเอเซียรับประทานเป็นอาหารหลักหรือมีขนาดครอบครัวที่เล็กลงมั่นใจที่จะซื้อสินค้าแล้วยังเป็นการป้องกันอาหารที่ถูกทิ้งเสียเพราะใช่ไม่หมดแล้ว และในบางกรณีเป็นการตอบสนองต่อความต้องการใช้ของผู้บริโภคปัจจุบันที่หรือเพื่อสะดวกในการนำติดตัวไปบริโภคในขณะที่อยู่นอก บ้าน การออกแบบฉลากสินค้าให้ดึงดูดใจและดูทันสมัยมากยิ่งขึ้น การผลิตสินค้าและบรรจภัณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพ และที่มีความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น เป็นต้น
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครลอสแอนเจลิส | มิถุนายน 2567
หมายเหตุ: ข่าวข้างบนนี้เป็นข้อมูลที่ได้มาจากแหล่งข้อมูลหลายแห่งที่จัดทำและนำเสนอข้อมูลเปิดเผยต่อสาธารณชนทั่วไป และบางส่วนเป็นความเห็นส่วนบุคคล สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครลอสแอนเจลิส นำมารวบรวมเผยแพร่เพื่อแก่ผู้สนใจ เนื่องจากเป็นข้อมูลและความเห็นจากบุคคลที่สาม การนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ ไม่ว่าในกรณีใดๆ ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณเฉพาะบุคคล สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครลอสแอนเจลิส ไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดๆที่อาจเกิดขึ้นจากการนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้