“ญี่ปุ่นจะเปลี่ยน B/L เป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์ e-B/L ในปี 2570”

ญี่ปุ่นจะเปลี่ยนการออกใบตราส่งสินค้า Bill of Lading (B/L) เป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์ ในปี 2568 การออกใบตราส่งสินค้าทางเรือจะได้รับการแก้ไขกฎหมายในปีหน้า ลดภาระทางปฏิบัติและป้องกันการปลอมแปลง โดยรัฐบาลคาดหวังจะทำให้ “ใบตราส่งสินค้าทางเรือ” ซึ่งเป็นเอกสารสำคัญสำหรับการค้าระหว่างประเทศที่บริษัทต้องดำเนินการเป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-B/L) จะมีการแก้ไขกฎหมายพาณิชย์ในปี 2568 และมุ่งหวังให้มีการบังคับใช้ภายในปี 2570 การยอมรับเอกสารใบตราส่งสินค้าทางอิเล็กทรอนิกส์จะช่วยลดภาระในกระบวนการค้าระหว่างประเทศ
โดยการออกเอกสารใบตราส่งสินค้าทางเรือเป็นเอกสารสำคัญที่ออกโดยบริษัทเรือให้แก่เจ้าของสินค้า เพื่อพิสูจน์สัญญาการขนส่ง และทำหน้าที่เป็นใบรับรองการรับสินค้าและสิทธิ์ในการรับมอบสินค้า เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในการค้าระหว่างประเทศ ปัจจุบันระบบกฎหมายยังอิงรูปแบบกระดาษ
ในการค้ากับประเทศใกล้เคียงเช่นเกาหลีและจีน เกิดกรณีที่สินค้ามาถึงก่อนแต่ใบตราส่งสินค้าทางกระดาษยังไม่มาถึงปลายทาง ทำให้ไม่สามารถรับสินค้าได้ อีกทั้งใบตราส่งสินค้าทางกระดาษยังมีความเสี่ยงที่จะสูญหาย เสียหาย หรือถูกปลอมแปลง ทั้งนี้จากเสียงเรียกร้องจากผู้ปฏิบัติงานต้องการให้ทำเป็นระบบดิจิทัล
“ญี่ปุ่นจะเปลี่ยน B/L เป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์ e-B/L ในปี 2570”กระทรวงเศรษฐกิจการค้าและอุตสาหกรรม (Ministry of Economy, Trade and Industry : METI) จะเปิดการประชุมเกี่ยวกับการส่งเสริมการใช้แพลตฟอร์มการค้าดิจิทัลในวันที่ 25 รวมทั้งแผนการดำเนินการของกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับการทำให้ใบตราส่งสินค้าทางเรือเป็นดิจิทัล ซึ่งกระทรวงยุติธรรมจะเริ่มงานแก้ไขกฎหมายเฉพาะ การจัดการไฟล์ดิจิทัลนั้นทำได้ง่ายกว่ากระดาษและยากที่จะระบุว่าไฟล์ใดเป็นของจริง เพื่อแก้ปัญหานี้ จึงมีการพิจารณาใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน (บัญชีแยกประเภทแบบกระจาย) (Blockchain คือ เทคโนโลยีการจัดเก็บข้อมูล)
จะมีการออก ID และรหัสผ่านใหม่ทุกครั้งที่มีการโอนใบตราส่ง ทำให้แม้ว่าผู้ถือสิทธิ์เดิมจะคัดลอกข้อมูลใบตราส่งก็ไม่สามารถเปิดไฟล์ได้และสามารถระบุผู้ถือสิทธิ์ปัจจุบันได้อย่างชัดเจน
ในการแก้ไขกฎหมาย จะมีการพิจารณาวิธีการจัดการกรณีบริษัทที่ถือใบตราส่งสินค้าล้มละลายและเจ้าหนี้ยึดใบตราส่ง
มีความพยายามจากผู้ประกอบการเอกชนที่จะทดลองใช้บล็อกเชนเพื่อทำใบตราส่งสินค้าทางอิเล็กทรอนิกส์ด้วยตนเอง แต่เนื่องจากสิ่งที่ทำในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์นั้นยังไม่ได้รับการยอมรับทางกฎหมาย จึงมีความเสี่ยงในกรณีที่เกิดปัญหาและเป็นอุปสรรคต่อการแพร่หลาย
การดำเนินการทางการค้าประกอบด้วยเอกสารหลายชนิด เช่น ใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้าและข้อมูลการชำระเงิน ซึ่งทำในรูปแบบกระดาษหรืออีเมล แม้ว่าการดำเนินการทางศุลกากรและการชำระเงินได้ถูกทำให้เป็นดิจิทัลมากขึ้นเพื่อลดเวลาและค่าใช้จ่าย มีบริการจากเอกชนที่ทำให้ข้อมูลเป็นดิจิทัลและจัดการในที่เดียวเพื่อให้สะดวกต่อการแลกเปลี่ยนระหว่างบริษัท
อย่างไรก็ตาม สำหรับใบตราส่งสินค้าทางเรือยังคงใช้กระดาษในการทำและส่งมอบ การปรับปรุงกฎหมายในครั้งนี้จะทำให้กระบวนการนี้เป็นดิจิทัลในที่สุด
ยุโรป อเมริกา และสิงคโปร์ต่างก็ได้กำหนดกฎเกณฑ์เพื่อมุ่งสู่การดิจิทัลเช่นกัน ญี่ปุ่นก็จะสามารถเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างประเทศได้ในที่สุด
กระทรวงเศรษฐกิจการค้าและอุตสาหกรรมจะเริ่มระบบใหม่ที่เรียกว่า “การรับรองแพลตฟอร์มดิจิทัลการค้า” ตั้งแต่ปี 2567 โดยเป็นระบบการรับรองผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐาน นอกจากนี้ ยังมีนโยบายที่จะให้สิทธิพิเศษแก่ผู้ประกอบการที่ได้รับการรับรองในขั้นตอนการดำเนินการทางศุลกากรตั้งแต่ปี 2569 เป็นต้นไป

การยอมรับใบตราส่งสินค้าทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Bill of Lading หรือ e-B/L) ของญี่ปุ่นได้รับข้อคิดเห็นหลากหลายจากหลายฝ่าย ซึ่งสามารถสรุปได้ดังนี้:
1. ความรวดเร็วและประสิทธิภาพ: หลายฝ่ายยกย่องการนำ e-B/L มาใช้เพราะช่วยลดเวลาและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินการเอกสารการค้า ไม่ต้องรอเอกสารทางกายภาพ (รูปแบบกระดาษ) ที่อาจใช้เวลานาน
2. ความปลอดภัย: การใช้ e-B/L ถูกมองว่าเป็นการเพิ่มความปลอดภัยในการจัดการข้อมูลสามารถลดความเสี่ยงของการปลอมแปลงและการสูญหายของเอกสาร
3. ความโปร่งใสและตรวจสอบได้: ระบบดิจิทัลช่วยให้สามารถติดตามและตรวจสอบสถานะของเอกสารได้ง่ายขึ้น ทำให้การดำเนินการมีความโปร่งใสและตรวจสอบได้
4. การลดต้นทุน: ลดค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการพิมพ์ การจัดส่ง และการจัดเก็บเอกสารในรูปแบบกระดาษ ทำให้ผู้ประกอบการสามารถลดต้นทุนได้
5. ผลกระทบทางกฎหมาย: มีข้อคิดเห็นว่าการเปลี่ยนมาใช้ e-B/L อาจต้องปรับปรุงกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องให้รองรับการใช้งานดิจิทัล ซึ่งอาจต้องใช้เวลาในการปรับตัว
6. การฝึกอบรมและการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมองค์กร: การยอมรับ e-B/L ต้องการการฝึกอบรมพนักงานและการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมองค์กรเพื่อให้สามารถใช้เทคโนโลยีใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
7. การเชื่อมต่อและความพร้อมของระบบ: มีข้อคิดเห็นว่าการใช้ e-B/L ต้องการระบบที่สามารถเชื่อมต่อกันได้ทั่วโลก ซึ่งบางประเทศหรือองค์กรอาจยังไม่มีความพร้อมในด้านนี้
8. การส่งเสริมความยั่งยืน: การลดการใช้กระดาษและทรัพยากรที่เกี่ยวข้องถูกมองว่าเป็นการส่งเสริมความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากหลายฝ่าย

บทวิเคราะห์ (ผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย)
การขนส่งสินค้าจากไทยไปญี่ปุ่นทางเรือเป็นหนึ่งในวิธีการขนส่งที่ได้รับความนิยมมากเนื่องจากมีความสามารถในการขนส่งสินค้าในปริมาณมากและต้นทุนต่อหน่วยที่ต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับการขนส่งทางอากาศ
ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของการค้าเสรีระหว่างสองประเทศ JTEPA หรือ Japan-Thailand Economic Partnership Agreement คือ ข้อตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศญี่ปุ่นและประเทศไทย ข้อตกลงนี้ถูกลงนามเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2007 และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2007 ซึ่งนับตั้งแต่มีการขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างทั้งสองประเทศเป็นต้นมา มีการขนส่งในปริมาณมากทุกปี โดยทั่วไปแล้ว การขนส่งสินค้าทางทะเลจากไทยไปญี่ปุ่นจะใช้เวลาประมาณ 16-19 วัน ขึ้นอยู่กับท่าเรือที่สินค้าเข้าถึงในญี่ปุ่น เช่น โตเกียว, โยโกฮามา, นาโกย่า, โกเบ และโอซาก้า สินค้าที่ขนส่งทางเรือระหว่างไทยและญี่ปุ่น ประกอบไปด้วยสินค้าหลากหลายประเภท เช่น อิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์ยานยนต์ และผลิตภัณฑ์เกษตร การเปลี่ยนเป็นระบบ e-B/L ของญี่ปุ่นจะมีผลดีต่อการค้าระหว่างประเทศและจะช่วยเพิ่มความสะดวกและความรวดเร็วในการดำเนินการด้านเอกสารการค้า ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการไทยอย่างมาก

ฉบับที่ 39 วันที่ 22 – 28 มิถุนายน 2567 จากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
อ้างอิงจาก
หนังสือพิมพ์ Nikkei ฉบับวันที่ 25 มิถุนายน 2567

https://drive.google.com/file/d/1wJget0UuW5f6ccXxzGcubTPJxWeiHhKM/view?usp=sharing

 

thThai