งานกีฬาโอลิมปิก PARIS 2024 ส่งผลอย่างไรต่อ ย่านการค้าสายสำคัญของกรุงปารีส “ ถนนฌ็องเซลิเซ่ ”

หลังจากที่ในปี 2017 กรุงปารีสได้รับเลือกอย่างเป็นทางการให้เป็นผู้จัดงานกีฬาโอลิมปิก PARIS 2024 ส่งผลให้ความต้องการร้านค้าบนถนนสายสำคัญของกรุงปารีสอย่างถนนฌ็องเซลิเซ่เพิ่มสูงขึ้น  จากข้อมูลของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ Newmark  ในช่วงระหว่างปี 2017-2023 พื้นที่ว่างให้เช่าในย่านการค้าสำคัญนี้ลดระดับลงเหลือเพียงร้อยละ 2.6 ของพื้นที่ทั้งหมด   จนถึงในช่วงต้นปี 2024 นี้ความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเริ่มหยุดนิ่งซึ่งอาจจะส่งผลให้ระดับพื้นที่ว่างของร้านค้าให้เช่าในย่านการค้านี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงระยะเวลาอันใกล้

นาย David Bourla ผู้รับผิดชอบสำรวจย่านการค้าของบริษัท Newmark กล่าวว่าในช่วงระยะเวลา 7 ปีที่ผ่านมาร้านค้าบนถนนฌ็องเซลิเซ่เกิดความเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างมาก นอกเหนือจากปัจจัยเนื่องมาจากงานกีฬาโอลิมปิกแล้ว   ความต้องการใช้จ่ายของผู้บริโภคภายหลังสถานการณ์โควิดและการกลับมาของนักท่องเที่ยวส่งผลให้การสรุปการดำเนินการเช่าซื้อของพื้นที่ร้านค้าบนถนนเส้นนี้สำเร็จได้ในช่วงระยะเวลาอันรวดเร็วกว่าปกติ   ตั้งแต่ปี 2017 เป็นต้นมามีการเปลี่ยนแปลงพื้นที่ร้านค้าถึง 64 ร้านจากจำนวนร้านค้าที่มีทั้งหมดบนถนน 115 ร้าน (ไม่นับรวมพื้นที่โซนร้านค้าแกลเลอรี่) โดยคิดเป็นการโยกย้ายร้านค้าของแบรนด์ที่มีอยู่แล้วบนถนน 11 ร้าน    ในปี 2023 เพียงปีเดียวมีการเปลี่ยนแปลงทั้งสิ้น 23 ร้านซึ่งร้อยละ 40 เป็นพื้นที่ให้เช่าที่มีขนาดต่ำกว่า 1,000 ตร.ม.   

งานกีฬาโอลิมปิก PARIS 2024 ส่งผลอย่างไรต่อ ย่านการค้าสายสำคัญของกรุงปารีส “ ถนนฌ็องเซลิเซ่ ”
ผังร้านค้าบนถนนฌ็องเซลิเซ่

โฉมหน้าที่เปลี่ยนแปลงไปของร้านค้าบนถนนเส้นสำคัญนี้เห็นได้จากปริมาณร้านค้า 3 ใน 4 ที่เปิดร้านใหม่ตั้งแต่ปี 2017 ล้วนแล้วแต่เป็นแบรนด์ที่ไม่เคยตั้งอยู่ในพื้นที่นี้มาก่อน      โดยมีแบรนด์สินค้าเครื่องกีฬาและแบรนด์สินค้าลักชัวรี่เป็นหลัก

แบรนด์สินค้าเครื่องกีฬาที่มีอยู่เดิม เช่น Nike, Adidas และ Foot Locker ย้ายที่ตั้งของร้านบนถนนเพื่อให้ได้พื้นที่ๆใหญ่กว่าเดิม  ในขณะเดียวกันมีแบรนด์สินค้าเครื่องกีฬาอื่นๆเข้ามาเปิดเพิ่ม ได้แก่  JD Sports ที่เข้ามาแทนร้าน Gap ที่เลิกกิจการในประเทศฝรั่งเศส, Lululemon, Salomon, On Running และร้านเครื่องกีฬามัลติแบรนด์อย่างร้าน Inter Sport ที่มาแทนที่ร้าน Go Sport   ซึ่งร้านแบรนด์สินค้าเครื่องกีฬาช่วยสร้างบรรยากาศให้กับย่านการค้าในเมืองใหญ่ได้เป็นอย่างดี

ในส่วนของสินค้าลักชัวรี่ปัจจุบันมีถึง 25 แบรนด์จาก 7 แบรนด์เมื่อ 7 ปีที่แล้ว แบรนด์ Weston, Bulgari, Saint Laurent, Dubail, Moncler และ IWC  เข้าแทนที่ร้านแบรนด์สินค้าแฟชั่นระดับกลางและแบรนด์สินค้าประเภทอื่นๆ  นอกจากนี้บริษัท LVMH (เจ้าของแบรนด์ Louis Vuitton) ยังคงลงทุนบนถนนเส้นนี้อย่างต่อเนื่องซึ่งจะส่งผลให้มีร้านแบรนด์สินค้าลักชัวรี่เพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 30 ร้านในอนาคตอันใกล้

แบรนด์สินค้าแฟชั่นระดับล่างจนถึงระดับกลางหลายแบรนด์ที่เคยตั้งอยู่บนถนนสายสำคัญนี้ต่างปิดตัวลง ดังเช่น Naf Naf, Promod, Gap, H & M, Tara Jarmon, The Kooples และ Eric Bompard ซึ่งรวมถึงโชว์รูมรถยนต์ Peugeot, Mercedes, Citroën, Toyota, Fiat โดยจำนวนร้านอาหารลดลงไปด้วยเช่นเดียวกันเหลือเพียงร้อยละ 20 ของจำนวนร้านทั้งหมด     ในขณะที่โรงหนังซึ่งเคยมีอยู่หลายแห่งทยอยปิดตัวลง เช่น Gaumont Champs-Élysées Marignan ปิดในปี 2023 และ l’UGC Normandie ในปี 2024 และโครงการที่จะเปิดโรงหนัง MK2 ไม่ได้เกิดขึ้น     อย่างไรก็ตามร้อยละ 25 ของห้างร้านที่มีอยู่ในปัจจุบันอยู่คู่กับถนนสายสำคัญเส้นนี้มาอย่างยาวนานมากกว่า 20 ปี เช่น ร้านอาหาร Fouquet’s ตั้งแต่ปี 1899 , โชว์รูม Renault (1910)  และแบรนด์ Guerlain (1914)

บริษัท Newmark กล่าวว่าสถานการณ์ร้านค้าปลีกในย่านสำคัญโดยรวมทั่วกรุงปารีสไม่สดใสเท่าที่ควร ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงด้านบวกที่เป็นไปอย่างรวดเร็วบนถนนฌ็องเซลิเซ่ในช่วงสองปีที่ผ่านมาอาจจะไม่เป็นอย่างนี้ต่อเนื่องไปในอนาคต    ถึงกระนั้นก็ตามการเปิดตัวร้านของแบรนด์ เช่น Zara, Salomon หรือ Delsey ฯลฯ และการปรับปรุงพื้นที่ร้านรวมถึงร้านค้าแนวใหม่ในรูปแบบ Concept Store   อาจจะช่วยรักษาสถานการณ์ตลาดร้านค้าปลีกไว้ได้ส่วนหนึ่ง   นอกเหนือจากนั้นการยกระดับของแบรนด์ในย่านการค้านี้ยังสามารถดึงดูดให้นักท่องเที่ยวหลั่งไหลมาเป็นจำนวนมากได้  ซึ่งจะช่วยให้แบรนด์อื่นๆสนใจมาเปิดร้านในพื้นที่เช่นเดียวกัน

นอกจากแบรนด์สินค้าเครื่องกีฬาและแบรนด์สินค้าลักชัวรี่ที่เป็นสินค้าหลักดังที่กล่าวมาแล้ว แบรนด์สินค้าเทคโนโลยีเริ่มให้ความสนใจต่อย่านการค้านี้เช่นเดียวกันซึ่งขณะนี้มีเพียง แบรนด์ Apple และ Samsung เท่านั้น

ความคิดเห็น สคต.

จากข้อมูลของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ Cushman & Wakefield  เดือนพฤศจิกายน             ปี 2023    ร้านค้าบนถนนฌ็องเซลิเซ่มีระดับค่าเช่าแพงเป็นลำดับที่ 5 (11.414 ยูโร/ตร.ม.) ของถนนสายสำคัญจากทั่วโลก รองจาก Fifth Avenue นครนิวยอร์ก (20.384 ยูโร),  Via Montenapoleone เมืองมิลาน (18.000 ยูโร), ถนน Tsim Sha Tsui ฮ่องกง (15.219 ยูโร), New Bond Street กรุงลอนดอน (14.905 ยูโร) เรียงตามลำดับ  โดยค่าเช่าร้านค้าบนถนนฌองเซลิเซ่ ณ ปัจจุบันต่ำกว่าในระดับสูงสุดที่เคยมีมาก่อนหน้าสถานการณ์โควิดถึงร้อยละ 18

งานกีฬาโอลิปิค PARIS 2024 ที่จะเริ่มขึ้นในวันที่ 26 กรกฎาคมที่จะถึงนี้ อาจเป็นปัจจัยสำคัญส่วนหนึ่งที่ช่วยดึงดูดให้แบรนด์ต่างๆมาเปิดกิจการซึ่งไม่ใช่เพียงเพื่อเพิ่มยอดขายของแบรนด์เท่านั้น แต่การมีหน้าร้านบนถนนสายสำคัญนี้ส่งผลดีต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์เป็นอย่างมาก      แบรนด์สินค้าลักชัวรี่ขยายหน้าร้านจาก Avenue Montaigne มายังถนนฌองเซลิเซ่ที่เข้าถึงได้ง่ายกว่าเพื่อขยายตลาดลูกค้าที่เป็นคนรุ่นใหม่ รวมถึงนักท่องเที่ยว นอกจากนี้ทางเทศบาลกรุงปารีสได้ทำการปรับปรุงถนนและพื้นที่ทางเท้าเพื่อต้อนรับการจัดงานกีฬาครั้งสำคัญนี้โดยเฉพาะ

จากการสำรวจของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ Cushman & Wakefield ร่วมกับบริษัท Mytraffic พบว่าปริมาณคนสัญจรบนถนนเส้นนี้เพิ่มขึ้นร้อยละ 15 ในช่วงระหว่างเดือนพฤษภาคม 2022 ถึงเดือนมิถุนายน 2023 และยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง คงจะต้องติดตามดูว่างานกีฬาโอลิมปิก PARIS 2024 ที่จะมาถึงนี้ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่เกิดขึ้นหลังเลือกตั้งที่ผ่านมาจะส่งผลต่อสถานการณ์เศรษฐกิจของฝรั่งเศสในด้านใดบ้าง ซึ่งทางสคต. ปารีสจะนำมารายงานให้ทราบในคราวต่อไป

ที่มาของข่าว

Elsa Dicharry

ข่าวจากหนังสือพิมพ์ออนไลน์ Les Echos

https://www.lesechos.fr/industrie-services/immobilier-btp/jo-2024-de-paris-ces-sept-ans-qui-ont-bouleverse-les-champs-elysees-2105980

thThai