อุตสาหกรรมการบริการ (Hospitality Industry) มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา รวมถึงเทรนด์การตกแต่งภายในด้วย ปัจจุบันนอกจากอาหารที่คุณภาพดีและรสชาติอร่อยแล้ว บรรยากาศและประสบการณ์ที่ลูกค้าได้สัมผัสภายในร้านก็เป็นสิ่งที่สำคัญ ผู้ประกอบการด้านการบริการจำนวนมากตอบสนองต่อเทรนด์ความต้องการนี้ของลูกค้าและพยายามสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำให้กับลูกค้าที่มาใช้บริการ
เทรนด์การตกแต่งภายในร้านอาหารที่สำคัญในปี 2024 ได้แก่
1. Green, Greener, Greenest สีเขียวเป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในการออกแบบและตกแต่งภายในมาหลายปีแล้ว และยังคงได้รับความนิยมไม่เปลี่ยนแปลงในปีนี้ ต้นไม้ทำให้บรรยากาศภายในร้านดูสดชื่น และสร้างความรู้สึกของการเชื่อมโยงกับธรรมชาติ ความยั่งยืนและธรรมชาติกำลังมีความสำคัญมากขึ้น การนำสีเขียวเข้ามาตกแต่งภายในมีหลายวิธี เช่น การวางต้นไม้บนโต๊ะ ริมหน้าต่าง หรือในกระถางบนพื้น หรือแม้แต่ใช้ผนังหรือเพดานสีเขียว Biophilic Design ซึ่งเป็นการออกแบบที่มีการผสมผสานองค์ประกอบจากธรรมชาติให้เข้ากับพื้นที่เพื่อสร้างความรู้สึกเชื่อมโยงกับธรรมชาติ เช่น การใช้พืชพันธุ์ วัสดุจากธรรมชาติกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น
ตัวอย่างการตกแต่งร้านด้วยสีเขียวของพืชพันธุ์ต่างๆ ที่เชื่อมโยงกับธรรมชาติ ได้แก่ ร้านอาหาร De Kas ในกรุงอัมสเตอร์ดัม ร้านอาหารแห่งนี้ตั้งอยู่ในเรือนกระจกเก่าที่ถูกปรับปรุงใหม่และรายล้อมไปด้วยต้นไม้สีเขียว พืชพันธุ์ทั้งหมดทำให้สภาพแวดล้อมมีความเขียวขจี ให้บรรยากาศที่ผ่อนคลายและเป็นเอกลักษณ์ ผู้ประกอบการร้านอาหารหลายแห่งกำลังพยายามนำสีเขียวเข้ามาตกแต่งภายในสถานที่มากขึ้น และคาดว่าในปีนี้จะเพิ่มมากขึ้นอีกตามเทรนด์
2. Round is the new square รูปทรงกลมกำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นในการออกแบบตกแต่งภายใน เนื่องจากรูปทรงกลมให้พื้นที่ที่ดูมีความนุ่มนวลและดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น รูปทรงกลมสามารถพบได้ในองค์ประกอบต่างๆ ของการตกแต่งภายในร้านอาหารหรือโรงแรม เช่น โต๊ะ เก้าอี้ โคมไฟ และเฟอร์นิเจอร์ นอกจากนี้ ยังสามารถใช้รูปทรงกลมในการออกแบบพื้นที่ได้ด้วย เช่น การออกแบบซุ้มโค้งหรือหน้าต่างทรงกลม รูปทรงกลมจะไม่โดดเด่นหรือสะดุดตามากเท่าทรงสี่เหลี่ยม แต่สามารถผสมผสานสไตล์การตกแต่งภายในทั้งแบบสมัยใหม่และแบบดั้งเดิมให้เข้ากันได้ดี นอกจากเฟอร์นิเจอร์ทรงกลมแล้ว ยังสามารถเพิ่มความเก๋ด้วยของตกแต่งทรงกลมได้อีก เช่น แจกัน โคมไฟ หมอนอิง และงานศิลปะ ซึ่งจะช่วยเพิ่มสัมผัสของความหรูหราและความมีเสน่ห์ให้กับการตกแต่งภายในได้ และทรงกลมยังช่วยทำให้พื้นที่ดูกว้างขึ้นอีกด้วย
3. Fusion of styles for unique atmosphere การผสมผสานสไตล์เพื่อบรรยากาศที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่ซ้ำใคร ซึ่งเทรนด์การตกแต่งภายในที่น่าสนใจและโดดเด่นในปีนี้ คือการผสมผสานสไตล์การตกแต่งภายในที่แตกต่างกันและมีความหลากหลายเพื่อสร้างบรรยากาศที่เป็นเอกลักษณ์แบบผสมผสาน เช่น การผสมผสานการออกแบบ Industrial Design เข้ากับองค์ประกอบแบบ Vintage เพื่อสร้างบรรยากาศที่ร่วมสมัยมีเอกลักษณ์แต่มีความอบอุ่น การตกแต่งภายในที่เป็น Fusion Styles เป็นการผสมผสานสไตล์และอิทธิพลที่แตกต่างกันเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งมักจะมีความไม่ธรรมดาและมีความสร้างสรรค์ สามารถสร้างบรรยากาศที่เป็นเอกลักษณ์และเป็นส่วนตัวได้ Fusion Styles มีหลายรูปแบบ แต่ที่ได้รับความนิยม ได้แก่
Global Fusion เป็นสไตล์ที่ผสมผสานองค์ประกอบจากวัฒนธรรมที่แตกต่างกันทั่วโลก เช่น การผสมผสานระหว่างอิทธิพลของเอเชียและยุโรปเข้าด้วยกัน
Bohemian Fusion เป็นสไตล์ที่มีชีวิตชีวา และมักจะผสมผสานองค์ประกอบจากยุคสมัยต่างๆ เข้าด้วยกัน เช่น การผสมผสานระหว่างเฟอร์นิเจอร์วินเทจ เฟอร์นิเจอร์โบราณ และเฟอร์นิเจอร์ทันสมัยเข้าด้วยกัน เป็นต้น
Eclectic Fusion เป็นสไตล์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและมีความเป็นส่วนตัว มักจะผสมผสานองค์ประกอบที่ดูเหมือนจะไม่เข้ากันเมื่อมองแวบแรก เช่น การผสมผสานระหว่างเฟอร์นิเจอร์แบบดั้งเดิมและเฟอร์นิเจอร์สมัยใหม่ หรือการผสมผสานระหว่างองค์ประกอบที่มีความเรียบง่ายและองค์ประกอบที่มีความหรูหราเข้าด้วยกัน เป็นต้น
Fusion Styles เป็นสไตล์ที่ผู้ประกอบการสามารถแสดงความคิดสร้างสรรค์และแสดงความเป็นตัวตนในการผสมผสานสไตล์ได้ในแบบของตนเอง สามารถสร้างสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง ให้ความแตกต่างและเป็นส่วนตัวที่ไม่เหมือนใคร สิ่งสำคัญสำหรับการผสมผสานการตกแต่งภายในแบบ Fusion Styles คือ อย่ากลัวที่จะทดลองผสมผสานสิ่งต่างๆ เข้าด้วยกัน จนกว่าคุณจะพบสิ่งที่คุณชอบและคิดว่าใช่ในสไตล์ของตัวเอง
4. Sustainability with the use of natural materials ความยั่งยืนเป็นประเด็นสำคัญที่ทุกคนให้ความสนใจเป็นอย่างมากในปัจจุบัน การใช้วัสดุธรรมชาติในการตกแต่งภายในไม่เพียงแต่เป็นกระแสเท่านั้น แต่เป็นการแสดงออกถึงความใส่ใจและให้ความสำคัญกับความยั่งยืน และเป็นความจำเป็นหากเราต้องการที่จะก้าวไปสู่โลกที่ยั่งยืนมากขึ้นในอนาคต ผู้บริโภคมีความใส่ใจและตระหนักถึงสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ผู้ประกอบการธุรกิจในอุตสาหกรรมการบริการเริ่มตอนสนองต่อสิ่งนี้โดยการใช้วัสดุรีไซเคิลมากขึ้นในการตกแต่งภายใน การใช้แสงจากธรรมชาติหรือการใช้หลอดไฟที่ประหยัดพลังงาน และการเน้นใช้สีเขียวให้ดูเป็นธรรมชาติ วัสดุธรรมชาติเป็นสิ่งที่เหนือกาลเวลา และทำให้บรรยากาศดูอบอุ่น น่าดึงดูดใจ และเชิญชวนให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการ โดยในปีนี้ เราจะเห็นการใช้วัสดุธรรมชาติมากมายในการตกแต่งภายในทั้งร้านอาหารและโรงแรม อาทิ ไม้ หนัง และผ้าลินิน ซึ่งวัสดุเหล่านี้ไม่เพียงแต่สวยงามเท่านั้น แต่ยังมีความยั่งยืนและสะดวกสบายอีกด้วย และข้อดีก็คือวัสดุเหล่านี้สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้หากต้องการเปลี่ยนแปลงการตกแต่งภายใน
5. Integrated design as a hospitality interior trend การออกแบบเชิงบูรณาการหรือการออกแบบแบบครบวงจรกำลังมีความสำคัญมากขึ้นในอุตสาหกรรมการบริการ เป็นการออกแบบพื้นที่ที่นำทุกองค์ประกอบเข้ามารวมกันเป็นหนึ่งเดียวด้วยการผสมผสานกันอย่างลงตัว การออกแบบเชิงบูรณาการหรือการออกแบบแบบครบวงจรจะคำนึงถึงทุกแง่มุมของการตกแต่งภายใน เช่น เฟอร์นิเจอร์ แสง เสียง และกลิ่น โดยไม่เน้นเพียงแค่การตกแต่ง แต่รวมถึงการสร้างบรรยากาศที่สมบูรณ์แบบให้กับลูกค้าผู้มาเยือน มีเป้าหมายคือการสร้างพื้นที่ที่มีผลกระทบเชิงบวกกับลูกค้า เป็นแนวทางแบบองค์รวมที่มุ่งมั่นในการสร้างพื้นที่ที่มีทั้งความสวยงามและสามารถใช้งานได้จริง ซึ่งเทรนด์นี้เป็นกระแสนิยมในการออกแบบตกแต่งภายในเนื่องจากเป็นแนวทางในการสร้างพื้นที่ที่สามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้ใช้งานหรือลูกค้าได้ อีกทั้งยังเป็นการสร้างพื้นที่ที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
ตัวอย่างในการประยุกต์ใช้การออกแบบเชิงบูรณาการในการออกแบบตกแต่งภายใน เช่น
Function and Form นักออกแบบจะพิจารณาข้อกำหนดด้านการใช้งานของพื้นที่เมื่อออกแบบรูปแบบและการใช้เฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์เสริม ซึ่งอาจหมายถึงการเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มีทั้งความสะดวกสบายและใช้งานได้จริง หรือการใช้อุปกรณ์เสริมที่ทำให้พื้นที่มีฟังก์ชันการใช้งานได้หลากหลายมากขึ้น
Materials and Colors นักออกแบบจะเลือกวัสดุและสีที่มีทั้งความสวยงามและความทนทาน ซึ่งอาจหมายถึงการใช้วัสดุจากธรรมชาติ เช่น ไม้และหิน หรือการเลือกสีที่ช่วยสร้างความรู้สึกผ่อนคลายและสงบ
Lighting นักออกแบบจะใช้การจัดแสงเพื่อสร้างบรรยากาศและฟังก์ชันการใช้งานของพื้นที่ ซึ่งอาจหมายถึงการใช้แสงธรรมชาติร่วมกับแสงประดิษฐ์ หรือใช้แสงเพื่อเน้นพื้นที่บางส่วน
Movement นักออกแบบจะพิจารณาถึงการเคลื่อนไหวของผู้คนที่ผ่านไปมาในพื้นที่เมื่อทำการออกแบบพื้นที่ ซึ่งอาจหมายรวมถึงการสร้างพื้นที่ทางเดินที่เพียงพอ หรือการใช้เฟอร์นิเจอร์ที่เอื้อหรือช่วยอำนวยความสะดวกในการเคลื่อนไหวของผู้คนที่ผ่านไปมาในพื้นที่
บทวิเคราะห์และความเห็นของ สคต.
ผู้บริโภคชาวเนเธอร์แลนด์ให้ความสำคัญกับการออกแบบตกแต่งภายในเป็นอย่างมาก ไม่เฉพาะที่พักอาศัยของตนเอง แต่รวมถึงโรงแรมและร้านอาหารที่เลือกไปใช้บริการด้วย เนื่องจากผู้บริโภคชาวเนเธอร์แลนด์มองว่าเป็นส่วนสำคัญของประสบการณ์ในการใช้บริการโรงแรมหรือร้านอาหาร โดยมีคำภาษาดัตช์ว่า “gezellig” ซึ่งแปลว่า ความสบาย ความอบอุ่น ความเพลิดเพลิน และความเป็นกันเอง ซึ่งมีบทบาทสำคัญในวัฒนธรรมดัตช์ แนวคิดนี้ไม่เพียงแค่มีอยู่ในบ้านเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสถานที่สาธารณะอย่างโรงแรมและร้านอาหารด้วย โดยบรรยากาศที่สบาย อบอุ่น และเชิญชวนเป็นสิ่งที่สำคัญต่อการดึงดูดให้ลูกค้าเลือกเข้าไปใช้บริการ และรวมถึงความพึงพอใจของลูกค้าด้วย ทั้งนี้ ไม่เพียงแต่ผู้บริโภคเนเธอร์แลนด์เท่านั้น แต่ผู้บริโภคทั่วไปก็มีความต้องการไม่แตกต่างกัน ส่วนใหญ่มองหาความสะดวกสบาย ความอบอุ่น บรรยากาศที่เป็นกันเอง และเชิญชวนให้เข้าไปใช้บริการ
ผู้ประกอบการธุรกิจ HORECA สามารถนำเทรนด์การตกแต่งภายในนี้ไปพิจารณาเลือกใช้เพื่อปรับเปลี่ยนหรือเพิ่มเติมการตกแต่งภายในของธุรกิจโรงแรมหรือร้านอาหารของตนได้ นอกจากนี้ ผู้ประกอบการสินค้าเฟอร์นิเจอร์และของใช้ของตกแต่ง ก็สามารถนำเทรนด์การตกแต่งภายในนี้ไปพัฒนาต่อยอดการออกแบบผลิตภัณฑ์เพื่อให้ตรงตามความต้องการของผู้บริโภคและผู้ประกอบการธุรกิจในอุตสาหกรรมการบริการได้มากขึ้นด้วยเช่นกัน
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงเฮก