ธนาคารแห่งชาติเอธิโอเปีย (National Bank of Ethiopia) ได้ตัดสินใจปล่อยให้กลไกตลาดเป็นตัวกำหนดมูลค่าของสกุลเงินเอธิโอเปียน บีร์ หรือ Ethiopian Birr (ETB) และผ่อนปรนข้อจำกัดเกี่ยวกับปริมาณสกุลเงินต่างประเทศที่ธนาคารพาณิชย์และผู้ส่งออกมีถือครองไว้ นับเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการต่างๆ ที่ประเทศนำมาใช้เพื่อเพิ่มอุปทานของเงินเหรียญสหรัฐและกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศที่ประสบปัญหาเงินเฟ้อสูงและการขาดแคลนสกุลเงินหลัก (Hard Currency) เช่น USD เป็นต้น ที่มีการแข็งค่าสูงอย่างรุนแรง
สืบเนื่องมาจากเอธิโอเปียต้องอยู่ภายใต้แรงกดดันที่เพิ่มขึ้นจากธนาคารโลก (World Bank) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ผู้สนับสนุนเงินกู้ระหว่างประเทศ เพื่อให้สกุลเงินของประเทศเอธิโอเปียลอยตัว มีค่าตรงกับกลไกตลาดมากขึ้น ทำให้กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งชาติเอธิโอเปีย มีการปฏิรูปครั้งสำคัญในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เพื่อเป็นเงื่อนไขในการปลดล็อค เงินทุนกู้จากสององค์กรดังกล่าวงวดใหม่กว่า 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนี้การปฏิรูปที่กล่าวมา ยังรวมถึงการเปิดตลาดหุ้นที่เสนอให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาจดทะเบียนได้ มีผลให้บริษัทต่างชาติจะเข้ามาสู่ตลาดของการ หรือภาคเอกชน นอกจากธนาคารพาณิชย์สามารถเข้ามาซื้อ-ขาย สกุลเงินต่างประเทศได้ และยกเลิกข้อจำกัดเกี่ยวกับปริมาณเงินดอลลาร์สหรัฐที่นักเดินทางสามารถนำเข้า และนำออกจากประเทศได้ การปฏิรูปการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของเอธิโอเปียเป็นเพียงส่วนหนึ่งของแผนการปฏิรูปเศรษฐกิจที่กว้างขึ้น ซึ่งจะถูกนำไปปฏิบัติและจะมีการเร่งดำเนินการในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า มีเป้าหมายเพื่อฟื้นฟูเสถียรภาพทางเศรษฐกิจมหภาค กระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจของภาคเอกชน และรับรองการเติบโตอย่างยั่งยืน อย่างไรก็ดี หลังจากมีการยกเลิกข้อจำกัดด้านการซื้อ-ขาย เงินตราต่างประเทศ ก็ส่งผลให้ค่าเงิน Ethiopian Birr (ETB) ดิ่งค่าลงร้อยละ 30 เมื่อเทียบกับดอลล่าร์สหรัฐ มาสู่ระดับ 74.73 ETB ต่อดอลลาร์สหรัฐ จากเดิมอยู่ที่ 57.48 ETB ต่อดอลลาร์สหรัฐ ก่อนจะมีข่าวดังกล่าว
นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงหลังการปฏิรูปนั้นเกี่ยวข้องกับนโยบายใหม่ที่สำคัญในด้านต่างๆ ตัวอย่างเช่น
- การเปลี่ยนไปใช้ระบบแลกเปลี่ยนตามกลไกตลาด จากนี้ไปธนาคารจะได้รับอนุญาตให้ซื้อ-ขาย สกุลเงินต่างประเทศจาก/ถึง ลูกค้าของตนและระหว่างกันในอัตราแลกเปลี่ยนที่เจรจากันได้อย่างอิสระ โดยธนาคารแห่งชาติของเอธิโอเปียจะทำการแทรกแซงเพียงเล็กน้อยเพื่อสนับสนุนตลาดในช่วงเริ่มต้น และหากมีเหตุผลสมควรจากสภาวะตลาดที่ไม่เป็นระบบระเบียบ
- ผู้ส่งออกและธนาคารพาณิชย์จะคงอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศไว้เพื่อเพิ่มอุปทานของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศให้กับภาคเอกชนอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งมีผลทำให้ข้อกำหนดการส่งคืนเงินไปยังธนาคารแห่งชาติก่อนหน้านี้หมดไป
- ยกเลิกข้อจำกัดการนำเข้าสินค้า 38 ประเภท ทำให้สามารถเปิดเสรีตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราสำหรับนำเข้าสินค้าและบริการได้มากขึ้น ในขณะที่การไหลออกของบัญชีทุนยังคงถูกจำกัดเช่นเดิม
- กฎเกณฑ์การคงเงินตราต่างประเทศสำหรับผู้ส่งออกได้รับการปรับปรุง โดยอนุญาตให้ผู้ส่งออกสามารถเก็บรายได้จากเงินตราต่างประเทศได้ร้อยละ 50 เพิ่มขึ้นจากเดิมร้อยละ 40
นอกเหนือจากการปล่อยให้กลไกตลาดมาเป็นเกณฑ์กำหนดอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศแล้ว ทางธนาคารแห่งชาติเอธิโอเปีย (National Bank of Ethiopia) ยังได้ปรับปรุงหลักเกณฑ์สำหรับบัญชีเงินตราต่างประเทศอีกด้วย โดยเฉพาะบัญชีสกุลเงินต่างประเทศที่ถือครองโดยสถาบันการเงินจากต่างประเทศ นักลงทุนจากต่างประเทศ และชาวต่างชาติที่พำนักในประเทศเอธิโอเปีย อนุญาตให้ต่างชาติที่มีถิ่นพำนักในประเทศเปิดบัญชีเงินตราต่างประเทศโดยอิงตามเงินโอน การโอนเงินจากต่างประเทศ เงินเดือนหรือรายได้จากการเช่าที่อ้างอิงจากเงินตราต่างประเทศ และกรณีอื่นๆ ที่กำหนด รวมถึงสามารถใช้บัญชีเงินตราต่างประเทศดังกล่าว เพื่อชำระค่าบริการต่างประเทศได้ด้วย และยังได้ประกาศยกเลิกเพดานอัตราดอกเบี้ยที่เคยใช้กับบริษัทเอกชนหรือธนาคารเมื่อกู้ยืมเงินมาจากต่างประเทศอีกด้วย
การปฏิรูปเพื่อกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจนี้ยังมีผลโดยตรงกับบริษัทต่างๆ ที่อยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ โดยจะได้รับสิทธิพิเศษด้านการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ รวมถึงความสามารถในการรักษารายได้จากอัตราแลกเปลี่ยนได้ 100 เปอร์เซ็นต์
เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2562 คณะกรรมการกองทุนการเงินระหว่างประเทศได้อนุมัติข้อตกลงมีระยะเวลา 3 ปีภายใต้โครงการสินเชื่อขยายเวลา (ECF) และโครงการกองทุนขยายเวลา (EFF) สำหรับเอธิโอเปีย ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 2.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อช่วยให้ประเทศสามารถดำเนินการปฏิรูปเศรษฐกิจภายในประเทศ รักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจมหภาค และปรับปรุงมาตรฐานการครองชีพ อย่างไรก็ตาม โครงการดังกล่าวถูกระงับเนื่องจากความขัดแย้งในภูมิภาคทางตอนเหนือหรือ Tigray conflict เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2563 และการเจรจาได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้งหลังจากข้อตกลงสันติภาพในเดือนพฤศจิกายน 2565
อนึ่ง เมื่อปี 2566 ที่ผ่านมา หลังจากวิกฤตการณ์ทางการเงินอันเนื่องมาจากการระบาดของโควิด-19 และสถานการณ์ Tigray conflict ส่งผลให้เอธิโอเปียต้องผิดนัดชำระหนี้พันธบัตรยูโร (Euro Bond) มูลค่า 33 ล้านยูโร นับเป็นอีกหนึ่งประเทศในภูมิภาคแอฟริกาตะวันออกที่ผิดนัดชำระหนี้ภายนอก ส่วนมูลค่าหนี้สาธารณะของเอธิโอเปีย รายงาน ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567 มีมูลค่าหนี้อยู่ที่ 65.82 พันล้านเหรียญสหรัฐ และตามข้อมูลล่าสุดของกระทรวงการคลังของประเทศ ขณะนี้หนี้ภายนอกทั้งหมดเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 คิดเป็นมูลค่า 28.38 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยเพิ่มขึ้นจากเดิม 28.24 พันล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2567
ความเห็นของ สคต.
จากข่าวการเปลี่ยนระเบียบของการชื้อขาย เงินตราระหว่างประเทศของเอธิโอเปีย มีผลบวกต่อผู้นำเข้าและการนำเข้าสินค้ามายังเอธิโอเปีย เป็นอย่างมาก เนื่องจากที่ผ่านมา เอธิโอเปียประสบภาวะขาดแคลนเงินตราสกุลหลักในการค้าระหว่างประเทศ เช่น USD เป็นต้น ทำให้เกิดภาวะไม่สมดุลต่อเงินทุนที่ไหลเข้าและไหลออกจากประเทศมีผลกดดันให้อัตราแลกเปลี่ยนของเงินท้องถิ่น Ethiopian Birr (ETB) ในตลาดเงินทุนปกติ และตลาดมืดมีความแตกต่างกันมาก ทำให้มีมาตรการหลายอย่าง เช่น จำกัดการถือครองตราต่างประเทศ ของภาคธุรกิจ ส่งผลให้สภาพคล่องของภาคธุรกิจที่มีธุรกิจด้านการค้านำเข้าส่งออก ไม่สามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพและล่าช้าในการนำเข้าสินค้า นอกจากนั้น การควบคุมดังกล่าว ยิ่งทำให้ภาวะเงินทุนสำรองของเอธิโอเปีย มีสำรองน้อยลงมากจนมีมูลค่าเทียบเท่าการนำเข้าสินค้าได้เพียง 1 เดือน ดังกล่าวในข่าว
การที่เอธิโอเปียหันมาปรับปรุงมาตรการด้านการเงินดังกล่าว มีผลบวกคือ ผู้นำเข้าจะมีเงิน USD มานำเข้าสินค้าง่ายขึ้น และสะดวกมากขึ้น อย่างไรก็ดี การที่ค่าเงินท้องถิ่นอ่อนค่าลงทันทีสะท้อนให้เห็นความอ่อนแอของโครงสร้างทางเศรษฐกิจมหภาคของประเทศ ซึ่งมีแนวโน้มค่าเงินอาจมีการอ่อนค่าลงอีกในอนาคต ซึ่งนั่นย่อมจะกระทบความสามารถของกำลังชื้อของประชาขนในประเทศที่จะลดลงตามไปด้วย ดังนั้น ท่านผู้ส่งออกควรติดตามสถานการณ์ในเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดว่าทิศทางของค่าเงินดังกล่าว จะอ่อนค่าลงอีกมากน้อยเพียงใด ซึ่ง สคต. ก็จะได้ติดตามสถานการณ์ต่อไปเป็นระยะ สำหรับผู้ส่งออกไทยนั้นท่านสามารถเริ่มติดต่อค้าขายกับผู้นำเข้าในเฮธิโอเปียได้มากขึ้น แต่ก็ต้องระมัดระวังการให้สินเชื่อหรือเครติดกับผู้นำเข้าในอนาคตต่อไปด้วย เนื่องจากยังมีความเสี่ยงที่ค่าเงินท้องถิ่นของเอธิโอเปียจะปรับตัวอ่อนค่าลงอีก ซึ่งจะทำให้การนำเข้าสินค้ามีต้นทุนที่สูงขึ้นตามไปด้วย
ผู้ส่งออกที่สนใจข้อมูลเพิ่มเติมด้านการค้าและการลงทุนต่าง ๆ เกี่ยวประเทศเคนยา และประเทศในแอฟริกาตะวันออก ท่านสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ E-mail: ของสำนักงานฯ ที่ info@ocanairobi.co.ke
ที่มา : The EastAfrican