ข่าวคราวเกี่ยวกับความพยายามในการ “ปรับสมดุลทางการค้าระหว่างประเทศ” ของตุรกี และความสำเร็จในการดำเนินการดังกล่าวยังคงถูกนำเสนออย่างต่อเนื่องผ่านสื่อต่างๆ ของตุรกีอยู่เป็นระยะ โดยเมื่อเร็วๆ นี้ สำนักข่าว TRT Haber ได้รายงานข่าวดีเกี่ยวกับการส่งออกของตุรกีไปยังคู่ค้าที่สำคัญที่สุดรายหนึ่งอย่างจีนว่ามีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ และข่าวใหญ่ว่า BYD ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของจีนได้ตัดสินใจที่จะเข้ามาลงทุนในตุรกีเป็นมูลค่ามหาศาล
ในสถานการณ์ปัจจุบันที่ประเด็นต่างๆ เรื่องเศรษฐกิจและการค้าระหว่างจีนกับประเทศในโลกตะวันตกดูจะไม่ค่อยราบรื่นนัก แต่กลับดูเหมือนว่าจีนได้ยกระดับความสัมพันธ์ทางการค้ากับตุรกีไปอีกขั้นด้วยการขยายขอบเขตความหลากหลายทางการค้ากับตุรกีให้เพิ่มมากขึ้น โดยล่าสุด BYD บริษัทรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ของโลกสัญชาติจีนได้ทำการลงนามข้อตกลงเรื่องการลงทุนกับกระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งจะเป็นการลงทุนโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่มีกําลังการผลิตมากถึง 150,000 คันต่อปี พร้อมศูนย์ R&D ที่มีมูลค่าสูงกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
BYD ถือเป็นรถยนต์ไฟฟ้าของจีนที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้นๆ ของโลกในปัจจุบันด้วยยอดขายประมาณ 3 ล้านคันต่อปี มองว่าการลงทุนในตุรกีจะเป็นการเพิ่มขึดความสามารถในการผลิตและประสิทธิภาพด้านโลจิสติกส์ ด้วยจุดแข็งของตุรกีทั้งในเรื่องระบบเทคโนโลยีที่กําลังพัฒนา ซัพพลายเชนที่แข็งแกร่ง ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่ได้เปรียบ และแรงงานที่มีคุณภาพ ประกอบกับกระแสความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้นไม่เฉพาะภายในประเทศ แต่รวมไปถึงโอกาสในการขยายตลาดในยุโรปเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย
ในขณะเดียวกันดูเหมือนว่าสินค้าจากตุรกีจะเริ่มเป็นที่สนใจมากยิ่งขึ้นในตลาดจีนด้วยเช่นกัน สภาผู้ส่งออกตุรกี (TIM) รายงานว่า การส่งออกของตุรกีไปยังจีนในเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้นเป็น 312.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สูงกว่าในเดือนก่อนหน้าร้อยละ 37.6 และสูงขึ้นถึงร้อยละ 51 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า รวมแล้วในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ (2024) ตุรกีส่งออกไปจีนได้มากถึง 1.8 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ สูงขึ้นร้อยละ 11.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในภาพรวมแล้วสินค้าที่ส่งออกไปจีนได้มากที่สุดจะเป็นสินค้าในกลุ่มอุตสาหกรรม โดยอันดับหนึ่งเป็นกลุ่มเหมืองแร่ ตามมาด้วยกลุ่มเคมีภัณฑ์ กลุ่มเหล็ก และกลุ่มสิ่งทอ ตามลำดับ รวมไปถึงกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ที่ส่งออกได้มากขึ้นด้วยเช่นกัน
ข้อคิดเห็นจากสำนักงานฯ
เป็นที่ทราบกันดีว่าจีนเป็นประเทศที่มีความสำคัญด้านการค้าระหว่างประเทศเป็นอย่างมาก ด้วยตลาดภายในประเทศที่มีขนาดใหญ่ ทั้งด้านการบริโภคและภาคการผลิตที่มีความพร้อมและและมีขนาดใหญ่มากๆ ทำให้จีนเป็นคู่ค้าอันดับต้นๆ ของแทบจากทุกประเทศในโลกไม่ว่าจะในภูมิภาคไหน อย่างตุรกีเองซึ่งส่วนใหญ่ค้าขายกับประเทศในยุโรปเป็นหลักก็ยังมีจีนที่เป็นประเทศจากเอเชียเพียงประเทศเดียวที่เป็นคู่ค้าสำคัญลำดับต้นๆ และเป็นประเทศที่ตุรกีขาดดุลการค้าด้วยมากที่สุดถึงกว่า 40,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณร้อยละ 10 ของมูลค่าการขาดดุลการค้ารวมทั้งหมดของตุรกีกว่า 100,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปีที่ผ่านมา
ภายใต้นโยบายที่มุ่งเน้น “การปรับสมดุลทางการค้าระหว่างประเทศ” ของรัฐบาลตุรกีในปัจจุบัน ที่ตั้งเป้าหมายจะลดตัวเลขการขาดดุลทางการค้ากับประเทศต่างๆ ให้ได้เป็นอันดับแรก จีนจึงต้องถือเป็นเป้าหมายอันดับหนึ่งที่ตุรกีจะต้องมุ่งเน้นให้มีการเพิ่มการส่งออกและลดการนำเข้า รวมไปถึงพยายามที่จะดึงดูดการลงทุนเข้ามาเพื่อลดช่องว่างการขาดดุลที่มีอยู่ อย่างไรก็ตาม สำหรับจีนแล้ว ตุรกีก็ต้องถือเป็นอีกหนึ่งประเทศที่น่าสนใจทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นความพร้อมด้านวัตถุดิบและซัพพลายเชนในหลายอุตสาหกรรม และด้วยเหตุผลอื่นๆ อาทิ ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่ได้เปรียบ โครงสร้างพื้นฐานด้านระบบขนส่งและคมนาคมในประเทศที่พร้อม จึงไม่ใช่เรื่องแปลกมากนักที่ตุรกีจะได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการจีนมากขึ้น โดยเมื่อพิจารณาจากสินค้าหลักๆ ที่ตุรกีมีการส่งไปจีนนั้น จะเห็นได้ว่าเป็นกลุ่มสินค้าที่เป็นวัตถุดิบในการผลิตเป็นสำคัญ ส่วนเรื่องการเข้ามาลงทุนของยักษ์ใหญ่ด้านยานยนต์ไฟฟ้าอย่าง BYD ก็อาจเป็นอีกสัญญาณหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่า จีนเริ่มมองเห็นความสำคัญของตุรกีในภูมิภาคนี้ โดยจะไม่เป็นเพียงแต่ศูนย์การผลิตสินค้าเท่านั้น แต่สามารถใช้เป็นจุดยุทธศาสตร์ในการกระจายสินค้าไปยังประเทศอื่นๆ ได้ทั้งในทวีปยุโรปและแอฟริกา และหากว่ากันเฉพาะในเรื่องอุตสาหกรรมยานยนต์ ไม่เพียงแต่ BYD เท่านั้น ยังมีอีกผู้ผลิตอีกหลายรายในจีนไม่ว่าจะเป็น Skywell, DFSK, Chery, MG และ SWM ที่ให้ความสนใจตุรกีอย่างมากทั้งในแง่ของตลาดและการเป็นฐานในการผลิต
ที่มา: https://www.trthaber.com/haber/ekonomi/turkiye-cine-ihracatini-yuzde-51-artirdi-872837.html