อินเดียกำลังพิจารณาขึ้นภาษีนำเข้าน้ำมันพืชเพื่อสนับสนุนการเกษตรในประเทศ

รัฐบาลอินเดียกำลังพิจารณาปรับขึ้นอัตราภาษีนำเข้าครั้งสำคัญสำหรับสินค้าประเภทน้ำมันพืช โดยเฉพาะน้ำมันปาล์มและน้ำมันถั่วเหลือง เพื่อปกป้องเกษตรกรภายในประเทศและเพื่อประกันว่าเกษตกรยังคงได้รับราคาสนับสนุนขั้นต่ำ (Minimum Support Price: MSP) จากภาครัฐสำหรับพืชผลทางการเกษตร ปัจจุบันอัตราภาษีนำเข้าน้ำมันดิบอยู่ที่ 5.5% และสำหรับน้ำมันที่ผ่านการกลั่นแล้ว (รวมน้ำมันเพื่อการบริโภค) 13.75% การเปลี่ยนแปลงนโยบายนี้อาจส่งผลกระทบในวงกว้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูเพาะปลูก (Rabi Crops ) ที่กำลังจะมาถึง

กระทรวงเกษตรของอินเดียได้เสนอให้เพิ่มอัตราภาษีนำเข้าเพื่อป้องกันสินค้านำเข้าราคาถูกและปกป้องกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกพืชน้ำมันในประเทศ รวมทั้งกระทรวงอาหารได้สนับสนุนข้อเสนอนี้เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อฤดูเพาะปลูกสำหรับพืชน้ำมันที่กำลังจะมาถึง เช่น มัสตาร์ด ซึ่งเป็นพืชน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดของอินเดีย การตัดสินเรื่องดังกล่าวจะตั้งอยู่บนบรรทัดฐานของมติคณะรัฐมนตรีนำโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสหกรณ์ (Mr.Amit Shah) ซึ่งจะพิจารณาเรื่องผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อเกษตรกรภายในประเทศและอุตสาหกรรมน้ำมันพืช

Mr. Ajay Jhunjhunwala ประธานสมาคมสกัดตัวทำละลายแห่งอินเดีย (Solvent Extractors’ Association of India: SEA) ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มในอินเดีย ได้ออกมาแสดงความผิดหวังเกี่ยวกับการบริหารงานของภาครัฐเชิงงบประมาณครั้งล่าสุด โดยเน้นถึงความจำเป็นต่อการขึ้นภาษีนำเข้าเพื่อปกป้องเกษตรกรในประเทศจากการนำเข้าสินค้าพืชน้ำมันราคาต่ำ ปัจจุบันราคาตลาดของพืชน้ำมัน เช่น ถั่วเหลืองและถั่วลิสง ยังอยู่ต่ำกว่าราคาสนับสนุนขั้นต่ำ (MSP) ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับรายได้ของเกษตรกรและแรงจูงใจในการเพาะปลูก

ข้อมูลเพิ่มเติม
1. สำหรับถั่วเหลือง ราคาสนับสนุนขั้นต่ำ (MSP) ในช่วงฤดูกาลเพาะปลูก (Kharif 2024-2025) คือ 4,892 รูปีต่อควินทัล (100 กก.) ซึ่งเพิ่มขึ้น 292 รูปีจากราคาในฤดูกาลก่อนที่ 4,600 รูปีต่อควินทัล/ราคา MSP และสำหรับถั่วลิสง ในฤดูกาลเดียวกันอยู่ที่ 6,783 รูปีต่อควินทัล เพิ่มขึ้น 406 รูปีจากฤดูกาลก่อน

อินเดียกำลังพิจารณาขึ้นภาษีนำเข้าน้ำมันพืชเพื่อสนับสนุนการเกษตรในประเทศ

2. ราคาสนับสนุนขั้นต่ำ (MSP) สำหรับเมล็ดมัสตาร์ด ในฤดูกาลเพาะปลูก (Rabi 2023-2024) อยู่ที่ 5,650 รูปีต่อควินทัล แต่เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2024 ราคามาตรฐานทั่วอินเดียอยู่ที่ประมาณ 5,300 รูปีต่อควินทัล ซึ่งต่ำกว่า MSP ประมาณ 6% เหตุผลบางประการที่ทำให้ราคาลดลง ได้แก่ ผลผลิตที่ล้นตลาด การนำเข้าน้ำมันบริโภคที่ราคาถูกกว่าและเพิ่มขึ้นเชิงปริมาณ เนื่องจากราคาตลาดโลกที่อ่อนตัวลง รวมถึงรัฐบาลได้ปรับลดภาษีนำเข้าในอดีต
ผลกระทบทางเศรษฐกิจและความท้าทาย
การผลักดันของกระทรวงเกษตรในการเพิ่มอัตราภาษีนำเข้าในครั้งนี้ เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่พืชตระกูลถั่วเหลืองมีการเก็บเกี่ยวและขายในราคาที่ต่ำกว่าราคา MSP ที่ 4,150 รูปีต่อควินทัลในรัฐมัธยประเทศ และ 4,185 รูปีต่อควินทัลในรัฐ
มหาราษฏระ เทียบกับราคากลาง MSP ที่ 4,892 รูปีต่อควินทัล ราคาถั่วลิสงก็เผชิญกับปัญหาเช่นกัน โดยราคาตลาดปัจจุบันต่ำกว่าราคา MSP ที่ 6,783 รูปีต่อควินทัล ดังนั้น การเพิ่มภาษีนำเข้าที่รัฐบาลเสนอมีเป้าหมายเพื่อป้องกันการนำเข้าสินค้าราคาต่ำกว่าต้นทุนของน้ำมันพืชที่ผลิตในประเทศ และเป็นการประกันว่าเกษตรกรในท้องถิ่นจะไม่ได้รับผลกระทบเสียหาย
นอกจากนี้ ราคาขายปลีกของน้ำมันพืชในเดือนสิงหาคมปีนี้ลดลง เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยปัจจุบันราคาน้ำมันถั่วเหลือง คือ 123 รูปีต่อลิตร น้ำมันมัสตาร์ด 145 รูปีต่อลิตร น้ำมันปาล์ม 102 รูปีต่อลิตร น้ำมันถั่วลิสง 187 รูปีต่อลิตร และน้ำมันดอกทานตะวัน 131 รูปีต่อลิตร ราคาที่ลดลงแสดงให้เห็นถึงผลกระทบโดยตรงจากการนำเข้าสินค้าราคาถูก ซึ่งเป็นการเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการใช้มาตรการป้องกันเพื่อสนับสนุนภาคการเกษตรภายในประเทศ
ข้อคิดเห็น
ในปี 2566 อินเดียนําเข้าน้ำมันปรุงอาหารเฉลี่ย 1.2 ล้านตัน ขนาดของตลาดน้ำมันปรุงอาหารของอินเดียสูงถึง 24.7 ล้านตัน และในปี 2575 สถาบันวิชาการ IMARC คาดว่าตลาดจะสามารถเติบโตได้ถึง 27.9 ล้านตันใน และระหว่างปี 2567-2575 อัตราการเติบโตเฉลี่ยแบบรายปี (CAGR) คิดเป็น 1.35% ปัจจุบันอินเดียเป็นผู้นำเข้าน้ำมันปรุงอาหารรายใหญ่ที่สุดของโลก โดยหากแบ่งตามสัดส่วนของตลาดแล้ว น้ำมันปาล์มคิดเป็นส่วนแบ่งสูงสุด รองลงมาคือน้ำมันถั่วเหลือง ทั้งนี้ การเคลื่อนไหวของภาครัฐอินเดียในการขึ้นอัตราภาษีนำเข้าสำหรับน้ำมันพืชในช่วงเวลาก่อนฤดูการเพาะปลูก มีนัยสำคัญเพื่อปกป้องเกษตรกรภายในประเทศและเพื่อประกันว่าเกษตกรมีรายได้ไม่ต่ำกว่าราคาสนับสนุนขั้นต่ำ (MSP) ในพืชน้ำมัน อาทิ ถั่วลิสง ถั่วเหลือง และ เมล็ดมัสตาร์ด อย่างไรก็ดี ในปี 2566 อินเดียนำเข้าน้ำมันปาล์มจากไทย (HS 151110/151620) เป็นอันดับที่ 3 ของโลก คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 11.69 % มูลค่า 784.15 ล้านเหรียญสหรัฐ อินเดียนำเข้าน้ำมันปาล์มส่วนใหญ่มาจากอินโดนีเซีย (43.38%) และ มาเลเซีย (32.94) โดยด้านการผลิตปี 2566/67 ไทยตั้งเป้ากำลังการผลิตน้ำมันปาล์มดิบที่ 79.99 ล้านตัน ในขณะที่อินเดียนำเข้าน้ำมันถั่วเหลืองและน้ำมันดอกทานตะวันจากอาร์เจนตินา บราซิล รัสเซีย และยูเครน ทั้งนี้ ผู้ประกอบการไทยที่ต้องการเจาะตลาดอินเดียในอุตสาหกรรมดังกล่าว ควรศึกษามาตรการของทางภาครัฐอินเดียและปรับแผนกลยุทธ์ให้สอดคล้องเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันจากข้อจำกัดการนำเข้าด้านภาษี อาทิ มุ่งเน้นไปที่กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่สร้างมูลค่าเพิ่ม (value added) ตลอดจนผู้ส่งออกไทยอาจพิจารณาการกระจายความเสี่ยงผ่านการหาพันธมิตรหรือร่วมทุนกับบริษัทอินเดียในท้องถิ่นเพื่ออำนวยความสะดวกต่อการเข้าสู่ตลาดของสินค้าไทยและเป็นการลดผลกระทบทางภาษีนำเข้าที่สูงขึ้น

 

ที่มา:
1.https://in.investing.com/news/commodities-news/india-to-consider-raising-import-duties-on-edible-oils-to-boost-domestic-farming-4402135
2.https://vikaspedia.in/agriculture/market-information/minimum-support-price

thThai