เม็กซิโกลุ้นแซงแคนาดาขึ้นแท่นคู่ค้าอันดับ 1 ของสหรัฐ

เม็กซิโกลุ้นแซงแคนาดาขึ้นแท่นคู่ค้าอันดับ 1 ของสหรัฐ
ที่มา: The Ministry of Economy, Mexico

การค้ารวมระหว่างเม็กซิโกและสหรัฐอเมริกาในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567 เพิ่มขึ้นสูงสุดกว่าทุกประเทศ โดยมีมูลค่าสูงถึง 415.38 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 19,160 ล้านเหรียญฯ ในขณะที่คู่ค้าอันดับหนึ่งอย่างแคนาดามีมูลค่าการค้ากับสหรัฐฯ ลดลง 4,490,000 ล้านเหรียญฯ และอันดับ 3 จีน มีมูลค่าการค้ากับสหรัฐลดลง 6,210 ล้านเหรียญฯ  โดยทั้งสามประเทศมีสัดส่วนมูลค่าการค้ากับสหรัฐฯ สูงถึงร้อยละ 41.13 ของมูลค่าการค้ารวมทั้งหมดของสหรัฐฯ นอกจากนี้ เม็กซิโกยังกลายมาเป็นแหล่งนำเข้าสินค้าอันดับที่ 1 ของสหรัฐฯ แทนที่จีน ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากมาตรการกีดกันทางภาษีที่สหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีนำเข้าจากสินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากจีนสูงขึ้นมาตั้งแต่สมัยประธานธิบดีโดนัล ทรัมป์ และต่อเนื่องมาจนถึงสมัยของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ส่งผลให้การนำเข้าสินค้าจากจีนลดลง

ทั้งนี้ มีการวิเคราะห์ว่าทิศทางการค้าระหว่างเม็กซิโกและสหรัฐฯ อาจจะเปลี่ยนไปภายหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในช่วงปลายปีนี้ เนื่องจากที่ผ่านมาเม็กซิโกถูกสหรัฐฯ เพ่งเล็งในเรื่องการลักลอบเข้าสหรัฐอย่างผิดกฎหมายของพลเมืองเม็กซิโกและจากประเทศอื่นๆ ผ่านชายแดนเม็กซิโก และการลักลอบค้ายาเสพติด ซึ่งส่งผลเสียหายต่อเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชากรสหรัฐฯ มาโดยตลอด ดังนั้น แนวโน้มการค้าระหว่างสหรัฐและเม็กซิโก จึงขึ้นอยู่กับผลการเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯ ในครั้งนี้ ซึ่งจากผลสำรวจโพลล่าสุดนาง Kamala Harris อาจจะมีโอกาสขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของสหรัฐฯ เช่นเดียวกับ นาง Claudia Sheinbaum ที่ได้รับเลือกให้เป็นประธานธิบดีหญิงคนแรกของเม็กซิโกเมื่อเดือนมิถุนายน 2567 โดยหากพิจารณาจากนโยบายทางการเมืองที่ผ่านมา แม้ว่าทั้งคู่จะไม่ได้ออกตัวเป็นฝ่ายสนับสนุนการค้าเสรีมากนัก แต่คาดว่าทั้งนาง Harris และนาง Sheinbaum จะไม่ใช้มาตรการใดๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการค้าระหว่างสหรัฐและเม็กซิโก ในขณะที่หากอดีตประธานาธิบดีโดนัล ทรัมป์ ผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการเปิดเสรีทางการค้า ได้กลับเข้ามาบริหารประเทศ ก็ยังไม่ทราบแน่ชัดว่านโยบายการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ จะเป็นไปในทิศทางใด เนื่องจากที่ผ่านมา ทรัมป์ได้แสดงท่าทีว่าจะเพิ่มภาษีกับสินค้านำเข้าทั้งหมดของสหรัฐฯ โดยสินค้าจีนจะถูกเก็บภาษีสูงสุด

อย่างไรก็ดี เนื่องจากเม็กซิโกได้รับสิทธิประโยชน์ภายใต้ความตกลงการค้าเสรีกับสหรัฐและแคนาดา (ความตกลง T-MEC) สินค้าจากเม็กซิโกจะได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีน้อยกว่าสินค้าจากประเทศอื่นๆ นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยังคงต้องพึ่งพาเม็กซิโกในการนำเข้าทั้งสินค้าอุปโภค บริโภค และสินค้าวัตถุดิบในหลายอุตสาหกรรม โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ รวมทั้งปัจจุบันเม็กซิโกยังเป็นฐานการผลิตสำคัญของบริษัทสัญชาติอเมริกัน เช่น General Motors, Ford Motors, Praxair, Cisco, Honeywell, Pfizer, PepsiCo เป็นต้น ดังนั้น คาดว่ามูลค่าการค้าระหว่างสหรัฐและเม็กซิโกจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2567 และเม็กซิโกอาจจะสามารถแซงหน้าแคนาดาขึ้นมาเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งของสหรัฐฯ ในปี 2568 ได้

———————————————

thThai