Mr. John Lee Ka-chiu ผู้บริหารสูงสุดเขตบริหารพิเศษฮ่องกง เปิดเผยว่า ฮ่องกงมีความพร้อมรอบด้านในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์เส้นทางสายไหมใหม่ (Belt and Road Summit) พร้อมผลักดันการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยแถลงการณ์ดังกล่าวมีขึ้นระหว่างพิธีเปิดการประชุม Belt and Road Summit 2024 ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 9 ระหว่างวันที่ 11 -12 กันยายน 2567 ภายใต้ความร่วมมือระหว่างรัฐบาลฮ่องกงและองค์การสภาพัฒนาการค้าฮ่องกง (HKTDC)
ผู้บริหารสูงสุดเน้นย้ำถึงจุดแข็งของฮ่องกงในฐานะเมืองนานาชาติที่เปิดกว้างที่สุดของจีน “นักลงทุนทั่วโลก รวมถึงสำนักงานครอบครัวกว่า 2,700 แห่งในฮ่องกง สามารถใช้ประโยชน์จากบริการวิชาชีพครบวงจรของเรา ทั้งด้านการเงิน กฎหมาย สถาปัตยกรรม วิศวกรรม และโลจิสติกส์ เพื่อสนับสนุนโครงการ” นอกจากนี้ยังเสนอให้ฮ่องกงใช้ศักยภาพด้านนวัตกรรมเทคโนโลยี เพื่อสร้างผลิตภาพรูปแบบใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีสีเขียวและการเงินสีเขียว
Mr. Peter KN Lam ตำแหน่ง HKTDC Chairman กล่าวว่า ฮ่องกงในฐานะเมืองสำคัญของเขตเศรษฐกิจพิเศษอ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า (GBA) มีความได้เปรียบในการเชื่อมโยงกับตลาดจีนแผ่นดินใหญ่ สามารถเอื้อประโยชน์ให้บริษัทจากเอเชียและภูมิภาคอื่น ๆ ลงทุนในจีน ขณะเดียวกันก็ช่วยให้บริษัทจีนขยายธุรกิจสู่ต่างประเทศ
Ms. Li Yongjie ตำแหน่ง deputy international trade representative of the Chinese Ministry of Commerce ยืนยันว่า รัฐบาลกลางจะสนับสนุนฮ่องกงอย่างต่อเนื่องในการยกระดับสู่การเป็นศูนย์กลางการเงิน การขนส่ง และการค้านานาชาติ พร้อมทั้งส่งเสริมให้ฮ่องกงใช้จุดแข็งในการมีส่วนร่วมกับยุทธศาสตร์เส้นทางสายไหมใหม่
การประชุมสุดยอดครั้งที่ 9 นี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “สร้างเส้นทางสายไหมใหม่ที่เชื่อมโยง ล้ำสมัย และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม” โดยมีผู้เข้าร่วมเกือบ 6,000 คนจากกว่า 70 ประเทศและภูมิภาค รวมถึงผู้กำหนดนโยบายและผู้นำธุรกิจกว่า 80 ราย นอกจากนี้ยังมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการลงทุนและนิทรรศการพิเศษตลอดการประชุมสองวัน
ความคิดเห็นของสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองฮ่องกง
การประชุม Belt and Road Summit ครั้งนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 9 โดยรัฐบาลกลางยังคงให้ความสำคัญและสนับสนุนฮ่องกงในฐานะศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ ผู้บริหารสูงสุดแสดงวิสัยทัศน์ที่มุ่งส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจระดับนานาชาติ ฟื้นฟูการหมุนเวียนของเงินทุน สนับสนุนสินค้าและบริการให้เติบโตด้วยการส่งเสริมการเชื่อมต่อระหว่างประเทศและสร้างความสัมพันธ์ให้เกิดความเอื้ออำนวยทางเศรษฐกิจ ภายในงานมีการจัดแสดงโครงการที่น่าสนใจจากประเทศพันธมิตรและมุมสร้างเครือข่ายทางธุรกิจ นอกจากนี้ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ของฮ่องกงได้เข้าร่วมการสัมนาเพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ทางธุรกิจพร้อมทั้งแนะนำช่องทางในการค้าไปยังตลาดจีนและตลาดสากล จึงนับว่าเป็นโอกาสทางการค้าที่ดีของผู้ประกอบการไทยที่ส่งออกสินค้ามายังฮ่องกงเนื่องจากเป็นประตูสำคัญในการขยายตลาดไปสู่จีน
แหล่งข้อมูล: https://english.news.cn/20240912/4315ab327bae464e877280d29e7cd88e/c.html