ฮ่องกงประสบความสำเร็จในการดึงดูดเงินลงทุนกว่า 1.5 หมื่นล้าน ดอลล่าร์ จากนักลงทุนที่ต้องการพักอาศัยในฮ่องกง

 

ทางการฮ่องกงเปิดเผยว่า มีนักลงทุน 47 ราย ทุ่มเงินคนละ 30 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง (ราว 3.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ภายในกรอบเวลา 6 เดือนที่กำหนด ผ่านโครงการลงทุนใหม่เพื่อพำนัก โดยคาดว่าจะมีเงินทุนไหลเข้าเมืองผ่านโครงการนี้
สูงถึง 15,000 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง

 

InvestHK หน่วยงานรัฐบาลซึ่งดูแลการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ว่า โครงการลงทุนใหม่เพื่อพำนัก The New Capital Investment Entrant Scheme Office (New CIES) ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก มียอดใบสมัครเกิน 500 ราย เพิ่มขึ้นจาก 339 รายในช่วงสิ้นเดือนมิถุนายน

 

Ms. Alpha Lau Hai-suen, Director General, InvestHK กล่าวว่า “ยอดผู้สมัครโครงการ New CIES ที่พุ่งสูงขึ้น สะท้อนถึงความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าของมหาเศรษฐีทั่วโลกที่มีต่อฮ่องกง”

 

ตัวเลขล่าสุดนี้เปิดเผยออกมาราว 2 เดือนหลังจากที่รัฐบาลประกาศว่ามีนักลงทุน 3 ราย ได้ทุ่มเงินตามเกณฑ์ที่กำหนดคือ 30 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง และได้รับวีซ่าพำนัก 2 ปี โดย Ms. Lau ได้เคยคาดการณ์ไว้ว่า โครงการนี้จะดึงดูดการลงทุนได้ 10,000 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง จากใบสมัคร 339 รายที่ได้รับในขณะนั้น

 

 

ล่าสุด ทางการระบุว่า จากยอดใบสมัคร 500 ราย คาดว่าจะนำเงินลงทุนเข้าสู่เมืองได้มากถึง 15,000 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง โดยจากผู้สมัคร 47 รายที่ผ่านการอนุมัติแล้ว มีเงินทุนไหลเข้ามาแล้วอย่างน้อย 1,400 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง

 

ฮ่องกงเปิดตัวโครงการ New CIES หรือที่รู้จักกันในชื่อโครงการลงทุนใหม่เพื่อพำนัก เมื่อวันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา โดยมีเป้าหมายเพื่อเปิดช่องทางด่วนให้ผู้มีฐานะร่ำรวยและครอบครัวได้รับสิทธิพำนัก ด้วยการลงทุนอย่างน้อย 30 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง โดยเงินทุนต้องคงอยู่ในตลาดการเงินของเมืองเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 7 ปี

 

ส่วนใหญ่ของเงินลงทุน คือ 27 ล้านดอลลาร์ฮ่องกงหรือ 90% ต้องลงทุนในสินทรัพย์ทางการเงิน อาทิ หุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ตราสารหนี้ เงินฝาก หนี้ด้อยสิทธิ โครงการลงทุนรวมที่มีคุณสมบัติ และกองทุนหุ้นส่วนจำกัด ส่วนที่เหลืออีก 3 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง ต้องลงทุนในด้านที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยี รวมถึงอุตสาหกรรมเชิงยุทธศาสตร์ ซึ่งจะถูกนำเข้าพอร์ตการลงทุน New CIES ที่บริหารโดยบริษัทการลงทุนฮ่องกง เพื่อสนับสนุนสตาร์ทอัพและอุตสาหกรรมไอทีของเมือง

 

ทั้งนี้ การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัยไม่ถูกนับรวมในจำนวนเงินลงทุนตามเกณฑ์ โดยเกณฑ์สำหรับโครงการใหม่นี้สูงกว่าเกณฑ์ก่อนหน้าที่ยุติลงในปี 2558 ถึง 3 เท่า ซึ่งเป็นผลมาจากการเก็งกำไรที่รุนแรงในตลาดอสังหาริมทรัพย์

 

ภายใต้โครงการเดิมซึ่งเปิดตัวในปี 2546 หลังจากฮ่องกงได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการระบาดของโรคซาร์ส มีการอนุมัติใบสมัครมากกว่า 25,000 ราย โดยมีเงินทุนเข้ามารวมประมาณ 216,000 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง

 

สำหรับโครงการใหม่นี้ ผู้สมัครที่ผ่านการอนุมัติและผู้ติดตามสามารถยื่นขอสถานะผู้มีถิ่นที่อยู่ถาวรได้ หลังจากพำนักอาศัยในฮ่องกงอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 7 ปี ทั้งนี้ต้องเป็นไปตามข้อกำหนดอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องภายใต้กฎหมายคนเข้าเมืองด้วย

 

ความคิดเห็นของสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองฮ่องกง

  เศรษฐกิจของฮ่องกงเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง และกลับมาเป็นที่สนใจของนักลงทุนที่มีความต้องการก่อตั้งธุรกิจรวมทั้งพำนักอาศัยในฮ่องกง นอกจากนี้ฮ่องกงเป็นจุดศูนย์กลางการลงทุนที่สำคัญในเขตพื้นที่ทางเศรษฐกิจพิเศษ Greater Bay Area ซึ่งมีพันธกิจร่วมกันกับเมืองอื่นๆ คือ ร่วมกันสร้างความมั่งคั่ง และดึงดูดผู้มั่งคั่งจากทั้งแผ่นดินใหญ่รวมไปถึงระดับนานาชาติ เพื่อผลักดันให้ฮ่องกงเป็นฐานในการจัดการการลงทุนและกระจายพอร์ตการลงทุนส่งผลให้เศรษฐกิจฮ่องกงแข็งแกร่งขึ้น รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรมต่างๆ และกระตุ้นเศรษฐกิจทำให้ประชากรมีรายได้สูงและมีกำลังซื้อ เมื่อเศรษฐกิจภายในคล่องตัวผู้ประกอบการธุรกิจนำเข้าสินค้าต่างๆ จึงมองหาสินค้าเข้ามาจำหน่ายในฮ่องกงและจีน เนื่องจากสินค้าไทยได้เปรียบตรงที่ชาวฮ่องกงให้ความนิยม ดังนั้นควรใช้โอกาสทางการค้าโดยผู้ประกอบการ/ธุรกิจไทยในการสร้างความร่วมมือกับผู้ประกอบการฮ่องกง ในการขยายตลาดการค้าเข้าสู่ตลาดจีน เขตเศรษฐกิจพิเศษ Greater Bay Area (GBA)  และต่างประเทศต่อไป

 

แหล่งข้อมูล: https://www.scmp.com/news/hong-kong/hong-kong-economy/article/3278732/hong-kong-cash-residency-scheme-now-expected-bring-hk15-billion-investments?module=perpetual_scroll_0&pgtype=article

thThai