(ทุเรียนเวียดนามที่จำหน่ายในเขตปกครองตนเองกวางสีจ้วง
แหล่งที่มา https://english.news.cn/20231212/129c709ae4a646dd9ad910f03ece3cc1/c.html)
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา การค้าระหว่างจีนและเวียดนามได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็ว โดยมูลค่าการค้าระหว่างสองฝ่ายเพิ่มขึ้นจากประมาณ 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2551 เป็น 230,200 ล้านเหรียญสหรัฐฯในปี 2566 ซึ่งได้ขยายตัวเพิ่มขึ้น 11.5 เท่าในช่วงเวลา 15 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี 2561 เวียดนามกลายเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของจีนในภูมิภาคอาเซียน การค้าทวิภาคีมีมูลค่าเกิน 200,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯเป็นเวลา 3 ปีติดต่อกัน
ข้อมูลของศุลกากรจีน ระบุว่า ในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2567 มูลค่าการค้าระหว่างจีนและเวียดนามอยู่ที่ 145,015 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 24.1 (YoY) โดยแบ่งเป็นมูลค่าการส่งออกไปเวียดนาม 91,122 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 25.5 และจีนนำเข้าจากเวียดนาม 53,892 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 21.7 โดยเวียดนามขาดดุลการค้าให้กับจีน 37,230 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
จีนเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม สินค้าส่งออกหลักของเวียดนามไปยังจีน ได้แก่ โทรศัพท์มือถือ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ผลิตภัณฑ์ยาง สินค้าเกษตร ผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำ และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ โดยเฉพาะสินค้าเกษตรของเวียดนาม อาทิ ทุเรียน แก้วมังกร ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคชาวจีน สินค้าเกษตรที่จีนนำเข้าจากเวียดนามคิดเป็นประมาณร้อยละ 20 หรือเป็นสัดส่วน 1 ใน 5 ของผลิตภัณฑ์การเกษตรทั้งหมดที่จีนนำเข้าจากกลุ่มประเทศอาเซียน ขณะเดียวกัน เวียดนามยังเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของจีนในอาเซียนอีกด้วย สินค้าส่งออกของจีนไปยังเวียดนาม ได้แก่ เครื่องจักร อุปกรณ์ วัตถุดิบสำหรับการผลิตเสื้อผ้า รองเท้าหนัง เหล็ก วัสดุก่อสร้าง สินค้าอุปโภคบริโภค และของใช้ในชีวิตประจำวันประเภทอื่นๆ
รูปแบบการขนส่งหลักสำหรับการค้าระหว่างจีน-เวียดนาม
1. รูปแบบการขนส่งทางรถไฟ
รถไฟจีน-เวียดนามที่ออกเดินทางจากนครหนานหนิง เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง ไปยังกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2560 การขนส่งสินค้าที่ใช้เส้นทางดังกล่าวใช้เวลาเพียง 14 ชั่วโมงจากนครหนานหนิงไปยังกรุงฮานอย และสามารถจัดส่งสินค้าและดำเนินพิธีการศุลกากรได้ภายในวันเดียวกัน ปัจจุบัน รถไฟจีน – เวียดนามได้ครอบคลุมมากกว่า 20 เมืองในเขตฯ กวางสีจ้วงและพื้นที่ใกล้เคียง โดยการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดนได้ครอบคลุมเวียดนาม ลาว ไทย และประเทศในกลุ่มอาเซียนอื่นๆ ทั้งนี้ ในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2567 รถไฟจีน – เวียดนาม มีการขนส่งตู้สินค้าไปแล้วทั้งสิ้น 6,850 TEU ขยายตัวเพิ่มขึ้น 16 เท่า (YoY) ซึ่งถือว่าเป็น “ช่องทางด่วน” ที่มีประสิทธิภาพในการส่งเสริมการค้าระหว่างจีนและเวียดนาม
2. รูปแบบการขนส่งทางบก
ด่านผิงเสียง (Pingxiang border) และด่านตงซิ่ง (Dongxing border) ของเขตฯ กวางสีจ้วง เป็นช่องทางการขนส่งทางบกที่สำคัญระหว่างจีนและเวียดนาม สินค้าที่ขนส่งผ่านช่องทางนี้ส่วนใหญ่เป็นสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เสื้อผ้า เป็นต้น
3. รูปแบบการขนส่งทางทะเล/ทางเรือ
ท่าเรือที่ติดชายฝั่งของจีน เช่น ท่าเรือกวางโจว ท่าเรือเซินเจิ้น ท่าเรือเซี่ยงไฮ้ ฯลฯ มีการขนส่งสินค้าทางเรือบ่อยครั้งกับท่าเรือไฮฟอง ท่าเรือโฮจิมินห์ และท่าเรืออื่นๆ ของเวียดนาม สินค้าที่ขนส่งผ่านช่องทางนี้ประกอบด้วยวัสดุก่อสร้าง ธัญญาหาร ฯลฯ
4. รูปแบบการขนส่งทางอากาศ
สนามบินในเมืองใหญ่ของจีน เช่น ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ และกว่างโจว มีเที่ยวบินขนส่งสินค้าเป็นประจำกับสนามบินฮานอย สนามบินโหน่ยบ่าย และสนามบินเติ่นเซินเญิ้ตของเวียดนาม สินค้าที่ขนส่งผ่านช่องทางนี้ส่วนใหญ่ได้แก่ เครื่องมือที่มีความแม่นยำ สินค้าสด เป็นต้น
ประเด็นโดดเด่นของการค้าระหว่างจีน-เวียดนาม
1. ในการค้าระหว่างจีน-เวียดนาม การนำเข้าและส่งออกผลิตภัณฑ์ระหว่างผลิต (Intermediate Product) มีสัดส่วนเกือบร้อยละ 70 สะท้อนให้เห็นถึงความร่วมมือที่ใกล้ชิดมากขึ้นระหว่างทั้งสองประเทศในห่วงโซ่อุตสาหกรรมและห่วงโซ่อุปทาน ตัวอย่างเช่น อุตสาหกรรมการผลิตโทรศัพท์มือถือของเวียดนามกำลังได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดความต้องการนำเข้าสินค้าในห่วงโซ่การผลิต อาทิ วงจรเบ็ดเสร็จ (integrated circuit) ชิ้นส่วนโทรศัพท์มือถือ แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน จึงส่งผลให้เวียดนามมีการนำเข้าจากจีนที่เพิ่มสูงขึ้น
2. สินค้าเกษตรของเวียดนามยังคงขยายการส่งออกไปยังประเทศจีนอย่างต่อเนื่อง ในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 (ม.ค. – มิ.ย. 67) จีนมีปริมาณการนำเข้าทุเรียนจากเวียดนามเพิ่มขึ้นร้อยละ 46.3 (YoY) ขณะที่มูลค่าการนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 33.3 (YoY) สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มความต้องการสินค้าเกษตร โดยเฉพาะทุเรียนในตลาดจีนที่เพิ่มสูงขึ้น และเวียดนามสามารถตอบสนองความต้องการตลาด
3. เมื่อวันที่ 12 -13 ธันวาคม 2566 ในโอกาสที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เดินทางไปเยือนเวียดนาม ประธานาธิบดีสี กล่าวถึงความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างจีนและเวียดนามที่มีมาอย่างยาวนาน โดยทั้งสองฝ่ายควรให้ความสำคัญกับความใกล้ชิดทางภูมิศาสตร์และความได้เปรียบทางอุตสาหกรรมที่เกื้อกูลกัน เพื่อเร่งรัดความร่วมมือด้านการค้าและการพัฒนาประเทศให้ดียิ่งขึ้น อันจะนำประโยชน์ต่อประชาชนของทั้งสองประเทศมากยิ่งขึ้น
ข้อเสนอแนะ สคต. ณ นครเฉิงตู
แม้ว่าในปัจจุบันการค้าโลกกำลังเผชิญกับความท้าทาย แต่การค้าระหว่างเวียดนามและจีนก็ยังแสดงแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่ง เนื่องจากจีนมีอุตสาหกรรมในระดับกลางน้ำและต้นน้ำของห่วงโซ่การผลิต ทำให้เวียดนามมีความต้องการกระชับความร่วมมือกับจีนเพื่อตอบสนองอุตสาหกรรมการผลิตภายในประเทศของตน ในขณะเดียวกัน การพัฒนาเศรษฐกิจของจีนยังนำโอกาสทางธุรกิจมากมายมาสู่วิสาหกิจของเวียดนาม
ในปี 2567 เวียดนามตั้งเป้าให้จีนเป็นตลาดส่งออกอันดับหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งออกผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ป่าไม้ และผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำที่มีแนวโน้มการขยายตัวอย่างชัดเจน นอกจากนี้ เวียดนามยังมีตั้งเป้าขยายการส่งออกสินค้าเกษตรที่มีศักยภาพสูงในตลาดจีน ได้แก่ ยางพารา พริกไทย และมันสำปะหลัง
————————————————–
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครเฉิงตู
กันยายน 2567
แหล่งข้อมูล :
https://www.ccps.gov.cn/xtt/202312/t20231212_160465.shtml
http://tradeinservices.mofcom.gov.cn/article/news/gjxw/202408/166952.html
https://mp.weixin.qq.com/s/chW-zucAvi_u-Zusy9sC2Q
https://baijiahao.baidu.com/s?id=1808082904221492012&wfr=spider&for=pc
https://www.sohu.com/a/798716007_121123757
https://mp.weixin.qq.com/s?__biz=MzIxNDE0MTA0MQ==&mid=2650713682&idx=1&sn=2bf2f65ca149b1e01b6b63d301bb8c4a&chksm=8eb919b94e81c9bfebc92a7956d28bd2528899d17c0528dbda23f3db59b19542802f332a7857&scene=27
https://new.qq.com/rain/a/20240821A05MDM00