สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองกวางโจว กระทรวงพาณิชย์ ได้ร่วมกับสำนักงานพาณิชย์เขตฝูเถียน เมืองเซินเจิ้น และห้างสรรพสินค้า Link Central Walk จัดงานแสดงสินค้า Top Thai Brands Shenzhen 2024 ระหว่างวันที่ 3-8 กันยายน 2567 ณ ห้างสรรพสินค้า Link Central Walk เมืองเซินเจิ้น มณฑลกวางตุ้ง สาธารณรัฐประชาชนจีน นอกจากนี้ ยังได้มีการเชิญสำนักงานส่งเสริมการลงทุนเขตฝูเถียน เมืองเซินเจิ้น รวมถึงผู้นำเข้า/ตัวแทนจำหน่ายจำนวนมากเข้าร่วมงานพิธีเปิด พร้อมทั้งเดินชมสินค้าไทยภายในงานจัดแสดงดังกล่าว โดยการจัดกิจกรรมโครงการฯ ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประชาสัมพันธ์สร้างความตระหนักรู้และส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีให้กับสินค้าแบรนด์ดังของไทย ซึ่งจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นและทัศนคติที่ดีต่อสินค้าไทย จนนำไปสู่การขยายสัดส่วนการส่งออกสินค้าไทยสู่ตลาดโลก โดยเฉพาะตลาดจีน ซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดการบริโภคที่ใหญ่ที่สุดของโลก โดยการผลักดันการค้าและกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าในลักษณะหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจ ในตลาดเมืองรองของจีน
การจัดแสดงสินค้าไทยในปีนี้ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองกวางโจว ร่วมกับสำนักพัฒนาตลาดและธุรกิจไทยในต่างประเทศ 1 กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ได้จัดตั้งคูหาประเทศไทย ภายใต้แนวคิด “Think Trade, Think Thailand” โดยมีเป้าหมายผลักดันสินค้าไทยเข้าสู่ตลาดจีน และขยายโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยเข้าสู่ตลาดจีนมากขึ้น โดยพื้นที่จัดแสดงทั้งหมดของงานในครั้งนี้รวม 200 ตารางเมตร ประกอบด้วย ส่วนจัดแสดงนิทรรศการประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ประเทศไทย พื้นที่จัดแสดงศักยภาพประเทศไทยด้านการค้า สินค้าและบริการของไทย โดยจัดแสดงข้อมูลที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ อาทิ ตราสัญลักษณ์ของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เช่น Thai SELECT, Thailand Trust Mark (TTM) , PM Award หรือ DEmark เป็นต้น /แพลตฟอร์มการค้าออนไลน์ของไทย (Thaitrade.com)/ สินค้าและธุรกิจบริการที่มีศักยภาพของไทย และพื้นที่สำหรับจัดแสดงสินค้าไทย โดยปีนี้เป็นปีแรกที่ได้พาผู้ประกอบการไทยที่ผ่านการคัดเลือกจากโครงการ Top Thai Brands Shenzhen 2024 เข้าร่วมแสดงสินค้าไทยในเมืองเซินเจิ้นจำนวน 20 บริษัท แบ่งเป็นกลุ่ม “สินค้าอาหารแปรรูป และ ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม” ในระดับไฮเอนด์ อาทิ สินค้าเครื่องปรุงรส สินค้าผลไม้ฟรีซดราย (Freeze Dry) ขนมขบเคี้ยวที่ทำจากธัญพืช โดยล้วนแต่เป็นสินค้าที่มีคุณค่าทางโภชนาการทั้งสิ้น และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม ซึ่งมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย คือ “ผู้หญิง”และ กลุ่มบริโภคผู้สูงอายุของจีน อาทิ ผลิตภัณฑ์บำรุงและทำความสะอาดผิวที่มีสารสกัดจากธรรมชาติ น้ำมันมะพร้าว และผลิตภัณฑ์จากน้ำมันมะพร้าว ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม ครีมบำรุงผิว ครีมกันแดด ลิปสติก น้ำหอม สบู่ สินค้านวดประคบ สินค้าน้ำมันนวด ยาหม่อง ซึ่งสินค้าเหล่านี้เป็นสินค้าที่มีเอกลักษณ์ความเป็นไทย มีประโยชน์ต่อสุขภาพ จึงทำให้ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคกลุ่มผู้หญิงและกลุ่มผู้สูงอายุในเมืองเซินเจิ้นและชาวฮ่องกงที่เข้าร่วมชมงานแสดงฯ เป็นอย่างมาก
ภายในงานแสดงสินค้าฯ สคต.กวางโจว ยังได้จัดกิจกรรมการเจรจาการค้าผ่านช่องทางออฟไลน์ให้กับผู้ประกอบการไทย – จีน ซึ่งมีผู้นำเข้าและร้านอาหารไทย ที่ได้รับตราสัญลักษณ์ Thai SELECT มณฑลกวางตุ้ง รวมมากกว่า 364 ราย เข้าร่วมงานฯ โดยมีผู้นำเข้าหลายรายสนใจนำเข้าสินค้าไทย โดยผลจากการดำเนินงานฯ มีมูลค่าการสั่งซื้อทันทีมากกว่า 650,000 เหรียญสหรัฐและคาดว่าภายในหนึ่งปี จะมีมูลค่าการสั่งซื้อมากกว่า 8,300,000 เหรียญสหรัฐ นอกจากนี้ ยังมีการจัดประชาสัมพันธ์กิจกรรมโครงการฯ และการประชาสัมพันธ์สินค้าไทยผ่านช่องทางออนไลน์ โดยมีสื่อท้องถิ่นทำการสัมภาษณ์ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองกวางโจว เพื่อประชาสัมพันธ์การจัดงานแสดงสินค้า Top Thai Brands Shenzhen 2024 และได้มีการประชาสัมพันธ์ผู้ประกอบการไทยที่เข้าร่วมงานจัดแสดงสินค้าฯ ในครั้งนี้ โดยเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยได้แสดงศักยภาพของสินค้าไทยให้เป็นที่ประจักษ์ ในหมู่ผู้บริโภคชาวจีน นอกจากนี้ สคต.กวางโจว ยังได้ดำเนินการประชาสัมพันธ์การจัดกิจกรรมผ่านสื่อออนไลน์/ Social Media ต่างๆ อาทิ Douyin/ Weibo/ Wechat ผ่านเครือข่ายและช่องทางการประชาสัมพันธ์ของ KOL/Net Idol ที่มีชื่อเสียงในมณฑลกวางตุ้ง จากแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น Xiaohongshu (เสี่ยวหงซู) Douyin (Tiktok) ซึ่งให้การส่งเสริม/สนับสนุนการประชาสัมพันธ์สินค้าไทยในตลาดจีน โดยได้รับกระแสตอบรับจากบริษัทผู้นำเข้า บริษัทตัวแทนจำหน่ายต่างๆ ของจีนเป็นอย่างดี อีกทั้ง ยังช่วยส่งเสริมให้ผู้บริโภคในเมืองรองของจีนสามารถเข้าถึงและสร้างการรับรู้สินค้าไทยผ่านสื่อออนไลน์ในภูมิภาคจีนเพิ่มมากยิ่งขึ้น โดยการดำเนินกิจกรรมประชาสัมพันธ์งานโครงการฯ ผ่านสื่อ Social media ต่างๆ ในครั้งนี้ มีจำนวนการเข้ารับชมทั้งสิ้น (View) 1,966,188 ครั้ง
นอกจากนี้ ในพิธีเปิดยังมีการเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมไทย อาทิ รำไทย การแสดงมวยไทย และบริการนวดแผนไทย เพื่อให้ผู้บริโภคได้สัมผัสประสบการณ์การดูแลสุขภาพที่ส่งตรงจากประเทศไทยด้วยตนเอง ทำให้ได้รับความสนใจจากผู้บริโภคในพื้นที่เป็นอย่างมาก
เนื่องด้วยเมืองเซินเจิ้นเป็นหนึ่งในเมืองที่มีศักยภาพในการบริโภคสูงอันดับต้นๆ ของจีน เมืองเซินเจิ้นได้รับการขนานนามว่า “Silicon Valley of China” หรือเมืองแห่งนวัตกรรมของจีน เนื่องจากเป็นที่ตั้งของบริษัทชั้นนำด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีระดับสูงของจีนจำนวนมาก เช่น บริษัท Tencent บริษัท BYD บริษัท BGI และบริษัท Huawei รวมถึงรัฐบาลเมืองเซินเจิ้นได้มีนโยบายสนับสนุนการดำเนินธุรกิจด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีอย่างครบวงจร โดยภาครัฐไม่เพียงแต่ให้การสนับสนุนเงินทุน แต่ยังรวมถึงนโยบายในด้านต่างๆ เช่น การดึงดูดบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ นโยบายความร่วมมือระหว่างประเทศ รวมไปถึงการพัฒนาด้านการศึกษา ส่งผลให้เด็กรุ่นใหม่และผู้มีความรู้ความสามารถเข้ามาอาศัยอยู่ในเมืองเซินเจิ้นเป็นจำนวนมาก กอปรกับปัจจุบันมีกระแสความนิยมที่ชาวเซินเจิ้นและชาวฮ่องกง เดินทางข้ามไปมาเพื่อการบริโภค โดยชาวเมืองเซินเจิ้นเลือกที่จะไปพักผ่อนในฮ่องกง และชาวฮ่องกงจำนวนมากเลือกที่จะมาจับจ่ายใช้สอยและรับประทานอาหารตามย่านศูนย์กลางธุรกิจต่างๆ ที่เมืองเซินเจิ้นในช่วงสุดสัปดาห์ ทำให้เซินเจิ้นได้กลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ จากข้อมูลพิธีการศุลกากรของท่าเรือเซินเจิ้น จำนวนบุคลากรเข้า-ออกทั้งหมด ณ ท่าเรือเซินเจิ้นในไตรมาสที่สองของปี 2567 อยู่ที่ 56.08 ล้านคน เพิ่มขึ้น 31.17% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว นอกจากนี้ การเปิดทางเดินเซินเจิ้น-จงซาน ในช่วงปลายเดือนมิถุนายน ส่งเสริมให้ผู้บริโภคในพื้นที่ Greater Bay Area เดินทางไปมายังเมืองเซินเจิ้นได้อย่างสะดวก จนนำไปสู่การกระตุ้นการบริโภคมากยิ่งขึ้น
กอปรกับปัจจุบันจีนเป็นหนึ่งในประเทศส่งออกที่สำคัญของไทย โดยผลิตภัณฑ์ไทยได้รับความนิยมและยอมรับจากผู้บริโภคชาวจีนมาโดยตลอด เนื่องจากสินค้าไทยเป็นสินค้าที่มีเอกลักษณ์และเป็นสินค้าที่มีคุณภาพ ทั้งนี้ งานแสดงสินค้า Top Thai Brands Shenzhen 2024 จะเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคในเซินเจิ้นได้สัมผัสและเข้าใจวัฒนธรรมไทยอย่างถ่องแท้ผ่านประสบการณ์การบริโภคผลิตภัณฑ์ของไทย และเป็นการส่งเสริมการกระชับความสัมพันธ์ด้านการค้า การท่องเที่ยว และการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างไทยและจีนในวาระที่จะครบรอบ 50 ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการฑูต ในปี 2568 ตลอดจนความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนไทย-จีน ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
ผลกระทบด้านเศรษฐกิจต่อประเทศไทย และแนวทางการปรับตัวของภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้ประกอบการไทย
งานแสดงสินค้าภายใต้โครงการ Top Thai Brands Shenzhen 2024 เป็นเวทีที่ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยนำสินค้าที่มีศักยภาพมาจัดแสดงในประเทศจีน และถือเป็นโอกาสอันดีที่จะสร้างความตระหนักรู้ และส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีให้กับสินค้าที่มีเอกลักษณ์ของไทย เพื่อส่งเสริมความเชื่อมั่นและทัศนคติที่ดีต่อสินค้าไทยในหมู่ผู้บริโภคชาวจีน โดยเฉพาะผู้บริโภคที่มีกำลังบริโภคสูงในเมืองเซินเจิ้น ตลอดจนนำไปสู่การเพิ่มช่องทางจำหน่ายสินค้าของผู้ประกอบการไทย ให้สามารถขยายตลาดการส่งออก/เพิ่มมูลค่าการส่งออกสินค้าไทยเข้าสู่ตลาดเมืองรองที่มีศักยภาพของจีนได้ อย่างไรก็ดี ผู้ประกอบการจะต้องศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับการขึ้นทะเบียน อย.ของจีน รวมถึงต้องศึกษารายละเอียดข้อมูลเกี่ยวกับกฎระเบียบการนำเข้าสินค้าประเภทต่างๆ ของจีน หรือสามารถสอบถามรายละเอียดข้อมูลเกี่ยวกับการค้าอื่นๆ กับกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เพื่อที่จะสามารถใช้โอกาสดังกล่าวส่งออกสินค้ามายังประเทศจีนได้อย่างมีประสิทธิภาพและราบรื่น
นอกจากนี้ การจัดกิจกรรมงานแสดงสินค้าฯ ในครั้งนี้ แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไทยให้ความสำคัญในการสนับสนุนผู้ประกอบการไทยที่มีศักยภาพในการผลิตสินค้ากลุ่มเป้าหมายที่มีคุณภาพ เข้าสู่ตลาดจีนได้มากขึ้น รวมถึงเป็นการตอกย้ำในการกระชับความสัมพันธ์ในการส่งเสริมการค้าภายใต้บันทึกความเข้าใจ (MOU) ด้านความร่วมมือทางการค้าระหว่างกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กับสภาส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศแห่งชาติจีน คณะกรรมการเทศบาลเมืองเซินเจิ้น (CCPIT Shenzhen) ที่ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจเพื่อกระชับความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างกันเมื่อปี ๒๕๖๖ ซึ่งการจัดงานในครั้งนี้ รัฐบาลเมืองเซินเจิ้นได้เห็นความสำคัญของการจัดงานแสดงสินค้าไทย โดยให้การสนับสนุนและความร่วมมือเป็นอย่างดี ผ่านความร่วมมือในครั้งนี้ แสดงให้เห็นโอกาสที่จะทำให้เกิดการขยายตัวทางการค้าระหว่างกันในเชิงลึกและสานต่อความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชนของไทยกับเมืองเซินเจิ้น และการยกระดับความร่วมมือในการพัฒนานวัตกรรมสินค้า/บริการ จนนำไปสู่การผลักดันการส่งออกสินค้าไทยสู่ตลาดจีนได้อย่างยั่งยืน
จัดทำโดย สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองกวางโจว