ชาวเยอรมันมักใช้จ่ายอย่างระมัดระวังกับการบริโภคแต่ไม่ได้รวมถึงการใช้จ่ายกับสัตว์เลี้ยง ของพวกเขา ในแต่ละปี ชาวเยอรมันใช้จ่ายไปกับอาหารสัตว์เลี้ยงเป็นเงินหลายพันล้านยูโร
นาง Ulrike Müller ชาวเมืองแฟรงก์เฟิร์ต เป็นเจ้าของสุนัขพันธุ์เฟรนช์บูลด็อกชื่อฮูโก สุนัขตัวนี้เปรียบเสมือนสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัว เพราะลูกๆของเธอได้ย้ายไปมีครอบครัวนานแล้ว เมื่อเกือบสี่ปีที่แล้ว เธอและสามีได้ตัดสินใจนำสุนัขมาเลี้ยง ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องและสุนัขตัวนี้ก็ทำให้พวกเขามีความสุขมาก พวกเขาไม่รู้สึกเหงาอีกต่อไป
ในช่วงการระบาดของเชื้อโคโรนาไวรัส จำนวนสัตว์ลี้ยงในประเทศเยอรมนีเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ถึงแม้จำนวนตัวเลขของสัตว์เลี้ยงจะลดลงในระยะต่อมา แต่ก็ยังถือว่าอยู่ในระดับที่สูงอยู่ ตัวเลขจากสมาคมผู้ประกอบการด้านสัตววิทยาแห่งประเทศเยอรมนี (Zentralverbands Zoologischer Fachbetriebe Deutschlands) ระบุว่า ปี 2566 มีสัตว์ประมาณ 34.3 ล้านตัว อาศัยอยู่ในครัวเรือน ในจำนวนนี้มีแมว 15.7 ล้านตัว ตามมาด้วยสุนัข 10.5 ล้านตัว สัตว์เลี้ยงขนาดเล็กอีก 4.6 ล้านตัว และสัตว์อื่นๆ
นาง Ulrike Müller กล่าวว่า ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าของและสัตว์เลี้ยงเปลี่ยนไปจากแต่ก่อน เท่าที่เธอจำความได้ ในช่วงวัยเด็ก ครอบครัวของเธอมีสุนัขหนึ่งตัว ซึ่งสมัยก่อนสุนัขเป็นเหมือนสัตว์เลี้ยงไว้ใช้งานมากกว่า แตกต่างกับปัจจุบันที่สุนัขมีความสำคัญและเปรียบเสมือนสมาชิกในครอบครัวของหลายๆครัวเรือน และร่วมแบ่งปันชีวิตประจำวันกับเจ้าของ
นาย Erich Marlon Hillmann ผู้จัดการการสาขาร้านขายอาหารและสินค้าเกี่ยวกับสัตว์ Kölle Zoo จากเมืองคาสเซิล ยืนยันคำพูดข้างต้นเช่นกัน และกล่าวเพิ่มเติมว่า ด้วยบทบาทของสัตว์เลี้ยงที่เปลี่ยนไป ทำให้ตลาดอาหารสัตว์ต้องปรับตัวและพัฒนาเช่นเดียวกัน ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ มีอาหารที่มีคุณสมบัติพิเศษให้เลือกมากขึ้นและวางขายในท้องตลาดตามความต้องการของเจ้าของสัตว์เลี้ยง ไม่ว่าจะเป็นป๊อปคอร์นหรือเพรทเซลสำหรับสุนัข คุกกี้หนูแฮมสเตอร์ เป็นต้น อาหารสัตว์เหล่านี้จะถูกปรับเปลี่ยนไปตามความต้องการของเจ้าของสัตว์เลี้ยงมากขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น อาหารสัตว์ต้องมีความสมดุลและดีต่อสุขภาพสัตว์เลี้ยง
นาย Marlon Hillmann เฝ้าสังเกตแนวโน้มของผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์และพบว่าผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์มังสวิรัติและผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์โปรตีนจากแมลงมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้อาหารสัตว์เลี้ยงแบบวีแก้นจะยังไม่ได้รับความนิยมมากนัก แต่โภชนาการรูปแบบที่กล่าวข้างต้นจะช่วยแก้ปัญหาให้กับสัตว์ที่มีภาวะภูมิแพ้
แนวโน้มสำคัญอีกประการหนึ่งคือการให้อาหารดิบที่เหมาะสมกับสายพันธุ์ทางชีวภาพของสัตว์ ซึ่งเป็นการให้เนื้อสัตว์ดิบและผักแก่สัตว์ โดยวิธีนี้กำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ นาย Hillmann กล่าวต่อว่า เจ้าของต้องการสิ่งที่ดีที่สุดให้กับสัตว์เลี้ยงของพวกเขา โดยจะเห็นได้ชัดจากลูกค้าจำนวนมากหันมาสนใจอาหารสัตว์แบบพรีเมี่ยม ซึ่งมีราคาสูงและมีคุณภาพดี เพื่อสัตว์เลี้ยงของพวกเขา สำหรับสัตว์เลี้ยงแล้วคือสิ่งสุดท้ายที่ลูกค้ากลุ่มนี้จะประหยัด
ตลาดอาหารสัตว์เติบโตอย่างต่อเนื่อง สมาคมผู้ประกอบการด้านสัตววิทยาแห่งประเทศเยอรมนีระบุว่า ยอดขายอาหารสัตว์ในเยอรมนีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ในปี 2563 ประเทศเยอรมนี มียอดจำหน่ายอาหารสัตว์ทั้งปีเกือบ 3.5 พันล้านยูโร และในปี 2566 มียอดจำหน่ายอาหารสัตว์สูงถึงเกือบ 4.5 พันล้านยูโร โดยอาหารแมวมียอดจำหน่ายมากที่สุด รองลงมาคืออาหารสุนัข อาหารนก อาหารปลา และอาหารสัตว์เล็ก ตามลำดับ
บริษัทขนาดใหญ่อย่าง Nestlé ก็ให้ความสำคัญกับตลาดอาหารสัตว์และประสบผลสำเร็จกับตลาดนี้ นาย Carmen Borsche กรรมการผู้จัดการของบริษัท Purina PetCare ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Nestlé ในประเทศเยอรมนี ออสเตรีย และสวิตเซอร์แลนด์ รายงานว่า บริษัท Nestlé สร้างยอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์ได้ถึงร้อยละ 25 จากยอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของบริษัท สำหรับบริษัทแล้ว ตลาดอาหารสัตว์เติบโตรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อและกำลังพัฒนาจากตลาดเฉพาะกลุ่มไปสู่ตลาดที่มีความสำคัญ พร้อมกันนั้น บริษัทต้องวางแผนเชิงกลยุทธ์ให้มากขึ้น รองจากกาแฟ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์หลักของบริษัท
บริษัท Nestlé มียอดจำหน่ายอาหารสัตว์จากทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จากข้อมูลของบริษัท พบว่ามียอดจำหน่ายในปี 2562 จากทั่วโลก 13.6 6 พันล้านฟรังก์สวิส และในปี 2566 มียอดจำหน่ายสูงถึง 18.7 พันล้านฟรังก์สวิส
นาง Ulrike Müller เป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนให้ยอดจำหน่ายอาหารสัตว์ของบริษัทเพิ่มขึ้น สำหรับเธอแล้ว คุณภาพของอาหารสัตว์เป็นสิ่งสำคัญเช่นเดียวกับอาหารของเธอเอง นาง Müller กล่าวว่า เธอยังรับประทานอาหารดี มีประโยชน์และปลอดสารพิษเลย แล้วด้วยเหตุใดเพื่อสัตว์เลี้ยงแล้ว เธอจึงจะไม่เลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้เขากันเล่า
เธอใช้จ่ายประมาณ 100 ยูโรต่อเดือน ในการซื้ออาหาร ขนม ยาบำรุงกระดูก และอาหารเสริมให้แก่สุนัขของเธอ นอกจากนี้สุนัขพันธุ์เฟรนช์บูลด็อกของเธอยังได้กินเนื้อม้าเพื่อบำรุงขนด้วย
ชาวเยอรมันจำนวนมากให้ความสำคัญและรักสัตว์ และมองว่าสัตว์เลี้ยงคือเพื่อนรักและคนในครอบครัวของพวกเขา พวกเขาจึงพร้อมที่จะใช้เงินจำนวนมากเพื่อสัตว์เลี้ยงแสนรัก อุตสาหกรรมอาหารและผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์ยังไม่มีสัญญาณของวิกฤตและเติบโตอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าภายในปี 2573 ตลาดอาหารและผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์ทั่วโลกจะทำยอดจำหน่ายได้ถึง 500 พันล้านดอลลาร์ต่อปี
ที่มา: tagesschau.de