ทิศทางอุตสาหกรรมแฟชั่นอิตาลี ปี 2567 และครั้งแรกของแบรนด์แฟชั่นไทย SIRIVANNAVARI ก้าวสู่เวที Milan Fashion Week 2024 อย่างเป็นทางการ

จากข้อมูลของศูนย์วิเคราะห์แนวโน้มเศรษฐกิจแฟชั่นของหอการค้าแฟชั่นอิตาลี (Camera Nazionale della Moda Italiana) คาดการณ์ว่า ปี 2567 อุตสาหกรรมแฟชั่นอิตาลี ได้แก่ สิ่งทอ แฟชั่น และเครื่องประดับ กำลังชะลอตัวลง โดยมีผลประกอบการ มูลค่า 97.7 พันล้านยูโร หดตัวลง 3.5% (ปี 2566 มีมูลค่า 101.3 พันล้านยูโร) ซึ่งมาจากความต้องการภายในประเทศลดลง ในขณะที่ การส่งออกมีมูลค่า 93.7 พันล้านยูโร ขยายตัวเพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับปี 2566 ซึ่งการชะลอตัวของอุตสาหกรรมแฟชั่นอิตาลี มาจากหลายปัจจัยไม่ว่าจะเป็นการชะลอตัวของบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านสินค้าแฟชั่นของโลก ได้แก่ Kering และ LVMH ความต้องการบริโภคสินค้าแฟชั่นในจีนลดลง (เป็นลูกค้าที่มีกำลังซื้อสินค้าแฟชั่นอิตาลีอันดับต้น) การเผชิญกับต้นทุนด้านการขนส่งที่เพิ่มขึ้น อันสืบเนื่องมาจากความขัดแย้งในตะวันออกกลาง รวมถึงราคาพลังงานและวัตถุดิบ ซึ่งยังคงได้รับผลกระทบจากสงครามความขัดแย้งที่กำลังดำเนินอยู่ระหว่างรัสเซีย-ยูเครน มากไปกว่านั้นอัตราดอกเบี้ยที่ยังคงสูง ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ และความตึงเครียดด้านการเลือกตั้งทางการเมืองครั้งสำคัญ ตั้งแต่การเลือกตั้งยุโรปเมื่อเดือนมิถุนายน 2566 ที่ผ่านมา ไปจนถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาที่กำลังจะมีขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2567
ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2567 อุตสาหกรรมแฟชั่นอิตาลียังคงชะลอตัว โดยมีมูลค่าการซื้อขาย ลดลง 6.1% โดยมีสัญญานการชะลอตัวที่เกิดขึ้นตั้งแต่ในช่วง 6 เดือนหลังของ ปี 2566 โดยไตรมาส 1 ของปี 2567 หดตัวลดลง 7.4% และไตรมาส 2 หดตัวลดลง 4.7% โดยอุตสาหกรรมแฟชั่นอิตาลีสามารถแยกออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 แฟชั่นหลัก เช่น สิ่งทอ เสื้อผ้าเครื่องหนัง เครื่องหนังและรองเท้า เป็นต้น และส่วนที่ 2 แฟชั่นที่เกี่ยวข้อง เช่น สินค้าความงาม แว่นตา อัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องประดับเครื่องแต่งกาย เป็นต้น โดยไตรมาส 1 และ ไตรมาส 2 ของปี 2567 มูลค่าการซื้อขายของแฟชั่นหลัก หดตัวลดลง 10% และ 6.7% ตามลำดับ ในขณะที่ แฟชั่นที่เกี่ยวข้อง ขยายตัวเพิ่มขึ้น 4.9% และ 3.2% ตามลำดับ โดยการหดตัวลดลงของแฟชั่นหลัก เกิดจากความต้องการภายในประเทศที่ลดลง เนื่องจากการปรับขึ้นราคาของสินค้า/บริการในประเทศ ที่ส่งผลให้ผู้บริโภคต้องหันมาลดการใช้จ่ายสินค้าฟุ่มเฟือยเพิ่มขึ้น แต่ในขณะที่ การส่งออกสินค้าแฟชั่นหลัก ขยายตัวเพิ่มขึ้น 2%
หอการค้าแฟชั่นอิตาลี ให้ข้อมูลว่า อุตสาหกรรมแฟชั่นอิตาลีได้กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง ภายหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด – 19 เห็นได้จากปี 2566 ที่มูลค่าการซื้อขายสินค้าแฟชั่น Made in Italy ขยายตัวเพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับเดือนมกราคม 2563 และขยายตัวเพิ่มสูงขึ้นถึง 43% เมื่อเทียบกับปี 2548 ดังนั้น ในปี 2567 จึงถือเป็นปีแห่งความท้าทายของภาคอุตสาหกรรมแฟชั่นเป็นอย่างมาก อันเนื่องมาจากปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศที่ยังไม่มั่นคงและแน่นอน รวมถึงอัตราเงินเฟ้อที่ยังปรับตัวอยู่ตลอดเวลา โดยมูลค่าการซื้อขายของ
อุตสาหกรรมแฟชั่นในช่วงครึ่งปีแรกของ ปี 2567 ยังคงสูงกว่ามูลค่าก่อนเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ขยายตัวถึง 11% อย่างไรก็ตาม ในช่วง 5 เดือนแรกของ ปี 2567 การส่งออกสินค้าแฟชั่น ขยายตัวเพิ่มขึ้น 5.1% ซึ่งได้รับแรงสนับสนุนจากสินค้าแฟชั่นที่เกี่ยวข้อง (สินค้าความงาม แว่นตา อัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องประดับเครื่องแต่งกาย) ซึ่งสร้างสมดุลให้กับสินค้าแฟชั่นหลัก (สิ่งทอ เสื้อผ้าเครื่องหนัง เครื่องหนังและรองเท้า) หดตัวลดลง 3.8% โดยการส่งออกไปยังจีน ขยายตัวเพิ่มขึ้น 17% (ถึงแม้จีนยังคงประสบปัญหาด้านภาคอสังหาริมทรัพย์) หรือคิดเป็นมูลค่า 1.7 พันล้านยูโร สำหรับฝรั่งเศสซึ่งถือเป็นประเทศคู่ค้าอันดับต้น ๆ ของอุตสาหกรรมแฟชั่นอิตาลี มีการเติบโตอยู่ที่ 2.8% ในขณะที่ การส่งออกไปยังสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ขยายตัวเพิ่มขึ้น มีมูลค่าซื้อขายสูงถึง 33.7% ถึงแม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในรายชื่อแหล่งส่งออกสินค้าแฟชั่นของอิตาลีที่สำคัญ 10 อันดับแรก ในส่วนของการนำเข้าสินค้าแฟชั่นในอิตาลีค่อนข้างซบเซา โดยแฟชั่นหลัก หดตัวลดลง 8.9% ซึ่งเกิดจากความต้องการลดลงของประเทศนอกสหภาพยุโรป (-13.5%) และในส่วนแฟชั่นที่เกี่ยวข้อง หดตัวลดลง 3.5% โดยความต้องการลดลงของประเทศนอกสหภาพยุโรป (-6.1%)
ดังนั้น ในปี 2567 คาดว่าอุตสาหกรรมแฟชั่นอิตาลีจะยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ อันเนื่องมาจากความอ่อนแอของตลาดแฟชั่นในประเทศที่คาดว่าจะยังคงดำเนินต่อไปในช่วงครึ่งปีหลังของ ปี 2567 โดยผู้ที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุดในปี 2567 ได้แก่ แบรนด์ระดับกลางและกลุ่มผู้ผลิตวัตถุดิบของห่วงโซ่อุปทานของสินค้าแฟชั่นทั้งในอิตาลีและทั่วโลก รวมถึงภาระที่จะต้องเผชิญไม่ว่าจะเป็นค่าขนส่งและวัตถุดิบ กฎระเบียบข้อบังคับใหม่ของยุโรปเกี่ยวกับความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อผู้ผลิตก็มีความท้าทายเป็นอย่างมากเช่นกัน เนื่องจากกฎระเบียบดังกล่าวไม่ได้มีใช้บังคับในประเทศอื่นที่มีการผลิตสิ่งทอที่สำคัญ ได้แก่ ตุรกี จีน และเวียดนาม
ทิศทางอุตสาหกรรมแฟชั่นอิตาลี ปี 2567 และครั้งแรกของแบรนด์แฟชั่นไทย SIRIVANNAVARI ก้าวสู่เวที Milan Fashion Week 2024 อย่างเป็นทางการ
ถึงแม้สถานการณ์อุตสาหกรรมแฟชั่นของอิตาลี ปี 2567 อาจจะยังคงไม่ฟื้นตัวเต็มที่ แต่ก็เป็นที่ทราบกันดีว่ากิจกรรมส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ของอุตสาหกรรมแฟชั่นในอิตาลี ยังคงมีบทบาทสำคัญในการสร้างกระแสความต้องการให้กับภาคอุตสาหกรรมแฟชั่นของอิตาลีอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด นั้นก็คือ การจัดแสดงแฟชั่นโชว์ที่สำคัญระดับโลก Milan Fashion Week ณ เมืองมิลาน (ถือเป็นเมืองแห่งแฟชั่นที่สำคัญอันดับต้นของโลก) ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2501 (ค.ศ. 1958) จัดขึ้นโดยหอการค้าแฟชั่นอิตาลี ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรที่ควบคุม ดูแล ประสานงาน และส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมแฟชั่นของอิตาลี และรับผิดชอบในการจัดกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับแฟชั่นในเมืองมิลาน โดย Milan Fashion Week คอลเลคชั่นสุภาพสตรี จัดขึ้นปีละ 2 ครั้ง ในเดือนกุมภาพันธ์ (คอลเลคชั่นฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาว) และกันยายน (คอลเลคชั่นฤดูใบไม้ผลิ/ฤดูร้อน) ดึงดูดผู้คนในแวดวงอุตสาหกรรมแฟชั่น ไม่ว่าจะเป็นนักออกแบบมืออาชีพ ผู้ซื้อ โชว์รูม ผู้นำด้านกระแสแฟชั่น สื่อมวลชน และผู้ชมที่มีความสนใจ โดยมีการนำเสนอ คอลเลคชั่นของนักออกแบบ แนวโน้ม/ทิศทางของอุตสาหกรรมแฟชั่น และสะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงทางสังคมวัฒนธรรม โดย Milan Fashion Week เป็นส่วนหนึ่งของ Big Four ซึ่งก็คือ สัปดาห์ที่สำคัญที่สุด 4 แห่ง สำหรับโลกแห่งแฟชั่น ซึ่งจัดขึ้นติดต่อกันในเมืองหลวงที่สำคัญของโลก ได้แก่ นิวยอร์ก ลอนดอน มิลาน และปารีส
โดยงาน Milan Fashion Week 2024 ที่ผ่านมา จัดขึ้นระหว่างวันที่ 17-23 กันยายน 2567 ซึ่งเป็นครั้งที่มีความสำคัญเป็นพิเศษ เนื่องจากถือเป็นปีที่ค่อนข้างยากลำบากสำหรับห่วงโซ่อุปทานสิ่งทอ แฟชั่น และเครื่องประดับ ซึ่งนำเสนอคอลเลคชั่น Spring/Summer 2025 โดยสัปดาห์ Milan Fashion Week 2024 มีการจัดกิจกรรมที่น่าสนใจมากมายกว่า 173 แบรนด์/กิจกรรม ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมเดินแบบออฟไลน์และออนไลน์ของแบรนด์ที่มีชื่อเสียงและแบรนด์น้องใหม่ 65 แบรนด์ การจัดแสดงผลงานการออกแบบของแบรนด์อิตาลีและนานาชาติ 75 แบรนด์ กิจกรรมพิเศษ 33 กิจกรรม โดยเป็นครั้งแรกที่แบรนด์แฟชั่นไทย SIRIVANNAVARI ได้รับการคัดเลือกจากหอการค้าแฟชั่นอิตาลีให้เป็น 1 ใน 21 แบรนด์ ในการจัดแสดงผลงานการออกแบบของแบรนด์ที่ไม่เคยเข้าร่วมงาน Milan Fashion Week มาก่อน โดยในวันที่ 18 กันยายน 2567 แบรนด์ SIRIVANNAVARI ได้นำเสนอผลงานคอลเลคชั่น Spring/Summer 2025 สำหรับสุภาพสตรี และสุภาพบุรุษ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากศิลปะของยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา (ยุคเรเนซองส์) ของอิตาลี ซึ่งเป็นยุคที่มีความโดดเด่นในการเชิดชูความงามของสรีระของสุภาพสตรี การออกแบบคอลเลคชั่นดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมพลังให้ผู้หญิงด้วยการใช้เทคนิคที่พิถีพิถันกับเนื้อผ้าที่สะท้อนถึงความสง่างามของประติมากรรมในยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา ได้แก่ เครื่องแต่งกาย เครื่องประดับ รองเท้า กระเป๋า เครื่องใช้บนโต๊ะอาหาร ณ Residenza Duomo ซึ่งติดกับมหาวิหาร ดูโอโม่ เมืองมิลาน ซึ่งในวันดังกล่าว สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ (Creative Director) แห่งแบรนด์ SIRIVANNAVARI ทรงเสด็จเข้าร่วมกิจกรรมและพบปะกับบุคคลสำคัญในแวดวงแฟชั่นของอิตาลีและต่างชาติ สื่อมวลชนชั้นนำ ผู้นำกระแสด้านแฟชั่น และผู้ซื้อในอิตาลี โดยมีผู้เข้าร่วมชมการจัดแสดงดังกล่าว มากกว่า 200 คน
ทิศทางอุตสาหกรรมแฟชั่นอิตาลี ปี 2567 และครั้งแรกของแบรนด์แฟชั่นไทย SIRIVANNAVARI ก้าวสู่เวที Milan Fashion Week 2024 อย่างเป็นทางการ
ทิศทางอุตสาหกรรมแฟชั่นอิตาลี ปี 2567 และครั้งแรกของแบรนด์แฟชั่นไทย SIRIVANNAVARI ก้าวสู่เวที Milan Fashion Week 2024 อย่างเป็นทางการ
ทิศทางอุตสาหกรรมแฟชั่นอิตาลี ปี 2567 และครั้งแรกของแบรนด์แฟชั่นไทย SIRIVANNAVARI ก้าวสู่เวที Milan Fashion Week 2024 อย่างเป็นทางการ
ความคิดเห็นของ สคต. ณ เมืองมิลาน
1.อุตสาหกรรมแฟชั่นอิตาลีถือเป็นอุตสาหกรรมสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและภาพลักษณ์ของประเทศโดยพบว่าหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 กลับมาเป็นปกติ ภาคอุตสาหกรรมแฟชั่นอิตาลีก็ค่อย ๆ กลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง แต่ในช่วงที่เกิดสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง และระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ได้ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นทั่วโล ซึ่งในช่วงปีที่ผ่านมา ผู้บริโภคในอิตาลีเองเริ่มชะลอ/ลดการจับจ่ายซื้อสินค้า ฟุมเฟือยเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวอาจจะส่งผลให้มูลค่าการซื้อขายของอุตสาหกรรมแฟชั่นในประเทศปี 2567 อาจยังคงหดตัวเล็กน้อย โดยไทยส่งออกสินค้าแฟชั่นมาอิตาลีหลายรายการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในสินค้าแฟชั่นที่ไทยส่งออกมายังอิตาลีเป็นอันดับต้น ๆ ปี 2567 (มกราคม – สิงหาคม) ไทยส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับมายังอิตาลี มีมูลค่า 228.65 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ขยายตัวเพิ่มขึ้น 31.04% ในขณะที่ สินค้าสิ่งทอ มีมูลค่า 63.41 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หดตัวลดลง 11.26% ดังนั้น ผู้ประกอบการไทย ควรติดตามสถานการณ์อุตสาหกรรมแฟชั่นอิตาลีอย่างใกล้ชิด
2. การเข้าร่วมจัดแสดงผลงานแฟชั่นใน Milan Fashion Week 2024 ของแบรนด์แฟชั่นไทย SIRIVANNAVARI ถือเป็นก้าวสำคัญของวงการแฟชั่นไทยและเป็นการสร้างการรับรู้ให้กับแบรนด์ในแวดวงอุตสาหกรรมแฟชั่นของยุโรป ซึ่งแบรนด์ SIRIVANNAVARI ถือเป็นแบรนด์เดียวของไทยที่ได้รับการคัดเลือกในการเข้าร่วมงานดังกล่าว และถือเป็นการเปิดประตูแฟชั่นระดับโลกให้กับแบรนด์ไทยอื่น ๆ ที่มีศักยภาพและพร้อมในการก้าวเข้าสู่วงการตลาดแฟชั่นระดับนานชาติอย่างอิตาลี
3. อุตสาหกรรมแฟชั่นอิตาลีถือเป็นอุตสาหกรรมที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกมาอย่างยาวนาน การที่แบรนด์แฟชั่นไทยได้มีโอกาสจัดแสดง Presentation ณ งานแฟชั่นระดับโลกได้นั้น ถือเป็นการยกระดับวงการแฟชั่นไทยให้เข้าสู่ตลาดแฟชั่นชั้นนำระดับโลก และปรากฏสู่สายสื่อมวลชน แฟชั่นสไตล์ลิสต์ และเหล่าแฟชั่นอินฟลูเอ็นเซอร์จากทั่วทุกมุมโลก อีกทั้งยังเป็นการกระตุ้นให้ผู้ประกอบการสินค้าแฟชั่นของไทยได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการสร้างแบรนด์ให้มีศักยภาพเทียบเท่ากับแบรนด์ชั้นนำในตลาดแฟชั่นระดับโลกอีกด้วย

——————————————————————-
ที่มา: 1. หอการค้าแฟชั่นอิตาลี
2. https://www.milanofinanza.it/fashion/la-moda-italiana-frena-fatturato-a-6-e-outlook-al-ribasso-3-5-202409161850202841?refresh_cens
3. La moda italiana frena: nel 2024 tornerà sotto i 100 miliardi (-3,5%) – Il Sole 24 ORE
4. Al via la settimana della moda, al centro le sfide di un’industria cruciale ma in cerca di nuova identità – Il Sole 24 ORE
5. รูปภาพประกอบจากเว็บไซต์หอการค้าแฟชั่นอิตาลี, Tom Podmore on Unsplash และ IG Sirivannavari_shop

thThai