เลือกตั้งออสเตรียพรรคขวาจัดพลิกขึ้นที่หนึ่ง แต่ไม่การันตีได้ตั้งรัฐบาล

ผลการเลือกตั้งทั่วไปของออสเตรียเมื่อวันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา สร้างปรากฏการณ์หน้าหนึ่งในประวัติศาสตร์ของประเทศ เมื่อพรรค FPÖ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นพรรคขวาจัดนำโดยนาย Herbert Kickl หัวหน้าพรรค สามารถนำพรรคได้รับอันดับหนึ่งด้วยคะแนนเสียงร้อยละ 28.8 (เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.6) ได้ที่นั่งในสภา 56 ที่นั่ง (เพิ่มขึ้น 25 ที่นั่ง) แซงหน้าพรรคแกนนำรัฐบาลเดิมอย่างพรรค ÖVP ซึ่งเป็นพรรคกลางขวา และได้รับคะแนนเสียงครั้งนี้ ร้อยละ 26.3 (ลดลงร้อยละ 11.2) คิดเป็นจำนวนผู้แทน 52 คน ลดลง 21 คน จากการเลือกตั้งครั้งก่อนในปี 2562

 

ขณะที่พรรคที่ได้คะแนนสูงเป็นอันดับที่สาม ได้แก่ SPÖ พรรคกลางซ้าย สังคมนิยมประชาธิปไตย ซึ่งตั้งแต่ปี 2513 (ค.ศ. 1970) เป็นต้นมาได้เป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลมากที่สุดแต่ได้รับความนิยมลดลงในช่วงสิบปีให้หลัง ในครั้งนี้ได้รับคะแนนเสียงร้อยละ 21.1 (ลดลงร้อยละ 0.1) คิดเป็นที่นั่งในสภา 41 ที่นั่ง (เพิ่มขึ้น 1 ที่นั่ง) ขณะที่อีกสองพรรคที่เหลือ ได้แก่ พรรค Neos และ พรรค Green ได้จำนวนผู้แทนในสภา 18 คน (เพิ่มขึ้น 3 คน) และ 16 คน (ลดลง 10 คน) ตามลำดับ รวมมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวน 183 คน แม้โดยธรรมเนียมพรรคอันดับหนึ่งจะต้องได้เป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล แต่ในครั้งนี้พรรคอันดับหนึ่งเป็นพรรคที่มีแนวร่วมน้อยที่สุด ประกอบกับจำนวนผู้แทนของพรรคอันดับหนึ่งและอันดับสองห่างกันไม่มากนัก (4 คน) จึงยังไม่ชัดเจนว่าพรรค FPÖ จะสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้หรือจะหลุดมือไปยังพรรคอื่น

 

ข้อเสนอแนะและความคิดเห็นสำนักงานฯ

ปัญหาหลายอย่างในยุโรปในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจ การรับผู้อพยพ และสงคราม ได้ผลักดันให้พรรคนิยมขวาเติบโตขึ้นมาอย่างเข้มแข็งในหลายประเทศ ผลการเลือกตั้งของออสเตรียในครั้งนี้เป็นอีกบทหนึ่งที่สามารถพิสูจน์กระแสนี้ได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ดี ในประเทศออสเตรียและเยอรมนี ซึ่งค่อนข้างมีความอ่อนไหวอย่างสูงต่อแนวนโยบายการเมืองฝ่ายขวา เนื่องจากเคยผ่านเหตุการณ์อันเลวร้ายในยุครัฐบาลนาซี พรรคการเมืองขวาจัดในมุมหนึ่งจึงถูกมองไม่ต่างจากภัยคุกคามของประเทศ โดยเฉพาะจากพรรคสังคมนิยมประชาธิปไตย SPÖ ซึ่งมีนโยบายชัดเจนมาตั้งแต่อดีตว่าจะไม่มีวันจับมือกับพรรคขวาจัด FPÖ ซึ่งมักถูกโจมตีว่าเป็นพวกนาซีใหม่ ส่วนนาย Karl Nehammer หัวหน้าพรรคกลางขวา ÖVP ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันและร่วมรัฐบาลอยู่กับพรรค FPÖ ก็เคยประกาศว่ายินดีทำงานร่วมกับพรรค FPÖ แต่จะไม่สามารถร่วมงานด้วยได้หากหัวหน้าพรรคคนปัจจุบันได้เป็นนายกรัฐมนตรี

 

นอกจากนี้ ประธานาธิบดี Alexander Van der Belle ก็เคยประกาศเช่นกันว่าหากนาย Herbert Kickl หัวหน้าพรรค FPÖ ชนะการเลือกตั้งและได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล จะไม่ลงนามรับรองให้ แม้กระทั่งเมื่อทราบผลการเลือกตั้งยังหลีกเลี่ยงที่จะพูดว่าพรรคใดชนะเป็นอันดับหนึ่ง แต่กล่าวว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่มีพรรคใดชนะการเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งของสภา จึงต้องการเรียกพบหารือผู้นำพรรคทุกพรรคก่อนว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ทั้งนี้ เพื่อหาทางออกที่ดีที่สุดสำหรับประเทศในสถานการณ์ปัจจุบัน อย่างไรก็ดี การดำเนินการทุกอย่างจะต้องยึดข้อกฎหมายเป็นหลัก แต่งานนี้ไม่ใช่งานง่ายสำหรับพรรค FPÖ ซึ่งในที่สุดอาจจะต้องกลายเป็นพรรคที่ได้รับคะแนนอันดับหนึ่งแต่ต้องไปเป็นฝ่ายค้านก็เป็นได้ ขึ้นอยู่กับผลการเจรจาจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคอื่นๆ เป็นสำคัญ ซึ่งกำลังจะมีขึ้นหลังจากนี้

 

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงเวียนนา

 

thThai