- งานแสดงสินค้าอาหารนานาชาติ SIAL 2024 จะมีขึ้นในช่วงระหว่างวันที่ 19-23 ตุลาคมที่จะมาถึงนี้ ณ Parc des Expositions de Villepinte ชานกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ผู้จัดงานและผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารคาดการณ์ว่าจะมีสินค้าที่มีความน่าสนใจจากนวัตกรรมใหม่ โดยตลาดอาหารเพื่อสุขภาพและอาหารที่มีรสชาติแปลกใหม่และโดดเด่นมีแนวโน้มที่จะได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษ
- วิกฤติโควิด, สงครามยูเครนและภาวะเงินเฟ้อ ส่งผลให้การวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารลดลงและถึงขั้นถูกระงับในหลายๆโครงการเนื่องมาจากปัจจัยด้านต้นทุนที่เพิ่มขึ้นในทุกด้าน และในส่วนของผู้บริโภคยังคงระมัดระวังการใช้จ่าย ส่งผลให้ผู้ประกอบการลดจำนวนสินค้าออกใหม่และหันมาให้ความสำคัญกับสินค้าหลักที่มีอยู่เดิมของบริษัทมากขึ้น
- นาย Xavier Terlet ผู้เชี่ยวชาญด้านแนวโน้มตลาดอาหารของบริษัท ProtéinesXTC ที่ปรึกษาด้านอาหารและนวัตกรรม กล่าวว่าในปี 2022 อัตราการพัฒนาด้านนวัตกรรมอาหารในฝรั่งเศสลดลงถึงร้อยละ 23 และลดลงร้อยละ 12 ทั่วโลก ซึ่งถือเป็นระดับที่ต่ำมากอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ถึงแม้ว่าในปัจจุบันแนวโน้มนี้จะเริ่มกลับมาเติบโตขึ้นแต่ยังไม่สามารถกลับไปเท่ากับระดับเดียวกับในปี 2021 ได้
- การพัฒนาสินค้าและนวัตกรรมมีความสำคัญเป็นอย่างมากต่ออุตสาหกรรมอาหาร เนื่องจากครึ่งหนึ่งของสินค้าที่วางขายในตลาดปัจจุบัน ล้วนเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการคิดค้นจากเมื่อระยะเวลาห้าปีก่อนหน้านี้ นั่นหมายความว่าสินค้าที่เราจะเห็นในห้าปีข้างหน้าจำเป็นต้องได้รับการพัฒนา ณ ปัจจุบัน โดยในแต่ละปีจะมีผลิตภัณฑ์ใหม่เข้าสู่ตลาดมากกว่า 30,000 – 45,000 ชนิด เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา
- งานแสดงสินค้าอาหาร SIAL ที่จะมาถึงนี้เป็นวาระครบรอบจัดงานปีที่ 60 มีผู้ประกอบการเข้าร่วมงานจากทั่วโลกมากกว่า 130 ประเทศ โดยร้อยละ 10 เป็นสินค้าประเภทนวัตกรรมใหม่ ซึ่งแนวโน้มตลาดสินค้าอาหารของงานในปีนี้ ได้แก่ อาหารที่ดีต่อสุขภาพผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติและเป็นสินค้ารักษ์โลก รวมถึงอาหารนานาชาติ
- ตลาดอาหารนานาชาติกำลังได้รับความนิยมมากขึ้น โดยอาหารจากตะวันออกกลางและ อาหารแอฟริกันเป็นแนวโน้มที่มาใหม่ ตัวอย่างเช่น บริษัท Grapeful จากประเทศเลบานอนนำเสนอฮัมมูส (hummus dip) ในรูปแบบแท่งสามารถรับประทานได้ทุกที่ในรูปแบบ snacking ซึ่งต่างจากฮัมมูสแบบดั้งเดิม และมีการปรับสูตรให้เป็นมังสวิรัติโดยใช้ถั่ว Chickpea และปรับปรุงรสชาติให้แตกต่างไปจากสูตรดั้งเดิม โดยมีการเพิ่มโปรตีนเข้มข้นเพื่อเพิ่มสารอาหารและตัดลดน้ำตาลที่เป็นส่วนประกอบ เป็นต้น
- อีกหนึ่งตัวอย่าง ได้แก่ น้ำแอปเปิ้ลที่มีส่วนผสมของใบมะรุมและใบสะระแหน่ (ภาพประกอบด้านบน) จากผู้ประกอบการระดับ SMEs จากสาธารณรัฐมอริเชียส ต้นมะรุมมีชื่อเสียงว่าเป็น Tree of Life น้ำจากใบที่นำมาใช้เป็นส่วนประกอบมีคุณสมบัติในด้านลดการอักเสบ, มีสารต้านอนุมูลอิสระ และมีการนำมาสกัดเป็นผงเพื่อใช้เป็นอาหารเสริม แต่ทางผู้ประกอบการเห็นว่าการนำมาผลิตให้เป็นรูปแบบเครื่องดื่มจะช่วยให้เข้าถึงผู้บริโภคได้เป็นวงกว้างมากกว่า
- นอกเหนือจากนั้นอาหารนานาชาติที่มาจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน โดยนอกจากประเทศไทยแล้วยังมี ฟิลิปปินส์,อินโดนีเซียและมาเลเซียที่ต่างเข้าร่วมงาน SIAL ในครั้งนี้ อาหารนานาชาติโดยส่วนใหญ่ล้วนเป็นอาหารที่มีรสชาติจัดจ้านเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งเกิดจากการใช้เครื่องเทศหรือวัตถุดิบอื่นๆที่แตกต่างไป ตัวอย่างเช่น ขิงหรือพริก ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน วัตถุดิบบางชนิดเริ่มเป็นที่รู้จักเนื่องมาจากเชฟที่มีชื่อเสียง ดังเช่น เครื่องเทศซูมัค (sumac) ที่เชฟชาวอังกฤษ-อิสราเอล Yotam Ottolenghi นำมาใช้เป็นส่วนประกอบในร้านอาหาร
- สินค้าอาหารที่เกิดจากการใช้ส่วนประกอบที่เกิดจากการผสมผสานระหว่างความละเอียดและความหยาบของวัตถุดิบ (texture) ซึ่งเป็นที่นิยมในร้านอาหาร เริ่มถูกเอามาใช้ในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์อาหารมากขึ้น ดังเช่น แบรนด์ Bordeau Chesnel ของฝรั่งเศสที่นำเมนูอาหารดั้งเดิมที่เรียกว่า Rillettes ซึ่งเป็นการนำเนื้อไก่หรือเนื้อหมูฉีกผสมปรุงรส ผลิตเป็นสินค้าสำหรับเป็นเมนูสำหรับอาหารทานเล่น หรือไว้ประกอบอาหารร่วมกับซอส
- นาย Nicolas Trentesaux ผู้อำนวยการจัดงาน SIAL กล่าวสรุปไว้ว่า ถึงแม้ว่าปัจจุบันภาวะเงินเฟ้อจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้วก็ตาม แต่ผู้บริโภคจะยังคงให้ความสำคัญต่อราคาเป็นสำคัญ ดังนั้นสินค้าที่เรียบง่าย รสชาติดี และราคาเข้าถึงได้ง่ายจะมีโอกาสในการขายได้มากกว่า ซึ่งการจะพัฒนาสินค้าให้เป็นไปในทางนี้ทำได้โดยการใช้ส่วนประกอบที่น้อยลง ลดกระบวนการแปรรูป ซึ่งจะช่วยปรับลดราคาต้นทุนสินค้าและสร้างผลิตภัณฑ์อาหารที่มีความเรียบง่ายมากขึ้น
ความคิดเห็น สคต.
- งานแสดงสินค้าอาหาร SIAL 2024 ที่จะมีขึ้นในครั้งนี้ มีจำนวนผู้ประกอบการเข้าร่วมงาน 7,500 ราย จาก 130 ประเทศทั่วโลกใช้พื้นที่จัดงานถึง 145,000 ตร.ม. แบ่งพื้นที่จัดแสดงงานเป็น 10 โซน ตามประเภทของอาหาร ได้แก่ เครื่องดื่ม, เนื้อสัตว์, ธัญพืช, อาหารแห้งสำหรับร้าน grocery, อาหารแช่แข็ง, อาหารทะเล, ผลิตภัณฑ์นม, อาหารแปรรูป, อาหารทานเล่นและอาหารเพื่อสุขภาพรวมถึงอาหารออร์แกนิค โดยคาดการณ์ว่าจะมีผู้เข้าชมงานในครั้งนี้สูงถึง 285,000 รายซึ่งร้อยละ 70 เป็นชาวต่างชาติ
- จะเห็นได้ว่าแนวโน้มสินค้าอาหารที่ได้รับการกล่าวถึงในครั้งนี้ โดยเฉพาะความนิยมของอาหารนานาชาติจะช่วยส่งเสริมให้ความนิยมอาหารไทยเพิ่มมากขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าจะส่งผลต่อดีต่อผู้ประกอบการสินค้าอาหารไทย นอกเหนือจากนั้นสินค้าอาหารใหม่ดังเช่นเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของน้ำใบมะรุม แสดงให้เห็นว่าตลาดฝรั่งเศสเริ่มให้ความสนใจต่อผลิตภัณฑ์อาหารที่มาจากวัตถุดิบใหม่ที่มีคุณสมบัติส่งเสริมด้านสุขภาพ ซึ่งประเทศไทยมีพืชสมุนไพรที่สามารถนำมาใช้เป็นส่วนประกอบในอาหารได้อย่างมากมาย จึงเป็นโอกาสอันดีที่ผู้ประกอบการไทยจะนำเสนอสินค้าที่มีคุณสมบัติเหล่านี้เข้าสู่ตลาดฝรั่งเศสและสหภาพยุโรป ที่สำคัญควรต้องศึกษาถึงสรรพคุณของสมุนไพรที่นำมาใช้อย่างถี่ถ้วน ตลอดจนดำเนินขั้นตอนขอใบรับรองหรือใบอนุญาตอย่างถูกต้องด้วย
ที่มาของข่าว
Dominique Chapuis
ข่าวจากหนังสือพิมพ์ออนไลน์ Les Echos
https://www.lesechos.fr/industrie-services/conso-distribution/alimentation-les-consommateurs-veulent-manger-plus-sain-et-plus-exotique-2120153
สคต. ณ กรุงปารีส