กัมพูชาและไทยกระชับความสัมพันธ์เชิงยุทธศาสตร์ ในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 44-45 ณ กรุงเวียงจันทน์

  • สมเด็จมหาบวรธิบดี ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา และนางสาวแพทองธารชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทย ได้ยืนยันความมุ่งมั่นร่วมกันในการกระชับมิตรภาพระยะยาว และความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ ในระหว่างการประชุมทวิภาคี ในวันที่ 9 ตุลาคม 2567 เนื่องในโอกาสการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 44-45 ณ กรุงเวียงจันทน์ ประเทศลาว
  • ในการประชุมฯ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะเสริมสร้างและขยายความร่วมมือทวิภาคีต่อไป รวมถึง การศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษในจังหวัดที่ติดชายแดน การเชื่อมโยงระหว่างประชาชน การท่องเที่ยว กลาโหม และความมั่นคงของทั้งสองประเทศ ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศของทั้งสองฝ่ายจะประสานงานหารือเพิ่มเติมต่อไป พร้อมทั้งจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองครบรอบ 75 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัมพูชาและไทย ในปี 2568
  • นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยินดีกับความสำเร็จของการประชุมยกระดับความร่วมมือด้านท่องเที่ยวระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวกัมพูชา-ไทย เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยกลยุทธ์ “สองอาณาจักร หนึ่งจุดหมายปลายทาง” เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวในทั้งสองประเทศเพิ่มมากขึ้น
  • ทั้งนี้ กัมพูชาและไทย เห็นพ้องที่จะกระตุ้นให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งโครงการความร่วมมือ และปรึกษาหารือ เพื่ออำนวยความสะดวกการค้าชายแดน และส่งเสริมการท่องเที่ยว เพื่อประโยชน์ร่วมกัน

ความเห็นของสำนักงานฯ

  1. ความสัมพันธุ์ระหว่างไทย-กัมพูชา ในยุคของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาชนกัมพูชา (CPP) เป็นไปอย่างชื่นมื่นตั้งแต่รุ่นพ่อสู่รุ่นลูก ทั้งนี้ ทำให้ทั้ง 2 ประเทศ มีความร่วมมือกันในหลายๆ ด้าน ได้แก่ ด้านความมั่นคง ด้านเศรษฐกิจ ด้านการพัฒนาพื้นที่ชายแดน ด้านการท่องเที่ยว ปัญหาหมอกควันข้ามพรมแดน และด้านแรงงาน เป็นต้น
  2. จากการยกระดับความสัมพันธ์ของไทย-กัมพูชา ทำให้การค้าทวิภาคีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยใน 8 เดือนแรก (ม.ค.-ส.ค.) ของปี 2567 มูลค่าการค้า รวม ประมาณ 6.79 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเพิ่มขึ้น 22.15 % จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดย ไทยนำเข้าจากกัมพูชา 0.85 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลง 25.70 และส่งออกมายังกัมพูชา 5.94 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 34.61
  3. ไทยเป็นคู่ค้าที่สำคัญของกัมพูชารองลงจากจีน และเวียดนาม ซึ่งทั้ง 3 ประเทศมีสัดส่วนมากกว่า 73% ของการนำเข้าทั้งหมดของกัมพูชา (ข้อมูล ณ เดือนตุลาคม 2567 จาก GDCE) ทั้งนี้ จากเป้าหมายของกัมพูชาในการเข้าสู่เป็นประเทศที่มีระดับรายได้ปานกลางในปี 2573 และรายได้สูงภายในปี 2593 คาดว่า กัมพูชาจะให้ความสำคัญในการขยายการค้า การลงทุน กับประเทศต่างๆ มากขึ้น อย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะประเทศไทย
    ที่มีเขตแดนติดกัน

————————–

ที่มา: Ministry of Foreign Affairs and International Cooperation official’s page & Office of the Council of Ministers page

ตุลาคม 2567

thThai