(ภาพและแหล่งที่มา https://mp.weixin.qq.com/s/9bCVDfVTnI71S4X5Kt2pPw)
ในขณะที่ห้างค้าปลีกยักษ์ใหญ่ในจีนกำลังปรับโครงสร้างธุรกิจ วอลมาร์ทก็ไม่ยอมน้อยหน้า โดยได้ประกาศการปรับเปลี่ยนครั้งสำคัญในระดับผู้บริหาร เพื่อรับมือกับการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงในตลาด เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา วอลมาร์ทได้ประกาศตั้งตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเติบโต (Chief Growth Officer) โดยมอบหมายให้ Seth Dallaire อดีตประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายรายได้ ดำรงตำแหน่งนี้ เพื่อผลักดันการเติบโตของธุรกิจนอกเหนือจากร้านค้าปลีก Dallaire จะรับผิดชอบดูแลทีมการตลาด ออกแบบ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ของวอลมาร์ท
John Furner ประธานเจ้าหน้าที่บริหารวอลมาร์ทสหรัฐฯ กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นไปเพื่อการปรับเปลี่ยนธุรกิจสู่ช่องทางที่หลากหลาย (Omni-channel) โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบวงจร การตั้งตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเติบโตมีเหตุผลสำคัญ 2 ประการ คือ
(1) เพื่อปรับตัวให้เข้ากับความต้องการของธุรกิจแบบ Omni-channel ที่ผสมผสานการขายทั้งออนไลน์และออฟไลน์
(2) เพื่อรับมือกับการแข่งขันที่รุนแรงในตลาด โดยเฉพาะจากคู่แข่งในประเทศจีนและแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ
ในช่วงที่ผ่านมา วอลมาร์ทได้ปิดสาขาไฮเปอร์มาร์เก็ตในจีนหลายแห่ง โดยในปี 2023 มีการปิดสาขาอย่างน้อย 15 แห่ง อย่างไรก็ตาม บริษัทกำลังปรับเปลี่ยนกลยุทธ์โดยมุ่งเน้นการพัฒนาร้านค้าที่มีอยู่และขยายสาขาของแซม คลับ (Sam’s Club) ซึ่งเป็นร้านค้าปลีกแบบสมาชิก วอลมาร์ทวางแผนที่จะปรับปรุงร้านค้า 40-50 สาขาในปีนี้ โดยลดจำนวนสินค้าลงครึ่งหนึ่งและเพิ่มประสบการณ์การช้อปปิ้งแบบ Omni-channel ส่วนแซม คลับ ได้เปิดสาขาใหม่อย่างต่อเนื่อง โดย ณ สิ้นปีที่แล้ว มีสาขาทั้งหมด 47 แห่งใน 25 เมืองทั่วประเทศจีน และคาดว่าจะเปิดเพิ่มปีละ 6-7 สาขา
(ภาพและแหล่งที่มา https://mp.weixin.qq.com/s/9bCVDfVTnI71S4X5Kt2pPw)
ผลประกอบการของวอลมาร์ทในจีนไตรมาสที่ 2 ของปีการเงิน 2025 มียอดขายสุทธิ 46 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 330 พันล้านหยวน) เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.7 เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยแซม คลับ และธุรกิจอีคอมเมิร์ซมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว วอลมาร์ทได้พัฒนาระบบการขายแบบ Omni-channel โดยครอบคลุมทั้งการจัดส่งระยะใกล้ ระยะกลาง และระยะไกล พร้อมทั้งปรับปรุงประสิทธิภาพของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซและเพิ่มหมวดหมู่สินค้า ปัจจุบันอัตราการเข้าถึงอีคอมเมิร์ซของวอลมาร์ทในจีนอยู่ที่ร้อยละ 48
นอกจากนี้ วอลมาร์ทยังได้เข้าสู่แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียยอดนิยม เช่น Douyin TikTok Xiaohongshu Kuaishou และ WeChat Channels พร้อมทั้งสร้างทีมไลฟ์สตรีมมิ่งทั้งในระดับส่วนกลางและภูมิภาค เพื่อขยายความสามารถในการตลาดแบบ Omni-channel ในด้านการค้าปลีกแบบทันที (Instant Retail) วอลมาร์ทได้สร้างห้องไลฟ์สตรีมในร้านค้าหลัก 39 เมือง โดยเน้นการไลฟ์สตรีมระยะใกล้ที่สามารถจัดส่งสินค้าภายใน 1 ชั่วโมง ซึ่งแตกต่างจากแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซอื่น ๆ ที่ใช้เวลาจัดส่ง 3-5 วัน จากรายงานของ O2OMind พบว่าในเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ วอลมาร์ทมีรายได้จากตลาดค้าปลีกแบบทันทีประมาณ 3.6 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้นร้อยละ 157 เมื่อเทียบกับปีก่อน กลยุทธ์ Omni-channel ของวอลมาร์ทสะท้อนให้เห็นถึงการปรับตัวของห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ตามความต้องการของตลาด โดยมุ่งเน้นการรวบรวมความต้องการของผู้บริโภคผ่านช่องทางที่หลากหลาย เพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วมของลูกค้าและอัตราการซื้อซ้ำ
ข้อเสนอแนะ สคต. ณ นครเฉิงตู
การปรับตัวของธุรกิจค้าปลีกขนาดใหญ่ในจีนสะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มที่อาจเกิดขึ้นในประเทศไทยเช่นกัน ห้างค้าปลีกยักษ์ใหญ่ในไทยอย่างเทสโก้ โลตัส บิ๊กซี และเซ็นทรัล อาจต้องเผชิญกับความท้าทายคล้ายคลึงกัน โดยเฉพาะการแข่งขันจากร้านค้าแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่เติบโตอย่างรวดเร็ว เราอาจเห็นการปรับโครงสร้างองค์กรของบริษัทเหล่านี้ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาระบบ Omni-channel มากขึ้น เพื่อผสมผสานประสบการณ์การช้อปปิ้งทั้งออนไลน์และออฟไลน์ นอกจากนี้ อาจมีการปรับปรุงร้านค้าให้ทันสมัย ลดขนาดพื้นที่ และเพิ่มบริการจัดส่งสินค้าแบบด่วนเพื่อแข่งขันกับร้านสะดวกซื้อและบริการส่งอาหาร ในขณะเดียวกัน ห้างค้าปลีกอาจหันมาให้ความสำคัญกับรูปแบบธุรกิจแบบสมาชิก เช่น แม็คโคร เพื่อสร้างฐานลูกค้าที่มั่นคงและเพิ่มความภักดีต่อแบรนด์ การใช้เทคโนโลยีและข้อมูลลูกค้าเพื่อปรับปรุงการบริการและสินค้าให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคไทยมากขึ้นก็จะเป็นกลยุทธ์สำคัญในการรักษาความสามารถในการแข่งขันในตลาดค้าปลีกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครเฉิงตู
ตุลาคม 2567
แหล่งข้อมูล :
https://mp.weixin.qq.com/s/9bCVDfVTnI71S4X5Kt2pPw