ในวันที่ 15 ตุลาคม 2567 ณ ด่านชายแดนเหอโข่ว มณฑลยูนนาน ประเทศจีน ได้นำเข้ามะพร้าวสดจากประเทศเวียดนามทางบกเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ โดยรถบรรทุกห้องเย็นได้ขนส่งมะพร้าวสดจำนวน 2,700 ผล น้ำหนักรวม 21.6 ตัน มูลค่าประมาณ 110,000 หยวน จากจังหวัดเบ๋นแจ (Ben Tre) ประเทศเวียดนามการนำเข้าครั้งประวัติศาสตร์นี้แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของระบบโลจิสติกส์ระหว่างสองประเทศ โดยใช้เวลาขนส่งจากแหล่งผลิตถึงด่านนำเข้าเพียงไม่ถึง 3 วัน หลังจากผ่านพิธีการศุลกากรและการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่แล้ว มะพร้าวทั้งหมดจะถูกส่งต่อไปยังศูนย์กระจายสินค้าในเมืองคุนหมิงเพื่อจำหน่ายต่อไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศจีน

จีนนำเข้ามะพร้าวสดจากเวียดนามทางบกครั้งแรก เปิดโอกาสการค้าใหม่ในภูมิภาค

ตามข้อมูลจากกรมการนำเข้าและส่งออกของกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม และศุลกากรจีน พบว่า ตลาดจีนมีความต้องการมะพร้าวสูงถึงกว่า 4 พันล้านผลต่อปี โดยเป็นมะพร้าวสดประมาณ 2.6 พันล้านผล และที่เหลือใช้สำหรับการแปรรูป การที่จีนอนุญาตให้นำเข้ามะพร้าวสดจากเวียดนามในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา จึงเป็นโอกาสทางการค้าครั้งสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมมะพร้าวเวียดนาม จังหวัดเบ๋นแจ ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็น “เมืองหลวงแห่งมะพร้าวเวียดนาม” มีพื้นที่เพาะปลูกมะพร้าวมากกว่า 79,000 เฮกตาร์ ให้ผลผลิตสูงถึง 700 ล้านผลต่อปี ทำให้เป็นแหล่งผลิตมะพร้าวที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ โดยปัจจุบันเวียดนามมีพื้นที่เพาะปลูกมะพร้าวทั้งหมดประมาณ 200,000 เฮกตาร์ ผลผลิตรวมมากกว่า 2 ล้านตัน จัดอยู่ในอันดับ 4 ของโลก

นายด่ง วัน ดิ่ง (Dang Van Dinh) ผู้อำนวยการกรมเกษตรและพัฒนาชนบทจังหวัดเบ๋นแจ เปิดเผยว่า ขณะนี้จังหวัดมีพื้นที่เพาะปลูกมะพร้าวที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการส่งออก 133 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่กว่า 8,400 เฮกตาร์ มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการมากกว่า 12,800 ราย ซึ่งเป็นไปตามข้อกำหนดด้านสุขอนามัยพืชสำหรับการส่งออกมะพร้าวสดไปยังจีน ผู้บริหารสำนักงานพาณิชย์เมืองเหอโข่วกล่าวว่า การนำเข้ามะพร้าวสดครั้งนี้เป็นการเพิ่มรายการสินค้านำเข้าผลไม้สดจากเวียดนามอีกหนึ่งรายการ ถือเป็นการพัฒนาที่สำคัญของด่านการค้าเหอโข่ว โดยทางการจีนจะดำเนินการตรวจสอบและอำนวยความสะดวกในการนำเข้าอย่างรวดเร็วภายใต้มาตรการควบคุมคุณภาพและความปลอดภัยที่เข้มงวด

การเปิดเส้นทางการนำเข้ามะพร้าวสดทางบกครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการเพิ่มช่องทางการค้าใหม่ระหว่างจีนและเวียดนามเท่านั้น แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่แน่นแฟ้นระหว่างสองประเทศ และเป็นโอกาสสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมการเกษตรของทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเกษตรกรชาวเวียดนามที่จะได้เข้าถึงตลาดขนาดใหญ่อย่างประเทศจีน

 

ข้อเสนอแนะ สคต. ณ นครเฉิงตู

ข้อเสนอแนะและโอกาสทางธุรกิจสำหรับประเทศไทย จากกรณีการนำเข้ามะพร้าวจากเวียดนามของจีนนั้น จากความสำเร็จของเวียดนามในการเปิดเส้นทางการส่งออกมะพร้าวสดทางบกไปยังจีน ประเทศไทยควรพิจารณาโอกาสในการพัฒนาการส่งออกมะพร้าวและผลไม้ทางบกผ่านเส้นทาง R3A หรือเส้นทางคุนหมิง-กรุงเทพฯ เนื่องจากจีนมีความต้องการมะพร้าวสูงถึง 4 พันล้านผลต่อปี ซึ่งเป็นโอกาสทางการตลาดที่มีมูลค่ามหาศาล นอกจากนี้ ประเทศไทยควรเร่งพัฒนาระบบการรับรองมาตรฐานแปลงปลูกและระบบตรวจสอบย้อนกลับ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้นำเข้าจีน

ในด้านการพัฒนาธุรกิจ ผู้ประกอบการไทยควรพิจารณาการลงทุนในระบบโลจิสติกส์ควบคุมอุณหภูมิ เพื่อรักษาคุณภาพผลไม้สดระหว่างการขนส่งและอาจพัฒนาความร่วมมือกับผู้ประกอบการจีนในการจัดตั้งศูนย์กระจายสินค้าในเมืองสำคัญของจีน นอกจากนี้ ควรมีการวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์มะพร้าวที่ตรงกับความต้องการของตลาดจีน รวมถึงการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่ช่วยยืดอายุผลิตภัณฑ์และสร้างมูลค่าเพิ่ม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนาม

 

————————————————–

 

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครเฉิงตู

ตุลาคม 2567

แหล่งข้อมูล :

https://mp.weixin.qq.com/s/VWLYwI6ZuBtPiGUMmp2Icg

thThai