การประกาศนโยบายการคลังครั้งแรกของรัฐบาลพรรคแรงงาน

นางเรเชล รีฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหราชอาณาจักรได้แถลงนโยบายการคลังช่วงฤดูหนาว (Autumn Budget) ต่อรัฐสภาสหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2567 ซึ่งเป็นการประกาศนโยบายการคลังของปีถัดไป 2568 มีเนื้อหาครอบคลุมถึงการจัดเก็บภาษี และการใช้จ่ายภาครัฐในอีก 1 ปีข้างหน้า ซึ่งจะส่งผลเศรษฐกิจ ค่าใช้จ่ายส่วนตัว และค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจในสหราชอาณาจักร

หลักการสำคัญในการประกาศนโยบายครั้งนี้ เน้นที่การจัดหางบประมาณสำหรับระบบประกันสุขภาพ (National Health Service)` ให้เพียงพอ และเพื่อให้เศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรมีความมั่นคง โดยคาดว่าจะสามารถจัดหางบประมาณสำหรับระบบประกันสุขภาพได้เพิ่มขึ้น 40,000 ล้านปอนด์ ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อประชาชนที่มีรายได้มากขึ้น โดยใช้มาตรการ อาทิ ให้นายจ้างจ่ายค่าประกันสังคมให้แก่ลูกจ้างมากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้ลูกจ้างอาจได้รับการขึ้นเงินเดือนน้อยลง การปรับช่วงอัตราภาษีเงินได้เพื่อให้สอดคล้องกับอัตราเงินเฟ้อในช่วงที่ผ่านมา การเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำจาก ชั่วโทงละ 11.44 ปอนด์ เป็น 12.21 ปอนด์ต่อชั่วโมงในเดือนเมษายนปีหน้า เพิ่มค่าโดยสารรถประจำทางจาก 2 ปอนด์ เป็น 3 ปอนด์ การเพิ่มภาษีสำหรับบุหรี่ไฟฟ้าเพื่อลดการบริโภคในกลุ่มวัยรุ่น เพิ่มภาษีสุรา และบุหรี่ และจะมีการพิจารณาปรับภาษีสำหรับสินค้าหวาน และสินค้าที่มีส่วนผสมของนม เป็นต้น

ภาคเอกชนและนักธุรกิจต่างออกมาขานรับนโยบายการคลังฉบับใหม่ โดยมีความเห็นว่า นโยบายการคลังใหม่นี้จะส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าและบริการอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเจ้าของผับแห่งหนึ่งให้ความเห็นว่า นโยบายนี้จะส่งผลให้เบียร์มีราคาสูงขึ้น 0.40 ปอนด์ต่อแก้ว ในขณะที่ภาคธุรกิจต่างคาดหวังว่าการประกาศนโยบายครั้งนี้จะส่งผลให้ Bank of England ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยหากนโยบายการคลังนี้ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อลดลง อย่างไรก็ตาม BoE มีกำหนดจะประกาศนโยบายดอกเบี้ยในวันที่ 7 พฤศจิกายน 2567 นี้

ที่มา: BBC News/Reuters

ข้อมูลเพิ่มเติม/ความเห็น สคต.

สำนักงบประมาณสหราชอาณาจักร (Office for Budget Responsibility) ได้ให้ข้อมูลประกอบการประกาศนโยบายการคลังครั้งนี้ว่า อัตราเงินเฟ้อในปี 2025 จะเพิ่มสูงขึ้นเป็น 2.6% และจะลดลงอย่างต่อเนื่องเหลือ 2% ในปี 2029 และมีการคาดการณ์ว่า GDP จะเพิ่มสูงขึ้น 2% ในปี 2025 แต่ละลดลงเหลือ 1.6% ในปี 2029

สคต.ลอนดอน มีความเห็นว่านโยบายการคลังนี้จะส่งผลให้ค่าครองชีพสูงขึ้น เนื่องจากภาคธุรกิจมีต้นทุนค่าใช้จ่ายในการจ้างแรงงานสูงขึ้น ดังนั้น การส่งออกสินค้าของไทยอาจมีโอกาสในการผลิตและนำเสนอสินค้าที่มีคุณภาพในราคาที่สามารถแข่งขันในตลาดได้ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสำคัญต่างๆ ในสหราชอาณาจักร โดยเฉพาะเทศกาลคริสมาสต์ที่ผู้คนมีการจับจ่ายใช้สอยสินค้าฟุ่มเฟือยเพื่อเป็นของขวัญและเป็นรางวัลให้แก่ตนเองและคนรอบข้างมากขึ้น ทั้งนี้ สคต. ณ กรุงลอนดอน จะติดตามเทรนด์การบริโภคและรายงานให้ทราบเป็นระยะ

                                                                                      สรุปโดย สคต. ลอนดอน

thThai