รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศของสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ประจำเดือนตุลาคม 2567

1. ภาพรวมเศรษฐกิจสำคัญ/ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่สำคัญ
1.1 การเติบโตทางเศรษฐกิจ
ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2567 ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของฟิลิปปินส์
ขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 5.2 ลดลงจากร้อยละ 6.4 ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2567 และลดลงจากร้อยละ 6.0 ในไตรมาสเดียวกันของปี 2566 โดยภาคส่วนหลักที่มีส่วนร่วมในการเติบโตของ GDP ได้แก่ ภาคการก่อสร้างขยายตัวร้อยละ 9.0 ภาคการเงินและการประกันภัยขยายตัวร้อยละ 8.8 ภาคค้าส่งและค้าปลีก การซ่อมแซมยานยนต์และจักรยานยนต์ขยายตัวร้อยละ 5.2 สำหรับภาคเศรษฐกิจหลัก ได้แก่ ภาคเกษตรกรรมป่าไม้และประมงหดตัวร้อยละ 2.8 ภาคอุตสาหกรรมขยายตัวร้อยละ 5.0 และภาคการบริการขยายตัวร้อยละ 6.3
ในขณะที่ ในส่วนของด้านอุปสงค์พบว่าการใช้จ่ายภาคครัวเรือนขยายตัวร้อยละ 5.1 ขณะที่การใช้จ่ายของภาครัฐขยายตัวร้อยละ 5.0 สำหรับรายจ่ายเพื่อการสะสมทุนรวมเบื้องต้น (Gross Capital Formation) ขยายตัวร้อยละ 13.1 ในส่วนการส่งออกสินค้าและบริการหดตัวร้อยละ 1.0 และการนำเข้าสินค้าและบริการขยายตัวร้อยละ 6.4 โดยรายได้รวมประชาชาติ (Gross National Income) ขยายตัวร้อยละ 6.8 และรายได้ปฐมภูมิ (Net Primary Income) ขยายตัวร้อยละ 19.3

1.2 ภาวะการลงทุน

               ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2567 ฟิลิปปินส์มีการลงทุน
จากต่างประเทศ (Foreign Investment: FI) มูลค่ารวม 1.90 แสนล้านเปโซ เพิ่มขึ้นร้อยละ 220.7 จากช่วงเดียวกันของปี 2566 ซึ่งมีมูลค่าการลงทุนอยู่ที่ 5.91 หมึ่นล้านเปโซ โดยเป็นการลงทุนผ่านหน่วยงานส่งเสริมการลงทุน 6 หน่วยงาน ได้แก่

– Board of Investments (BOI)

– BOI-Bangsamoro Autonomous Region in Muslim Mindanao

  (BOI-BARMM)

– Clark Development Corporation (CDC)

– Philippine Economic Zone Authority (PEZA)

– Subic Bay Metropolitan Authority (SBMA)

– Zamboanga City Special Economic Zone Authority (ZCSEZA)

                 ทั้งนี้ การลงทุนจากต่างประเทศในไตรมาสที่ 2 ของปี 2567 พบว่าเป็นการลงทุนจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์มากที่สุดคิดเป็นมูลค่าการลงทุน 1.72 แสนล้านเปโซ หรือคิดเป็นร้อยละ 90.8 ของมูลค่าการลงทุนทั้งหมด รองลงมาได้แก่ ญี่ปุ่นมีมูลค่าการลงทุน 7.68 พันล้านเปโซ คิดเป็นร้อยละ 4.1 และมาเลเซียมีมูลค่าการลงทุน 4.53 พันล้านเปโซ คิดเป็นร้อยละ 2.4 สำหรับอุตสาหกรรมที่มีการลงทุนจากต่างประเทศมากที่สุด คือ อุตสาหกรรมไฟฟ้า ก๊าซธรรมชาติ ไอน้ำ และการปรับอากาศ คิดเป็นร้อยละ 91.2 รองลงมาได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิต (ร้อยละ 6.5) และอุตสาหกรรมกิจกรรมการบริหารและการบริการสนับสนุน (ร้อยละ 1.5) ตามลำดับโดยคาดผลจากการลงทุนในไตรมาสที่ 2 ปี 2567 ทั้งในประเทศและต่างประเทศก่อให้เกิดการจ้างงาน ทั้งหมด 26,915 งาน ซึ่งเป็นการจ้างงานจากการลงทุนจากต่างประเทศ 18,135 งาน หรือคิดเป็นร้อยละ 67.38

1.3 การบริโภคภายในประเทศ

                จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติฟิลิปปินส์ระบุว่า ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2567การใช้จ่ายภาคครัวเรือนของฟิลิปปินส์ขยายตัวร้อยละ 5.10 เท่ากับในไตรมาสเดียวกัน
ของปี 2566 และเพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 2 ของปี 2567 ที่ขยายตัวร้อยละ 4.64 โดยการใช้จ่ายด้านอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์มีมูลค่ามากที่สุด อยู่ที่ 1.27 ล้านล้านเปโซ ขยายตัวร้อยละ 3.2 รองลงมาได้แก่ด้านสินค้าเบ็ดเตล็ดบริการอื่นๆ มีมูลค่า 590,204 ล้านเปโซ ขยายตัวตัวร้อยละ 7.1 และค่าใช้จ่ายในครัวเรือนค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าเชื้อเพลิง มีมูลค่า 477,874 ล้านเปโซ ขยายตัวร้อยละ 4.0 ตามลำดับ

1.4 อัตราเงินเฟ้อ

                อัตราเงินเฟ้อของฟิลิปปินส์ในเดือนตุลาคม 2567 อยู่ที่ร้อยละ 2.3 เพิ่มขึ้นจากเดือนกันยายน 2567ที่มีอัตราอยู่ที่ร้อยละ 1.9 แต่อยู่ในระดับต่ำกว่าอัตราเงินเฟ้อในเดือนตุลาคม 2566 ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 4.9ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นในเดือนตุลาคม 2567 มีสาเหตุหลักมาจากการขยายตัวของค่าอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ รวมทั้งแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นของค่าขนส่ง

1.5 อัตราการจ้างงานและอัตราการว่างงาน

               อัตราการจ้างงานในเดือนกันยายน 2567 อยู่ที่ร้อยละ 96.3 เพิ่มขึ้นจากเดือนสิงหาคม 2567 ที่มีอัตราอยู่ที่ร้อยละ 96.0 และเพิ่มขึ้นจากเดือนกันยายน 2566 ที่มีอัตราจ้างงานอยู่ที่ร้อยละ 95.5 สำหรับอัตราการว่างงานอยู่ที่ร้อยละ 3.7 ลดลงจากเดือนสิงหาคม 2567 ที่มีอัตราอยู่ที่ร้อยละ 4.0 และลดลงจากเดือนกันยายน 2566ที่มีอัตราอยู่ที่ร้อยละ 4.5

ตารางที่ 1 – สถิติด้านแรงงานของฟิลิปปินส์ในเดือนกันยายน 2567

สถิติ กันยายน
2566
สิงหาคม
2567
กันยายน
256
7
อัตราการมีส่วนร่วมของแรงงาน ร้อยละ 64.1 ร้อยละ 64.8 ร้อยละ 65.7
อัตราการจ้างงาน (Employment Rate) ร้อยละ 95.5 ร้อยละ 96.0 ร้อยละ 96.3
อัตราการว่างงาน (Unemployment rate) ร้อยละ 4.5 ร้อยละ 4.0 ร้อยละ 3.7
อัตราการทำงานต่ำกว่าระดับความรู้ความสามารถ/
วุฒิการศึกษา (Underemployment rate)
ร้อยละ 10.7 ร้อยละ 11.2 ร้อยละ 11.9
  1. 2. สถานการณ์การค้า (การส่งออก-นำเข้า)

         2.1 การส่งออก

              การส่งออกของฟิลิปปินส์ในเดือนมกราคม – กันยายน 2567 มีมูลค่ารวม 55,668.70 ล้านเหรียญสหรัฐฯเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2566 ที่มีมูลค่าส่งออก 55,083.23 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.1 ตารางที่ 2 แสดงถึงมูลค่าและอัตราการขยายตัวของสินค้าส่งออกหลักของฟิลิปปินส์ โดยจำแนกตามประเภทของสินค้าและตารางที่ 3 แสดงถึงมูลค่าและอัตราการขยายตัวของสินค้าส่งออกหลักของประเทศฟิลิปปินส์จำแนกตามตลาด

ตารางที่ 2 – มูลค่าและอัตราการขยายตัวของสินค้าส่งออกหลักของฟิลิปปินส์ แยกตามประเภทของสินค้า      ในเดือนมกราคม กันยายน 2566/2567

ลำดับ สินค้า มูลค่า : ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว

(ร้อยละ)

ม.ค.-ก.ย.66 ม.ค.-ก.ย.67
1 สินค้าอิเล็กทรอนิกส์  31,278.45  30,598.33 -2.2
2 สินค้าสำเร็จรูป (Other Manufacturer Goods)  2,973.52  3,377.85 13.6
3 ผลิตภัณฑ์แร่อื่น ๆ  2,425.08  2,292.30 -5.5
4 เครื่องจักรและส่วนประกอบยานยนต์  1,810.39  1,958.83 8.2
5 ชุดสายไฟจุดระเบิดและชุดสายไฟอื่นๆ

ที่ใช้ในยานพาหนะ เครื่องบิน และเรือสินค้า

 1,987.68  1,806.75 -9.1
6 น้ำมันมะพร้าว  884.92  1,437.22 62.4
7 สารเคมี  1,154.51  1,377.12 19.3
8 ทองคำ  880.84  934.65 6.1
9 แคโทดและหน้าตัดของแคโทด ของทองแดงบริสุทธิ์  1,400.95  924.61 -34.0
10 อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วน   847.56  881.63 4.0
การส่งออกรวม 55,083.23  55,668.70 1.1

 

ตารางที่ 3 – มูลค่าและอัตราการขยายตัวของสินค้าส่งออกหลักของประเทศฟิลิปปินส์ แยกตามตลาด
ในเดือนมกราคม –
กันยายน 2566/2567

ลำดับ ประเทศ มูลค่า : ล้านเหรียญสหรัฐฯ สัดส่วน

(ร้อยละ)

ขยายตัว

(ร้อยละ)

ม.ค.-ก.ย.66 ม.ค.-ก.ย.67
1 สหรัฐอเมริกา       8,519.61       9,180.89 16.5 7.8
2 ฮ่องกง       6,388.86       7,796.46 14.0 22.0
3 ญี่ปุ่น       7,891.94       7,709.29 13.8 -2.3
4 จีน       8,469.19       7,070.88 12.7 -16.5
5 เกาหลีใต้       2,560.08       2,809.25 5.0 9.7
6 เนเธอร์แลนด์       2,368.97       2,214.38 4.0 -6.5
7 ไต้หวัน       1,916.35       2,159.96 3.9 12.7
8 ไทย       2,163.67       2,156.59 3.9 -0.3
9 สิงคโปร์       2,779.32       2,080.54 3.7 -25.1
10 เยอรมนี       1,941.83       1,934.52 3.5 -0.4
 การนำเข้ารวม     55,083.23     55,668.70 100.0 1.1

 

   2.2 การนำเข้า

            การนำเข้าของฟิลิปปินส์ในเดือนมกราคม – กันยายน 2567 มีมูลค่า 95,069.65 ล้านเหรียญสหรัฐฯลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2566 ที่มีมูลค่า 94,486.76 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.6
ตารางที่ 4 แสดงถึงมูลค่าและอัตราการขยายตัวของสินค้านำเข้าหลักของฟิลิปปินส์ โดยจำแนกตามประเภทของสินค้าและตารางที่ 5 แสดงถึงมูลค่าและอัตราการขยายตัวของสินค้านำเข้าหลักของฟิลิปปินส์จำแนกตาม
แหล่งนำเข้า

ตารางที่ 4 – มูลค่าและอัตราการขยายตัวของสินค้านำเข้าหลักของฟิลิปปินส์ แยกตามประเภทของสินค้า
ในเดือนมกราคมกันยายน 2566/2567

ลำดับ สินค้า มูลค่า : ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว

(ร้อยละ)

ม.ค.-ก.ย.66 ม.ค.-ก.ย.67
1 สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ 20,111.85      20,105.80 -0.03
2 แร่ธาตุเพื่อพลังงานเชื้อเพลิง น้ำมันหล่อลื่น  15,082.81      14,691.00 -2.6
3 ส่วนประกอบยานยนต์  9,127.22       8,306.22 -9.0
4 เครื่องจักรอุตสาหกรรมและส่วนประกอบ  4,359.33       4,339.67 -0.5
5 เหล็กและเหล็กกล้า  3,592.06       4,093.80 14.0
6 อาหารและสิ่งมีชีวิตอื่นๆ  3,910.14       3,929.86 0.5
7 ธัญพืช  3,150.99       3,867.15 22.7
8 สินค้าเบ็ดเตล็ด  3,300.41       3,474.96 5.3
9 ชิ้นส่วนโทรคมนาคมและเครื่องจักรไฟฟ้า   2,752.78       2,655.55 -3.5
10 แร่โลหะและเศษโลหะ  2,407.22       2,135.17 -11.3
การนำเข้ารวม  94,486.76      95,069.65 0.6

ตารางที่ 5 – มูลค่าและอัตราการขยายตัวของสินค้านำเข้าหลักของฟิลิปปินส์ แยกตามแหล่งนำเข้า
ในเดือนมกราคม – กันยายน 2566/2567

ลำดับ ประเทศ มูลค่า: ล้านเหรียญสหรัฐฯ สัดส่วน

(ร้อยละ)

ขยายตัว

(ร้อยละ)

ม.ค.-ก.ย.66 ม.ค.-ก.ย.67
1 จีน  21,794.15  24,301.35 25.6 11.5
2 อินโดนีเซีย  8,659.86  7,934.26 8.3 -8.4
3 ญี่ปุ่น  7,726.54  7,429.22 7.8 -3.8
4 เกาหลีใต้  6,404.25  7,088.15 7.5 10.7
5 สหรัฐอเมริกา  6,298.33  6,142.27 6.5 -2.5
6 ไทย  5,941.52  5,637.44 5.9 -5.1
7 มาเลเซีย  4,384.39  4,555.98 4.8 3.9
8 สิงคโปร์  5,369.52  4,401.80 4.6 -18.0
9 เวียดนาม  3,551.55  4,016.99 4.2 13.1
10 ออสเตรเลีย  2,741.85  2,107.46 2.2 -23.1
การนำเข้ารวม  94,486.76  95,069.65 100.0 0.6

2.3 มูลค่าการค้าระหว่างไทย – ฟิลิปปินส์

(ล้านเหรียญสหรัฐฯ)

                  มูลค่าการค้ารวมของไทยกับฟิลิปปินส์
ในช่วงเดือนมกราคม – กันยายน 2567 อยู่ที่ 8,197.72
ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 0.21 เมื่อเทียบกับ
ช่วงเดียวกันของปี 2566 ที่มีมูลค่า 8,215.03 ล้านเหรียญสหรัฐฯคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 1.81 ของการค้าไทยไปทั่วโลก
สำหรับการส่งออกจากไทยไปยังฟิลิปปินส์ในช่วงเดือนมกราคม – กันยายน 2567 มีมูลค่า 5,794.08 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 2.16 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของ
ปี 2566 ที่มีมูลค่า 5,921.92  ล้านเหรียญสหรัฐฯ
คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 2.60 ของการส่งออกไปทั่วโลก ในขณะเดียวกันไทยมีการนำเข้าจากฟิลิปปินส์
ในช่วงเดือนมกราคม – กันยายน 2567 มีมูลค่า 2,403.64 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.82 เมื่อเทียบกับ
ช่วงเดียวกันของปี 2566 ที่มีมูลค่านำเข้า 2,293.11 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 1.05
ของการนำเข้าจากทั่วโลก

สรุปการค้าระหว่างไทย – ฟิลิปปินส์ในเดือนมกราคม – กันยายน 2567 ปรากฏว่าไทยได้เปรียบ
ดุลการค้าฟิลิปปินส์ เป็นมูลค่า 3,390.43 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

ตารางที่ 6 – สรุปการค้าระหว่างประเทศของไทยกับฟิลิปปินส์ในเดือนมกราคม – กันยายน 2566/2567

การค้าระหว่าง

ไทย – ฟิลิปปินส์

มูลค่า

(ล้านเหรียญสหรัฐฯ)

อัตราขยายตัว

(ร้อยละ)

สัดส่วนต่อการค้าโลก

(ร้อยละ)

ม.ค.- ก.ย.66 ม.ค.- ก.ย.67 ม.ค.- ก.ย.66 ม.ค.- ก.ย.67 ม.ค.- ก.ย.66 ม.ค.-ก.ย.67
มูลค่าการค้า 8,215.03 8,197.72 -5.38 -0.21 1.90 1.81
ไทยส่งออกไปฟิลิปปินส์ 5,921.92  5,794.08 3.96 -2.16 2.76 2.60
ไทยนำเข้าจากฟิลิปปินส์ 2,293.11 2,403.64 -23.20 4.82 1.06 1.05
ดุลการค้า 3,628.81 3,390.43 33.88 -6.57

ที่มา : ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ (เข้าถึงข้อมูลวันที่ 12 พฤศจิกายน 2567)

          2.4 การส่งออกสินค้าของไทยไปยังฟิลิปปินส์

                เมื่อพิจารณาสินค้า 5 อันดับที่ไทยส่งออกไปยังฟิลิปปินส์ในเดือนมกราคม – กันยายน 2567
พบว่า สินค้ารถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ มีมูลค่าส่งออกสูงสุด 1,861.05 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ลดลงร้อยละ 6.06 จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 รองลงมา ได้แก่ แผงวงจรไฟฟ้า น้ำมันสำเร็จรูป ข้าว เครื่องสำอาง สบู่ และผลิตภัณฑ์รักษาผิว ตามลำดับ

ตารางที่ 7 – การส่งออกสินค้า 5 อันดับของไทยไปยังฟิลิปปินส์ในเดือนมกราคม – กันยายน 2566/2567

 

อันดับ

 

รายการสินค้า

มูลค่า

   (ล้านเหรียญสหรัฐฯ)

อัตราขยายตัว

(ร้อยละ)

สัดส่วน

(ร้อยละ)

 ม.ค.-ก.ย.66  ม.ค.-ก.ย.67 ม.ค.-ก.ย.66 ม.ค.-ก.ย.67 ม.ค.-ก.ย.66 ม.ค.-ก.ย.67
1. รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ 1,981.14 1,861.05 43.64 -6.06 33.45 32.12
2. แผงวงจรไฟฟ้า 424.53 385.96 -21.14 -9.09 7.17 6.66
3. น้ำมันสำเร็จรูป 263.13 228.38 5.94 -13.21 4.44 3.94
4. ข้าว 50.39 219.89 -8.76 336.36 0.85 3.80
5. เครื่องสำอาง สบู่ และผลิตภัณฑ์รักษาผิว 214.30 198.21 -2.83 -7.51 3.62 3.42

ที่มา : ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ (เข้าถึงข้อมูลวันที่ 12 พฤศจิกายน 2567)

        

2.5 การนำเข้าของไทยจากฟิลิปปินส์

                 เมื่อพิจารณาการนำเข้าสินค้า 5 อันดับของไทยจากฟิลิปปินส์ในเดือนมกราคม – กันยายน 2567
พบว่า เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ มีมูลค่าสูงสุด 599.66 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 70.38
จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 รองลงมา ได้แก่ แผงวงจรไฟฟ้า สินแร่โลหะอื่น ๆ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์
เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ และส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ ตามลำดับ

ตารางที่ 8 – การนำเข้าสินค้า 5 อันดับของไทยจากฟิลิปปินส์ในเดือนมกราคม – กันยายน 2566/2567

 

อันดับ

 

รายการสินค้า

มูลค่า

 (ล้านเหรียญสหรัฐฯ)

อัตราขยายตัว

(ร้อยละ)

สัดส่วน

(ร้อยละ)

ม.ค.-ก.ย.66  ม.ค.-ก.ย.67 ม.ค.-ก.ย.66 ม.ค.-ก.ย.67 ม.ค.-ก.ย.66 ม.ค.-ก.ย.67
1. เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ 351.96 599.66 -47.12 70.38 15.35 24.95
2. แผงวงจรไฟฟ้า 419.77 479.40 -28.26 14.21 18.31 19.94
3. สินแร่โลหะอื่น ๆ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์ 418.64 321.55 20.38 -23.19 18.26 13.38
4. เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ 210.70 205.76 -14.04 -2.34 9.19 8.56
5. ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ 213.25 195.67 -24.63 -8.24 9.30 8.14

ที่มา : ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ (เข้าถึงข้อมูลวันที่ 12 พฤศจิกายน 2567)

  1. สถานการณ์และภาวะสินค้าเป้าหมายของไทยในตลาดฟิลิปปินส์

           แนวโน้มการส่งออกสินค้าไทยมายังฟิลิปปินส์ในเดือนมกราคม – กันยายน 2567 จากประเภทสินค้าหลัก
5 อันดับของไทยที่มีการขยายตัวในการส่งออกมายังตลาดฟิลิปปินส์ คือ ข้าว โดยสรุปข้อมูลสถานการณ์และ
ภาวะสินค้าโดยสังเขป ดังนี้

           3.1 ข้าว

                     ฟิลิปปินส์เป็นตลาดที่มีบริโภคข้าวเป็นอาหารหลัก โดยมีการบริโภคเฉลี่ยมากถึงปีละประมาณ 16 ล้านตัน แต่สามารถผลิตข้าวได้เพียงปีละประมาณ 12 ล้านตัน ทำให้จำเป็นต้องพึ่งพาการนำเข้าข้าวปีละกว่า 3 ล้านตัน ทั้งนี้ ฟิลิปปินส์ยังเป็นหนึ่งในประเทศกลุ่มเสี่ยงที่สุดในเอเชียเกี่ยวกับความมั่นคงทางอาหาร โดยเฉพาะข้าวซึ่งเป็นอาหารหลักพื้นฐานของประเทศที่มีความท้าทายหลายประการในการผลิตข้าวให้เพียงพอกับความต้องการและการขยายตัวของจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นจำนวนมากในแต่ละปี นอกจากนี้ ฟิลิปปินส์ต้องเผชิญ   กับภัยพิบัติทางธรรมชาติไม่ว่าจะเป็นแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด พายุไต้ฝุ่นที่ส่งผลต่อความเสียหายต่อพืชผลทางการเกษตรทุกปี การขาดแคลนเทคโนโลยีการเกษตรที่ทันสมัย รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของประชากรในแรงงานภาคเกษตร และล่าสุดความกังวลต่อผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนีโญ่ที่อาจทำให้ผลผลิตข้าวในประเทศลดลง ส่งผลให้มีการคาดการณ์ว่าในปีนี้ ฟิลิปปินส์อาจต้องนำเข้าข้าวมากถึง 4.1 ล้านตัน เพื่อเสริมอุปทานข้าวในประเทศและสำรองข้าวไว้ใช้ในยามขาดแคลน ทั้งนี้ ปัจจุบันฟิลิปปินส์เป็นประเทศผู้นำเข้าข้าวรายใหญ่ที่สุดของโลก ทำให้ฟิลิปปินส์เป็นหนึ่งในตลาดส่งออกข้าวศักยภาพของไทย โดยปัจจุบันไทยเป็นหนึ่งในแหล่งนำเข้าข้าวสำคัญของฟิลิปปินส์รองจากประเทศเวียดนามที่ครองส่วนแบ่งตลาดข้าวนำเข้าอันดับ 1 ในฟิลิปปินส์ โดยในปี 2566 ไทยส่งออกข้าวมายังฟิลิปปินส์ปริมาณ 210.45 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 184.23 จากปี 2565 ที่มีมูลค่า 74.04 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สำหรับในปี 2567 (เดือนมกราคม – กันยายน) ไทยส่งออกข้าวมาฟิลิปปินส์มูลค่า 219.89 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 336.36 จากช่วงเดียวกัน
ของปี 2566 ที่มีมูลค่าส่งออก 50.39 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ทั้งนี้ ข้าวไทยยังคงมีข้อได้เปรียบสำคัญในเรื่องของคุณภาพมาตรฐานที่เป็นที่เชื่อมั่นใจของผู้บริโภคชาวฟิลิปปินส์ และราคาข้าวไทยปัจจุบันอยู่ในระดับใกล้เคียงกับคู่แข่งแต่ยังคงต้องแข่งขันกับประเทศคู่แข่งสำคัญ คือ เวียดนามที่มีพันธุ์ข้าวขาวพื้นนุ่มตรงกับความต้องการของตลาดซึ่งไทยจำเป็นต้องเร่งพัฒนาและผลิตพันธุ์ข้าวให้มีความหลากหลาย โดยเฉพาะข้าวขาวพื้นนุ่มเพื่อตอบโจทย์ให้ตรงกับความต้องการของตลาดฟิลิปปินส์จึงจะมีโอกาสในการช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดข้าวในฟิลิปปินส์ได้มากขึ้นต่อไป  

ข้อสังเกตเพิ่มเติม                                                             

           เศรษฐกิจของฟิลิปปินส์ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2567 หดตัวลงเหลือร้อยละ 5.2 จากร้อยละ 6.4ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2567 และหดตัวลงจากร้อยละ 5.9 ในไตรมาสเดียวกันของปี 2566 ซึ่งยังต่ำกว่าเป้าหมาย ที่รัฐบาลตั้งไว้ร้อยละ 6 – 7 ในปีนี้ สำหรับในด้านอุปสงค์การใช้จ่ายของรัฐบาลลดลงอย่างมากในไตรมาสที่ 3 ปี 2567ชะลอตัวลงเหลือร้อยละ 5.0 จากการเติบโตร้อยละ 11.9 จากไตรมาสก่อนหน้า ขณะที่การใช้จ่ายของครัวเรือน
เพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ ร้อยละ 5.1 จาก ร้อยละ 4.7 ขณะที่การส่งออกสินค้าหดตัวลง ร้อยละ 1.0 จากร้อยละ 4.2ในไตรมาสที่ 2 โดยหนึ่งในสาเหตุสำคัญของการหดตัวของเศรษฐกิจฟิลิปปินส์ในไตรมาสที่ 3 คือผลกระทบจากพายุไต้ฝุ่นที่รุนแรง โดยผลผลิตภาคการเกษตรโดยรวมลดลงร้อยละ 3.7 ซึ่งถือว่าลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2563ส่งผลให้ราคาอาหารสูงขึ้นอย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบในไตรมาสที่ 3 กับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียพบว่าฟิลิปปินส์ยังคงเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เร็วที่สุดโดยการเติบโตทางเศรษฐกิจรองแค่ประเทศเวียดนาม (ร้อยละ 7.4)  และยังเหนือกว่าอินโดนีเซีย (ร้อยละ 5.0) และจีน (ร้อยละ 4.6) เป็นต้น สำหรับแนวโน้มสถานการณ์การส่งออกสินค้าไทยมายังตลาดฟิลิปปินส์ยังคงชะลอตัวลง อย่างไรก็ตามในเดือนมกราคม – กันยายน 2567 พบว่าการส่งออกสินค้าบางรายการของไทยมาฟิลิปปินส์ยังคงสามารถขยายตัวได้ดี โดยนอกจากข้าวแล้ว ยังมีสินค้าที่มีศักยภาพและสามารถขยายตัวเพิ่มขึ้น เช่น อาหารสัตว์เลี้ยง (+ร้อยละ 15.08) เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ (+ร้อยละ 71.36) ผลิตภัณฑ์ข้าวสาลีและอาหารสำเร็จรูปอื่น ๆ(+ร้อยละ 32.16) และนมและผลิตภัณฑ์นม (+ร้อยละ 17.82) มอเตอร์และเครื่องกำเนิดไฟฟ้า (+ร้อยละ 112.24)
เป็นต้น

                                   ——————————————————     

 

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงมะนิลา

                                                           กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ

พฤศจิกายน 2567

thThai