ข้อมูลจาก www.cognitivemarketresearch.com และ www.statista.com เผยว่า ผลิตภัณฑ์ปกป้องผิวจากแสงแดด (Sun protection) ทั่วโลกมีมูลค่าตลาดสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี ในปี 2567 ทวีปที่มีส่วนแบ่งทางการตลาดของผลิตภัณฑ์นี้มากที่สุดตามลำดับ ได้แก่ ทวีปอเมริกาเหนือ ร้อยละ 40 ทวีปยุโรป ร้อยละ 30 และทวีปเอเชีย ร้อยละ 23 ทวีปอเมริกาใต้ ร้อยละ 5 และทวีปตะวันออกกลาง และทวีปแอฟริกา ร้อยละ 2 โดยประเทศที่มีมูลค่ายอดขายผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดมากที่สุด ได้แก่ ประเทศสหรัฐอเมริกา ประเทศจีน ประเทศเกาหลีใต้ ประเทศอินเดีย และประเทศอิตาลี ตามลำดับ

ตลาดผลิตภัณฑ์ปกป้องผิวจากแสงแดดในสหรัฐฯ

ผลิตภัณฑ์ปกป้องผิวจากแสงแดด คือ ผลิตภัณฑ์ใช้สำหรับป้องกันผิวจากแสงแดด และผลิตภัณฑ์ที่ช่วยป้องกันผิวจากรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) ที่มาจากแสงแดด โดยรังสี UV สามารถทำให้ผิวหนังเสียหาย เกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควร ผิวไหม้จากแดด และเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนัง การปกป้องผิวจากแสงแดดจึงช่วยลดการสัมผัสกับรังสีที่เป็นอันตราย สำหรับผลิตภัณฑ์ปกป้องผิวจากแสงแดด ประกอบด้วย ครีมกันแดด สเปรย์กันแดด และโลชั่นหลังอาบแดด เป็นต้น

ตลาดผลิตภัณฑ์ปกป้องผิวจากแสงแดดในสหรัฐฯwww.grandviewresearch.com ระบุว่า ในปี 2567 คาดการณ์มูลค่าตลาดของผลิตภัณฑ์ปกป้องผิวจากแสงแดดในตลาดสหรัฐฯอยู่ที่ประมาณ 1.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ และคาดการณ์มูลค่าในปี 2573 ของผลิตภัณฑ์นี้อยู่ที่ประมาณ 2.1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 6.1 ต่อปีในช่วงปี 2567-2572ตลาดผลิตภัณฑ์ปกป้องผิวจากแสงแดดในสหรัฐฯ

สำหรับช่องทางขายที่ผู้บริโภคนิยมซื้อผลิตภัณฑ์ปกป้องผิวจากแสงแดด คือ ช่องทางออนไลน์ ร้อยละ 50.6 และช่องทางออฟไลน์ ร้อยละ 49.4 อีกทั้งยังคาดว่าผู้บริโภคจะหันไปซื้อผลิตภัณฑ์นี้ผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในปี 2568 คาดว่าผู้บริโภคจะซื้อผลิตภัณฑ์ผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 53.4 และช่องทางออฟไลน์ร้อยละ 46.6 และในปี 2570 คาดว่าผู้บริโภคจะซื้อผลิตภัณฑ์ผ่านช่องทางออนไลน์ถึงร้อยละ 60.8 ช่องทางออฟไลน์ร้อยละ 39.2 ตามลำดับ

ตลาดผลิตภัณฑ์ปกป้องผิวจากแสงแดดในสหรัฐฯ

พฤติกรรมการซื้อผลิตภัณฑ์ปกป้องผิวจากแสงแดดของชาวอเมริกันผ่านช่องทางออนไบน์ พบว่านิยมซื้อผลิตภัณฑ์ผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ ร้อยละ 55.4 และซื้อผ่านคอมพิวเตอร์หรือแล็ปท็อป ร้อยละ 44.5 ทั้งนี้ ในปี 2569 จะมีการซื้อผลิตภัณฑ์ผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ จะเดิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 59.6 และซื้อผ่านคอมพิวเตอร์หรือแล็ปท็อป ร้อยละ 42.1 เป็นต้น

ประมาณการณ์ส่วนแบ่งทางการตลาดของครีมกันแดดในสหรัฐฯ ปี 2567 สามารถแบ่งตามยี่ห้อ ดังนี้ CeraVe ร้อยละ 23 Garnier ร้อยละ 12 La Roche-Posay ร้อยละ 10 The Ordinary ร้อยละ 8 Hawaiian Tropic ร้อยละ 4 Private Label ร้อยละ 4 Armani Beauty ร้อยละ 3 Kiehl’s ร้อยละ 3 Shiseido ร้อยละ 3 Coppertone ร้อยละ 2 และยี่ห้ออื่นๆ ร้อยละ 28

ผู้บริโภคผลิตภัณฑ์ปกป้องผิวจากแสงแดดในสหรัฐฯ สามารถแบ่งตามช่วงอายุ ดังนี้

  1. ช่วงอายุ 10-17 ร้อยละ 65
  2. ช่วงอายุ 18-24 ปี ร้อยละ 72
  3. ช่วงอายุ 25-34 ปี ร้อยละ 62
  4. ช่วงอายุ 35-54 ปี ร้อยละ 73
  5. ช่วงอายุตั้งแต่ 55 ปีขึ้นไป ร้อยละ 55

ตลาดผลิตภัณฑ์ปกป้องผิวจากแสงแดดในสหรัฐฯ

โดยมีค่าเฉลี่ยการซื้อผลิตภัณฑ์อยู่ที่ 30.8 เหรียญสหรัฐต่อคนต่อปี และคาดว่าภายในปี 2573 การซื้อผลิตภัณฑ์นี้จะเฉลี่ยอยู่ที่ 38.53 เหรียญสหรัฐต่อคนต่อปี

จากผลสำรวจชาวอเมริกันกว่า 2,000 ราย ของ www.nypost.com พบว่า ผลิตภัณฑ์ปกป้องผิวจากแสงแดดที่ชาวอเมริกันนิยมใช้มากที่สุด คือ ผลิตภัณฑ์ครีมกันแดด โดยอายุเฉลี่ยของชาวอเมริกันที่เริ่มใช้ครีมกันแดด คือ 26 ปี ส่วนปัจจัยที่ทำให้ชาวอเมริกันเริ่มหันมาใช้ครีมกันแดด คือ การเกิดภาวะผิวไหม้จากแสงแดด และการตระหนักถึงผลกระทบที่เป็นอันตรายจากรังสี UV จึงเริ่มมองหาผลิตภัณฑ์ที่ปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB และผลิตภัณฑ์ดูแลผิวจากแสงแดด ส่งผลให้ครีมกันแดดเป็นที่ต้องการในท้องตลาดเป็นอย่างมาก

ปัจจัยสำคัญอีกหนึ่งประการที่ทำให้ตลาดครีมกันแดดเติบโตในสหรัฐฯขึ้นอย่างต่อเนื่อง คือ ชาวอเมริกันนิยมจัดกิจกรรมนันทนาการกลางแจ้ง อาทิ การตั้งแคมป์ การเดินป่า การว่ายน้ำ และการพักผ่อนริมหาด/ชายทะเล เป็นต้น ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้ต้องปะทะกับแสงแดดโดยตรง ทำให้ชาวอเมริกันหันมาให้ความสำคัญกับกิจวัตรการดูแลผิว และการป้องกันผิวจากแสงแดดมากขึ้น

ตลาดผลิตภัณฑ์ปกป้องผิวจากแสงแดดในสหรัฐฯ

อย่างไรก็ดี แม้ว่าในช่วงหลายปีมานี้ ชาวอเมริกันส่วนมากเริ่มหันมาใช้ครีมกันแดดเพิ่มขึ้น
แต่ตามสถิติ พบว่า ยังมีชาวอเมริกันบางส่วนที่ไม่เคยใช้ครีมกันแดด แบ่งเป็น เพศหญิง ร้อยละ 25 และเพศชาย ร้อยละ 42

ความคิดเห็นของสคต.นิวยอร์ก

เนื่องจากชาวอเมริกันให้ความสำคัญกับกิจกรรมกลางแจ้งเป็นอย่างมาก ส่งผลให้ต้องพบกับภาวะแสงแดดทำร้ายผิวเป็นประจำ ชาวอเมริกันจึงหันมาซื้อผลิตภัณฑ์ดูแลตัวเองเพิ่มขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ตลาดครีมกันแดดเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และมีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าปัจจุบันจะมีหลายบริษัทที่ผลิตครีมกันแดดออกมาจำหน่ายในห้องตลาด แต่ก็ยังมีโอกาสสำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ของไทยที่ดีมีคุณภาพอยู่ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของธรรมชาติ หรือผลิตภัณฑ์ออร์แกนิก หากผู้ประกอบสนใจที่จะผลิตครีมกันแดดส่งออกมาจำหน่ายยังประเทศสหรัฐฯ จึงควรศึกษากลุ่มเป้าหมาย ส่วมผสมผลิตภัณฑ์ รวมถึงวางแผนการนำเข้าสู่ตลาดอย่างมีศักยภาพ

ที่มา: www.cognitivemarketresearch.com / www.statista.com / www.nypost.com / www.grandviewresearch.com

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครนิวยอร์ก
พฤศจิกายน 2567

thThai