เซอร์ เคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษได้พบกับนายนเรนดรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย ในการประชุมสุดยอด G20 ที่บราซิลที่ผ่านมา โดยทั้งสองประเทศมีแผนที่จะกลับมาเจรจาความตกลงทางการค้าต้นปี 2568 หลังจากที่การเจรจาต้องหยุดชะงักเนื่องจากทั้งสองประเทศยังไม่สามารถบรรลุความตกลงได้ในประเด็นภาษีวิสกี้ การลดภาษีสำหรับสิ่งทอของอินเดีย และ การผ่อนคลายกฎเกณฑ์วีซ่าและลดค่าธรรมเนียมสำหรับวีซ่านักเรียนและ วีซ่าทำงาน
กระทรวงการค้าของสหราชอาณาจักรได้แถลงว่าการเจรจาความตกลงทางการค้ากับอินเดียครั้งใหม่นี้จะมุ่งเน้นที่ประเด็นความปลอดภัย (security) การศึกษา เทคโนโลยี และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งความ ตกลงทางการค้ากับอินเดียจะปลดล็อกตลาดส่งออกขนาดใหญ่สำหรับสินค้ารถยนต์ สก็อตวิสกี้ และบริการทางการเงินที่มีมูลค่าหลายพันล้านปอนด์ โดยอินเดียมีชนชั้นกลางจำนวน 60 ล้านคน และคาดว่าจะมีชนชั้นกลางเพิ่มขึ้นเป็น 250 ล้านคน ในปี 2593 และอินเดียจะกลายเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสามของโลกภายในปี 2593 ซึ่งความตกลงทางการค้ากับอินเดียนอกจากจะเป็นโอกาสของสหราชอาณาจักรในการเข้าถึงตลาดการค้าขนาดใหญ่แล้ว ยังทำให้เกิดการลงทุนซึ่งจะทำให้เกิดการสร้างงานในทั้ง 2 ประเทศมากกว่า 600,000 ตำแหน่ง
ที่มา: BBC News และ The Guardian
ข้อมูลเพิ่มเติม/ความเห็น สคต.
นับตั้งแต่สหราชอาณาจักรได้ออกจากการเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป (EU) รัฐบาลอังกฤษได้บรรลุความ ตกลงทางการค้ากับประเทศคู่ค้าที่สำคัญ ได้แก่ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ และขณะนี้รัฐบาลอังกฤษกำลังเร่งเจรจาความตกลงทางการค้ากับสวิตเซอร์แลนด์ เกาหลีใต้ และกลุ่มประเทศความร่วมมืออ่าวอาหรับ (Gulf Cooperation Council) ในส่วนของไทยนั้น เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา นายเดวิด คาเมอรอน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และอดีตนายกรัฐมนตรี สหราชอาณาจักร เดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการเพื่อกระชับความสัมพันธ์และขับเคลื่อนความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์สหราชอาณาจักร-ไทย (Thailand-UK Strategic Partnership Roadmap) กับไทย โดยทั้งสองฝ่ายได้ลงนามแผนการว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ สหราชอาณาจักร-ไทย เพื่อกระชับความสัมพันธ์ด้านกลาโหม สภาพภูมิอากาศและพลังงาน การค้าและการลงทุน เกษตรกรรม ดิจิทัลและเทคโนโลยี สาธารณสุขและการศึกษา