เหตุการณ์ที่เครื่องบินขนส่งสินค้าตกกลางกรุง Vilnius เมืองหลวงของลิทัวเนียทำให้เกิดความกังวลว่า เหตุการณ์ดังกล่าวอาจเกิดจากการก่อวินาศกรรมโดยรัสเซีย โดยเครื่องบินโบอิ้ง 737 ของสายการบิน Swiftair ของสเปนที่ปฏิบัติหน้าที่ให้กับแผนกขนส่งสินค้าด่วนของกลุ่มบริษัท DHL Group ที่มีต้นทางจากเมือง Leipzig ฐานหลักของ DHL ในเยอรมนี และยังเป็นหนึ่งในบริษัทที่กำหนดค่าดัชนีตลาดหุ้นเยอรมนี (DAX) ประสบอุบัติเหตุตกในช่วงเช้าของวันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายน ที่ผ่านมาไกล้กับอาคารที่พักอาศัย จากข้อมูลที่มีอยู่ในปัจจุบันอุบัติเหตุครั้งนี้ได้ทำให้มีลูกเรืออย่างน้อยหนึ่งคนเสียชีวิต ซึ่งในระหว่างการประชุม G7 ที่เมือง Fiuggi ของอิตาลี นาง Annalena Baerbock รัฐมนตรีต่างประเทศของเยอรมนี สังกัดพรรคยุค 90 พันธมิตรสีเขียว (Bündnis 90/Die Grünen) ไม่ยอมปฏิเสธอย่างเป็นทางการว่า อุบัติเหตุมาจากการก่อวินาศกรรมโดยรัสเซีย นาง Baerbock เปิดเผยว่า “การที่เราต้องร่วมกับลิทัวเนียและสเปนในฐานะพันธมิตรของเราเพื่อสืบหาข้อเท็จจริงว่า เหตุการณ์ที่เครื่องบินขนส่งสินค้าตกนี่เป็นอุบัติเหตุหรือเป็นผลสืบเนื่องมาจากกการตัดสายเคเบิลใต้ทะเลในช่วงสัปดาห์ก่อนหน้า ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า ปัจจุบันเรากำลังตกอยู่ในช่วงที่มีความผันผวนสูง แม้แต่ในใจกลางยุโรปเองก็ตาม”
นาย Roderich Kiesewetter สังกัดพรรคสหภาพคริสต์เตียนเพื่อประชาธิปไตยของเยอรมนี (CDU – Christlich Demokratische Union Deutschlands) รองประธานคณะกรรมการกลุ่มผู้ดูแลด้านนโยบายข่าวกรองของรัฐสภาเยอรมัน กล่าวเพิ่มเติมว่า “แม้จะยังไม่ได้รับการชี้แจงอย่างเป็นทางการ แต่อย่างน้อยก็มีแนวโน้มว่า สถานการณ์ดังกล่าวอาจเป็นการก่อวินาศกรรมของรัสเซีย ซึ่งหมายความว่า เป็นการก่อการร้ายที่หน่วยสืบราชการลับและพันธมิตร ได้พยายามออกมาเตือนหลายต่อหลายครั้งในช่วงนี้” โดยเขาเปิดเผยต่อหนังสือพิมพ์ Handelsblatt ว่า “เรื่องนี้ต้องได้รับการชี้แจงโดยเร็วที่สุด” นาย Konstantin von Notz (Grünen) ประธานคณะกรรมการฯ เองก็ออกมาแถลงในลักษณะเดียวกันว่า “มีความจำเป็นอย่างเร่งด่วนที่จะต้องชี้แจงให้ชัดเจนถึงเบื้องหลังที่แท้จริงของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ นอกจากนี้เรายังต้องแสดงท่าทีที่ชัดเจนด้านความร่วมมือกับพันธมิตรของเราอีกด้วย” เขากล่าวกับ Handelsblatt ต่ออีกว่า “เป็นระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา เราประสบกับสถานการณ์การโจมตีอย่างรุนแรงต่อประชาธิปไตย และอำนาจอธิปไตยของเรา” ขณะนี้มีปฏิบัติการจารกรรม และการก่อวินาศกรรมเกิดขึ้นเกือบทุกวัน ตามรายงานของลิทัวเนียซึ่งเป็น 1 ในสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO – North Atlantic Treaty Organization) หน่วยงานตำรวจร่วมกับสำนักงานอัยการสูงสุดเริ่มการสอบสวนเบื้องต้นเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุดังกล่าว นอกจากนี้ยังมีการสืบสวนแบบคู่ขนานจากหน่วยงานเฉพาะของกระทรวงยุติธรรมแห่งลิทัวเนียร่วมด้วย ด้านนาง Ingrida Simonyte นายกรัฐมนตรีลิทัวเนีย กล่าวว่า “ข้าพเจ้าขอเรียกร้องให้ทุกคนมั่นใจในความสามารถของหน่วยงานสืบสวน ว่าพวกเขาจะทำการสอบสวนอย่างละเอียด และเป็นมืออาชีพภายในกรอบเวลาที่เหมาะสม การสืบสวนข้อเท็จจริงเท่านั้นที่จะเปิดเผยสาเหตุที่แท้จริงของเหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นได้ ซึ่งการคาดเดาต่าง ๆ นั้นไม่ได้ช่วยในการค้นหาความจริงเร็วขึ้นแต่อย่างใด” สำหรับบริษัท DHL ก็ออกมาแถลงการณ์ว่า ยังไม่ทราบสาเหตุของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น และในช่วงแรกรัฐบาลกลางเยอรมันเองก็ระมัดระวังในการตอบคำถามเรื่องนี้ โดยขณะนี้เยอรมนีซึ่งรวมถึงสำนักงานสืบสวนอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับอากาศยานเยอรมัน (BFU – Bundesstelle für Flugunfalluntersuchung) มีส่วนร่วมในการสืบสวนนี้ ซึ่งโฆษกกระทรวงคมนาคมของเยอรมันกล่าวเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า “ในเวลานี้เรายังไม่มีการแถลงใด ๆ เกี่ยวกับสาเหตุของอุบัติเหตุดังกล่าว” อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะมีสาเหตุใด ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุ หรือสาเหตุอื่นที่นำไปสู่การชนในครั้งนี้ ก็ยังเป็นเรื่องที่ต้องสอบสวนต่อไปอีก
ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมามีสิ่งที่เรียกว่า การโจมตีแบบผสมผสาน (Hybrid Attacks) เกิดขึ้นหลายต่อหลายครั้ง โดยเป้าหมายในสหภาพยุโรป ซึ่งรัฐบาลมอสโกถูกสงสัยว่า เป็นผู้บงการและอยู่เบื้องหลังการโจมตีเหล่านี้ ด้านนาย Bruno Kahl ผู้อำนวยการหน่วยสืบราชการลับของรัฐบาลกลางเยอรมัน (BND – Bundesnachrichtendienst) ให้ข้อคิดเห็นว่า “มีการใช้วิธีต่าง ๆ เข้าโจมตีแบบผสมผสานโดยรัสเซียอย่างทั่วถึง” ซึ่งการโจมตีแบบผสมผสานนี้ไม่ได้เน้นเฉพาะการโจมตีทางทหารแต่รวมถึงการโจมตีผ่านแฮ็กเกอร์ (Hacker Attacks) กับสถาบันของรัฐ โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญด้วย และยังครอบคลุมถึงการบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร (Disinformation Campaigns) ต่าง ๆ ด้วย โดยผู้โจมตีไม่เพียงแค่ต้องการสร้างความเสียหายทางกายภาพเท่านั้น แต่จุดมุ่งหมายหลักของพวกเขา คือ สร้างความไม่มั่นคงในสังคมให้เกิดขึ้น ทำให้เกิดผลกระทบ และสร้างอิทธิพลต่อความคิดเห็น ของประชาชนในประเทศนั้น ๆ หัวใจหลักของ “กลยุทธ์ปักหมุด (Pinprick Strategy)” ซึ่งเป็นชื่อที่ถูกเรียกกันในแวดวงหน่วยสืบราชการลับแสดงให้เห็นภาพที่ชัดเจนถึงรูปแบบการปฏิบัติงานดังกล่าว โดยกลยุทธ์นี้จะซ่อนเร้นแผนการที่ดำเนินการไว้เป็นอย่างดี แม้ว่าประเทศผู้โจมตีต้องการปลุกปั่นความไม่มั่นคงขนาดไหนก็ตามก็ต้องค่อย ๆ ทยอย “ปักหมุด” จำนวนมาก ซึ่งการกระทำนี้ทำให้ประเทศที่ได้รับผลกระทบสามารถตอบโต้ได้ยาก เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถระบุการโจมตีที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน เหตุการณ์ในปัจจุบันจากกรณีที่เครื่องบินของ DHL ตกก็น่าจะเป็นเป้าหมายของผู้โจมตีเหล่านนี้เช่นกัน ตัวอย่างเช่น ในเดือนกรกฎาคมมีการกล่าวกันว่า มีพัสดุบรรจุอุปกรณ์ก่อความไม่สงบที่ส่งจากกลุ่มประเทศบอลติก (Baltic states) เกิดการลุกไหม้ขึ้นในศูนย์โลจิสติกส์ของ DHL ในเมือง Leipzig ประเทศเยอรมนี พัสดุดังกล่าวทำให้ตู้ขนส่งสินค้าถูกไฟไหม้ทั้งตู้ แวดวงหน่วยสืบราชการลับเชื่อว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเชื่อมโยงกับกรณีต้องสงสัยเกี่ยวกับการก่อวินาศกรรมโดยประเทศรัสเซียที่ช่วงหลังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ นาย von Notz (Grünen) กล่าวถึงการไต่สวนผู้อำนวยการหน่วยสืบราชการลับของรัฐบาลกลางเยอรมันโดยกลุ่มคณะกรรมการผู้ควบคุมเรื่องดังกล่าวในรัฐสภาฯ เมื่อวันที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมา ในขณะนั้นมีการพูดคุยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสนามบินเมือง Leipzig โดยเขากล่าวว่า “ในการไต่สวนในครั้งนี้มีการกล่าวถึงความพยายามในการก่อวินาศกรรมบนพื้นที่ที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งสินค้าทางอากาศของ DHL” นาย Thomas Haldenwang ผู้อำนวยการสำนักงานเพื่อการคุ้มครองรัฐธรรมนูญ (BfV – Das Bundesamt für Verfassungsschutz, eng: The Federal Office for the Protection of the Constitution; ผู้แปล BfV คือหน่วยงานสืบราชการลับในประเทศเยอรมนี ต่างกับ BND ที่เป็นหน่วยสืบราชการลับระหว่างประเทศ) ในขณะนั้นกล่าวถึงเรื่องนี้อย่างชัดเจน “โดยเตือนถึงการโจมตีครั้งต่อไปที่ไกล้จะเกิดขึ้นอีก” ล่าสุดมีคดีต้องสงสัยเกิดขึ้นมากมาย ตัวอย่างเช่น เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เรือบรรทุกสินค้าสัญชาติจีน Yi Peng 3 ได้ทำลายสายเคเบิลใต้น้ำระหว่างเมือง Rostock ประเทศเยอรมนี และกรุง Helsinki ประเทศฟินแลนด์ โดยคาดการณ์ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวถือเป็นการก่อวินาศกรรมด้วย
จาก Handelsblatt 13 ธันวาคม 2567