อัตราการว่างงานฟิลิปปินส์เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.9

 

          สำนักงานสถิติแห่งชาติฟิลิปปินส์ (Philippine Statistics Authority: PSA) เปิดเผยข้อมูลการสำรวจภาวะการทำงานของประชากรในเดือนตุลาคม 2567 โดยเน้นการเปลี่ยนแปลงในอัตราว่างงานและอัตราการทำงานต่ำกว่าระดับความรู้ความสามารถ/วุฒิการศึกษา (Underemployment)สรุปผลสำรวจสำคัญดังนี้

อัตราว่างงาน

  • อัตราว่างงานในเดือนตุลาคม 2567 อยู่ที่ร้อยละ 3.9 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 3.7 ในเดือนกันยายน 2567 แต่ลดลงร้อยละ 4.2 เมื่อเทียบกับเดือนตุลาคม 2566
  • จำนวนผู้ว่างงานในเดือนตุลาคม 2567 อยู่ที่ 1.97 ล้านคน

อัตราการจ้างงาน

  • อัตราการจ้างงานในเดือนตุลาคม 2567 อยู่ที่ร้อยละ 96.1 ลดลงเล็กน้อยจากร้อยละ 96.3 ในเดือนกันยายน 2567

อัตราการทำงานต่ำกว่าระดับความรู้ความสามารถ/วุฒิการศึกษา (Underemployment)

  • อัตราการทำงานต่ำกว่าระดับความรู้ความสามารถ/วุฒิการศึกษาในเดือนตุลาคม 2567 เพิ่มขึ้นเป็น ร้อยละ 12.6 จากร้อยละ 11.9 ในเดือนกันยายน 2567
  • จำนวนผู้ทำงานต่ำกว่าระดับความรู้ความสามารถ/วุฒิการศึกษา อยู่ที่ 6.08 ล้านคน จากจำนวนผู้มีงานทำทั้งหมด 48.16 ล้านคน

ภาคส่วนการจ้างงาน

ภาคบริการยังคงเป็นภาคส่วนที่มีการจ้างงานมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 61.0 ของจำนวนผู้มีงานทำทั้งหมดในเดือนตุลาคม 2567

ภาคส่วนที่มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น (เมื่อเทียบปีต่อปี)

  1. กิจกรรมสนับสนุนและบริการทางธุรการ: เพิ่มขึ้น 247,000 ตำแหน่งงาน
  2. การบริการที่พักและอาหาร: เพิ่มขึ้น 215,000 ตำแหน่งงาน
  3. การขนส่งและคลังสินค้า: เพิ่มขึ้น 202,000 ตำแหน่งงาน
  4. การก่อสร้าง: เพิ่มขึ้น 121,000 ตำแหน่งงาน
  5. การทำเหมืองและเหมืองแร่: เพิ่มขึ้น 101,000 ตำแหน่งงาน

ภาคส่วนที่มีการจ้างงานลดลง (เมื่อเทียบปีต่อปี)

  1. การประมงและการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ: ลดลง 213,000 ตำแหน่งงาน
  2. การค้าส่งและค้าปลีก รวมถึงซ่อมแซมยานยนต์และรถจักรยานยนต์: ลดลง 212,000 ตำแหน่งงาน
  3. เกษตรกรรมและป่าไม้: ลดลง 183,000 ตำแหน่งงาน
  4. การผลิต: ลดลง 123,000 ตำแหน่งงาน
  5. บริการอื่นๆ: ลดลง 23,000 ตำแหน่งงาน

          แรงงานที่ได้รับค่าจ้างและเงินเดือนยังคงเป็นสัดส่วนการจ้างงานที่ใหญ่ที่สุด อยู่ที่ร้อยละ 63.8ของจำนวนผู้มีงานทำทั้งหมดในเดือนตุลาคม 2567 และมีผู้ประกอบอาชีพอิสระมีอัตราการจ้างร้อยละ 27.7 ในขณะที่ผู้ประกอบอาชีพในครอบครัวที่มีอัตราการจ้างร้อยละ 5.9

          แรงงานที่ได้รับค่าจ้างและเงินเดือน ร้อยละ 78.2 สังกัดในสถานประกอบการของเอกชนตามมาด้วยผู้ที่ทำงานในภาครัฐหรือรัฐวิสาหกิจ ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 14.6 โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติฟิลิปปินส์ยึดตามมาตรฐานการจ้างงานขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (International Labor Organization) ที่ระบุว่าบุคคลใดก็ตามที่ทำงานอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมงต่อสัปดาห์ถือเป็นผู้เข้าเกณฑ์

          สำนักงานเศรษฐกิจและการพัฒนาแห่งชาติฟิลิปปินส์ (NEDA) ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อสถานการณ์การจ้างงาน โดยระบุว่าการลดอัตราว่างงานแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้า แต่ยังจำเป็นต้องมุ่งเน้นการสร้างงานที่มีคุณภาพเพื่อตอบสนองเป้าหมายตามแผนพัฒนา (Philippine Development Plan: PDP) ภายในปี 2571

          นาย Arsenio Balisacan เลขาธิการ NEDA กล่าวเสริมว่าผลการสำรวจสะท้อนถึงความพยายามในการลดอัตราว่างงานและการจ้างงานต่ำกว่าระดับความรู้ความสามารถ/วุฒิการศึกษา พร้อมทั้งสนับสนุนการลงทุนเพื่อกระตุ้นการสร้างงานที่มั่นคงและมีคุณภาพมากขึ้น

ที่มา: หนังสือพิมพ์ Philstar

บทวิเคราะห์และข้อคิดเห็น

อัตราการว่างงานของฟิลิปปินส์เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.9 ในเดือนตุลาคม 2567 ซึ่งต่ำกว่าอัตราการว่างงานในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่ ร้อยละ 4.2 ซึ่ง สำนักงาน NEDA ยังมีมุมมองเชิงบวกต่อสถานการณ์การจ้างงาน โดย นาย Claire Dennis S. Mapa นักสถิติแห่งชาติ ให้ข้อมูลว่าเนื่องด้วยพายุไต้ฝุ่นขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นทำให้มีผลต่ออัตราการว่างงานฟิลิปปินส์โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคเกษตรกรรม ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นสถานการณ์ชั่วคราวเท่านั้น อย่างไรก็ตาม นาย Leonardo Lanzona นักเศรษฐศาสตร์แรงงานได้ให้ความเห็นว่าสถานการณ์ดังกล่าวนั้นแสดงให้เห็นถึงความไม่มั่นคงและเปราะบางในตลาดแรงงานซึ่งจะต้องเชื่อมโยงกับภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ไม่สามารถควบคุมได้ ทั้งนี้ สถานการณ์ตลาดแรงงาน รวมถึงภาวะเงินเฟ้อของฟิลิปปินส์เป็นเรื่องที่ผู้ประกอบการไทยควรติดตามอย่างใกล้ชิด เนื่องจากอาจเป็นปัจจัยที่สำคัญที่ส่งผลต่อความต้องการและกำลังซื้อของผู้บริโภคชาวฟิลิปปินส์ และจะส่งผลต่อเนื่องต่อความต้องการนำเข้าสินค้าต่างๆทั้งนี้ ในปี 2567 (เดือนมกราคม – ตุลาคม) การส่งออกสินค้าไทยมายังตลาดฟิลิปปินส์ มีมูลค่า 6,472.22ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 2.86 จากช่วงเดียวกันของปี 2566 ที่มีมูลค่าส่งออก 6,662.71 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

thThai