GoM : Group of Ministers หรือคณะทำงานเฉพาะกิจที่รับผิดชอบด้านอัตราภาษีได้เตรียมเสนอให้มีการปรับขึ้นอัตราภาษีสินค้าและบริการ (GST :Goods and Services Tax ) สำหรับสินค้าประเภทที่มีความอ่อนไหวด้านจริยธรรมและสินค้าฟุ่มเฟือย เช่น เครื่องดื่มที่มีแก๊ส, บุหรี่ และยาสูบ จาก 28% เป็น 35% การปรับอัตราภาษีนี้มีเป้าหมายเพื่อชดเชยการลดอัตราภาษีสำหรับสินค้าที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน ซึ่งมีการปรับลดอัตราภาษีในช่วงที่ผ่านมา เช่น น้ำดื่มบรรจุขวดขนาดใหญ่, จักรยานราคาประหยัด และสมุดจดบันทึก ซึ่งเป็นสินค้าที่อยู่ในกลุ่มที่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิตของประชาชน นอกจากนี้ยังมีการเสนอการปรับอัตราภาษีสำหรับสินค้ามากกว่า 148 รายการ GoM ยังได้เสนอการปรับโครงสร้างภาษีสำหรับสินค้าอื่น ๆ โดยเฉพาะเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่ได้แบ่งอัตราภาษีตามช่วงราคา เช่น เสื้อผ้าราคาต่ำกว่า 1,500 รูปี จะเสียภาษี 5%, เสื้อผ้าราคา 1,500–10,000 รูปี จะเสียภาษี 18%, และเสื้อผ้าราคามากกว่า 10,000 รูปี จะเสียภาษี 28% เป็นต้น ซึ่งเป็นการปรับเพื่อให้สอดคล้องกับความสามารถในการจ่ายของผู้บริโภค ในส่วนของสินค้าฟุ่มเฟือย เช่น เครื่องสำอาง, นาฬิกา และรองเท้าราคาแพง อาจจะมีการปรับเพิ่มอัตราภาษีสูงสุดที่ 28% โดยเป้าหมายคือการสะท้อนถึงความสามารถในการจ่ายของผู้บริโภคและส่งเสริมให้เกิดความสมดุลในระบบภาษี
ที่ประชุมได้ให้ความเห็นว่า การปรับขึ้นภาษีนี้ไม่ได้เพียงแค่เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับรัฐบาลกลางและรัฐเท่านั้น แต่ยังมีจุดมุ่งหมายเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งในด้านการคลังของประเทศในระยะยาว โดยการนำเงินที่ได้จากภาษีในกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยมาชดเชยการลดอัตราภาษีในสินค้าจำเป็น นอกจากนี้ GoM ยังเสนอให้ยกเว้นภาษี GST สำหรับเบี้ยประกันสุขภาพที่จ่ายโดยผู้สูงอายุ และเบี้ยประกันชีวิตระยะยาวสำหรับประชาชนทั่วไป พร้อมกับการปรับลดอัตราภาษีในสินค้าราคาประหยัดเช่น น้ำดื่มบรรจุขวดขนาดใหญ่ และจักรยาน ทั้งนี้ คณะกรรมการนโยบายภาษี (GST Council) จะมีการประชุมเพื่อพิจารณาข้อเสนอทั้งหมดในวันที่ 21 ธันวาคม 2024 ที่เมืองจัยซัลเมอร์ ซึ่งจะรวมถึงแผนการขยายระยะเวลาในการเก็บภาษีสินค้าฟุ่มเฟือย ซึ่งเคยถูกขยายออกไปจนถึงมีนาคม 2026 เพื่อนำเงินไปชำระหนี้ดอกเบี้ยและเงินต้นจากการกู้ยืมจำนวน 2.69 ล้านล้านรูปีที่ถูกกู้ในปี 2021-2022 เพื่อชดเชยการขาดรายได้ของรัฐในช่วงโควิด
อินเดียกำหนดอัตราภาษี GST หลายระดับ (0%, 5%, 12%, 18%, และ 28%) ขึ้นอยู่กับประเภทของสินค้า อาทิ สินค้าและบริการที่ไม่ต้องเสียภาษี เช่น ข้าวสารและข้าวสาลี ที่ไม่ได้บรรจุถุง ผักสด นม / อัตราภาษี 5% สำหรับสินค้าจำเป็นในชีวิตประจำวัน เช่น อาหารแปรรูปบางประเภท เช่น น้ำตาล ชา กาแฟ เสื้อผ้าราคาไม่เกิน 1,000 รูปี/ อัตราภาษี 12% สำหรับสินค้าที่ไม่ได้ถือว่าจำเป็น แต่ยังไม่ใช่สินค้าฟุ่มเฟือย เช่น นมข้นหวาน เฟอร์นิเจอร์/ อัตราภาษี 18% สำหรับสินค้าและบริการที่ใช้ทั่วไป เช่น น้ำหอม ผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์ การรับประทานอาหารในร้านอาหารระดับกลาง / อัตราภาษี 28% สำหรับสินค้าฟุ่มเฟือยและสินค้าที่ไม่จำเป็น เช่น รถยนต์ เครื่องปรับอากาศ บุหรี่และแอลกอฮอล์ เป็นต้น
การปรับเพิ่มอัตราภาษีในสินค้าฟุ่มเฟือยเหล่านี้คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมเศรษฐกิจโดยรวมของอินเดียในระดับจำกัด เนื่องจากเป็นการปรับภาษีเฉพาะกลุ่มสินค้า และยังมีการปรับลดภาษีในสินค้าที่จำเป็นเพื่อลดภาระประชาชน ขณะเดียวกัน การเพิ่มอัตราภาษีในกลุ่มสินค้าที่มีความอ่อนไหวด้านจริยธรรมจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งทางการคลังของประเทศอินเดียจากการเก็บภาษีที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งนี้ ผู้ส่งออกไทยควรศึกษาว่าสินค้าที่ต้องการส่งออกอยู่ในกลุ่มใด เพื่อคำนวณต้นทุนและกำหนดกลยุทธ์ทางการตลาดได้อย่างถูกต้อง