รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจการค้าของประเทศชิลี ฉบับที่ 12 ประจำปี 2567

ภาพรวมเศรษฐกิจ 

เศรษฐกิจของประเทศชิลีประจำเดือนตุลาคม 2567 ในภาพรวม GDP ขยายตัวเพิ่มขึ้นที่ 2.3% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยภาคค้าขยายตัวสูงที่สุดที่ 6.2% การบริโภคภาคเอกชนโดยรวมปรับตัวดีขึ้นที่ 3.8% การลงทุนในภาพรวมปรับตัวดีขึ้นเช่นกันจากการลงทุนของภาครัฐและภาคอุตสาหกรรม อัตราว่างงานลดลงเล็กน้อยที่ 8.6% ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อภายในประเทศได้ปรับเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดของปีอีกครั้งที่ 4.7% การนำเข้าโดยรวมของชิลีลดลง -3.3% อย่างไรก็ดี ชิลีได้นำเข้าสินค้าจากไทยเพิ่มขึ้นจึงทำให้ตัวเลขการนำเข้าสินค้าจากไทยกลับมาอยู่ในแดนบวกเป็นครั้งแรกของปีนี้ที่ 0.98% ส่วนภาคการส่งออกของชิลีโดยรวมเพิ่มขึ้น 4.9% โดยระหว่างเดือนมกราคม – ตุลาคม 2567 ชิลีส่งออกสินแร่และทองแดงซึ่งเป็นสินค้าส่งออกหลักคิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 47,888 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 11.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า

ในส่วนของรายละเอียดในแต่ละด้านประจำเดือนตุลาคม 2567 สคต. ณ กรุงซันติอาโก ขอสรุปรายละเอียด ดังนี้

1. การบริโภคภาคเอกชน (ข้อมูลจากธนาคารกลางชิลี )

การบริโภคภาคเอกชนของชิลีประจำเดือนตุลาคม 2567  ในภาพรวมขยายตัวขึ้น 3.8% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ดัชนีกิจกรรมเชิงพาณิชย์ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงที่สุดในรอบ 18 เดือน โดยในหมวดสินค้าคงทน กลุ่มรถยนต์ใหม่ เพิ่มขึ้นถึง 7.4% กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าและสินค้าเทคโนโลยี เพิ่มขึ้น 6.3% หมวดสินค้าอุปโภค หมวดยารักษาโรค หมวดเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย และ หมวดอาหารเพิ่มขึ้น 8.0%, 4.8%, 4.5% และ 4.0% ตามลำดับ ทั้งนี้ หมวดสินค้าที่มีแนวโน้มหดตัวลงอย่างต่อเนื่องได้แก่ หมวดน้ำมันเชื้อเพลิง โดยหดตัวสะสม  8 เดือนที่ -4.8% สคตฯ คาดว่าน่าจะเกิดจากการที่ชาวชิลีหันไปใช้รถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้นโดยยอดจำหน่ายรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงระหว่างเดือน ม.ค.-ต.ค. 2567 ลดลง -20.6% ในขณะที่รถยนต์ไฟฟ้า เพิ่มขึ้นถึง 98.2%

สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือนตุลาคม 2567  ปรับระดับเพิ่มขึ้น 2.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า จากที่ระดับ 42.5 มาอยู่ที่ 43.4

2.การลงทุน (ข้อมูลจากธนาคารกลางชิลี https://www.bcentral.cl/)

    บรรยากาศการลงทุนในภาครัฐและเอกชนของชิลีประจำเดือนตุลาคม 2567 ในภาพรวมปรับตัวดีขึ้น สะท้อนจากตัวเลขการขออนุญาตก่อสร้าง (คิดเป็นตารางเมตร) เพิ่มขึ้น จาก 0.75 ล้านตารางเมตร มาอยู่ที่ 0.79 ล้านตารางเมตร เพิ่มขึ้น 5.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากการก่อสร้างของภาครัฐและภาคอุสาหกรรม ส่งผลให้ปริมาณการนำเข้าเครื่องจักรและอุปกรณ์สำหรับใช้ในการก่อสร้างในเดือนตุลาคมนี้ ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 46.4% รวมมูลค่า 45 ล้านเหรียญสหรัฐ

สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจโดยรวมประจำเดือนตุลาคม 2567 ปรับระดับเพิ่มขึ้นจากระดับ 43.9 มาอยู่ที่ 46.3 เพิ่มขึ้น 5.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยภาคธุรกิจที่มีดัชนีความเชื่อมั่นสูงที่สุด 3 อันดับแรกได้แก่ (1) ภาคธุรกิจเหมืองแร่ (2) ภาคการค้า (3) ภาคการผลิต โดยอยู่ที่ 59.9, 48.5 และ 46.0 ตามลำดับ

3. เสถียรภาพทางเศรษฐกิจ (ข้อมูลจากธนาคารกลางชิลี https://si3.bcentral.cl และสำนักงานสถิติแห่งชาติของชิลี https://www.ine.gob.cl)

อัตราการว่างงานของประเทศชิลีในเดือนตุลาคม 2567 ปรับลดลงมาอยู่ที่ 8.6% ของจำนวนผู้ใช้แรงงานทั้งหมดในประเทศ หากพิจารณาแยกตามเขตการปกครอง แคว้นที่มีอัตราการว่างงานสูงที่สุดคือ แคว้นอาเราคาเนีย ที่ 10.4% และแคว้นที่มีอัตราการว่างงานต่ำที่สุดคือ แคว้นไอเซน ที่ 4.6%

อัตราเงินเฟ้อของประเทศชิลีในเดือนตุลาคม 2567 ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 4.7% โดยสินค้า 3 หมวดแรก ที่ปรับเพิ่มขึ้นสูงที่สุดในรอบ 3 เดือนนี้ ได้แก่ (1) หมวดที่อยู่อาศัยและสาธารณูปโภค (2) หมวดร้านอาหารและโรงแรม และ (3) หมวดการศึกษา โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นที่ 10.0%, 6.8% และ 5.8% ตามลำดับ

4. การส่งออก-นำเข้า (ข้อมูลจากกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศของชิลี SUBREI – www.subrei.gob.cl)

การส่งออกสินค้าของชิลีระหว่างเดือนมกราคม-ตุลาคม 2567  มีมูลค่ารวมที่ 82,742 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 4.9% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยสินค้าส่งออกหลัก ได้แก่

การนำเข้าของชิลีระหว่างเดือนมกราคม-ตุลาคม 2567 มีมูลค่ารวมที่ 64,512 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง -3.3% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยสินค้านำเข้าหลัก ได้แก่

จากตัวเลขการส่งออกของชิลีที่สูงกว่าตัวเลขการนำเข้า  ทำให้ชิลีได้ดุลการค้า จำนวน 18,230 ล้านเหรียญสหรัฐ

5. การค้าของชิลีกับไทย และกลุ่มประเทศอาเซียน (ข้อมูลสถิติทางการค้าจาก Global Trade Atlas)

ชิลีนำเข้าสินค้าจากประเทศไทยระหว่างเดือนมกราคม  ถึงเดือนตุลาคม 2567 มูลค่ารวม 487.97 ล้านเหรียญสหรัฐ  (เพิ่มขึ้น 0.98% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า)  ซึ่งสินค้าที่นำเข้าจากไทยมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่

• รถยนต์และส่วนประกอบ (29 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 7.19%)
• เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ (95.29 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 2.84%)
• ปลากระป๋อง (53.50 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 14.23%)
• เครื่องจักรไฟฟ้าและอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า (38 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 23.14%)
• ไข่มุกและอัญมณี (25.15 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 3.93%)

สำหรับตัวเลขการนำเข้าของชิลีจากกลุ่มประเทศอาเซียนใน 5 อันดับแรก ได้แก่

• ชิลีนำเข้าจากเวียดนาม 991.34 ล้านเหรียญสหรัฐ (เพิ่มขึ้น 2.56%)
• ชิลีนำเข้าจากไทย 487.97 ล้านเหรียญสหรัฐ (เพิ่มขึ้น 0.98%)
• ชิลีนำเข้าจากอินโดนีเซีย 312.10 ล้านเหรียญสหรัฐ (เพิ่มขึ้น 21.52%)
• ชิลีนำเข้าจากมาเลเซีย 163.15 ล้านเหรียญสหรัฐ (เพิ่มขึ้น 13.39%)
• ชิลีนำเข้าจากสิงคโปร์ 86.76 ล้านเหรียญสหรัฐ (เพิ่มขึ้น 34.36%)

ชิลีส่งออกสินค้าไปยังประเทศไทยระหว่างเดือนมกราคม ถึงเดือนตุลาคม 2567 มูลค่ารวม 556.87 ล้านเหรียญสหรัฐ (เพิ่มขึ้น 2.62% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า) ซึ่งสินค้าที่ส่งออกไปยังไทยมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่

• ทองแดง (51 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง -1.12%)
• เยื่อกระดาษ (89 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 43.01%)
• แซลมอนและอาหารทะเล (03 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง -11.29%)
• สินแร่อื่น ๆ (43.41 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 12.21%)
• ผลไม้และผลิตภัณฑ์ธัญพืช (10.88 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง -252%)

สำหรับตัวเลขการส่งออกของชิลีไปยังกลุ่มประเทศอาเซียนใน 5 อันดับแรก ได้แก่- –

• ชิลีส่งออกไปยังไทย 556.87 ล้านเหรียญสหรัฐ (เพิ่มขึ้น 2.26%)
• ชิลีส่งออกไปยังเวียดนาม 242.38 ล้านเหรียญสหรัฐ (ลดลง -12.84%)
• ชิลีส่งออกไปยังฟิลิปินส์ 230.57 ล้านเหรียญสหรัฐ (เพิ่มขึ้น 353.89%)
• ชิลีส่งออกไปยังมาเลเซีย 171.48 ล้านเหรียญสหรัฐ (ลดลง -34.52%)
• ชิลีส่งออกไปยังสิงคโปร์ 96.68 ล้านเหรียญสหรัฐ (เพิ่มขึ้น 67.61%)

มูลค่าการค้ารวมระหว่างไทย-ชิลี ระหว่างเดือนมกราคม – เดือนตุลาคม 2567 อยู่ที่ 1,044.84 ล้านเหรียญสหรัฐ (เพิ่มขึ้น 1.85%)  โดยชิลีส่งออกสินค้าไปยังไทยมากกว่านำเข้าจากไทย ทำให้ไทยเป็นฝ่ายขาดดุลการค้าที่ 68.90 ล้านเหรียญสหรัฐ

______________

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงซันติอาโก

ธันวาคม 2567