เจพี มอร์แกน สถาบันการเงินชั้นนำระดับโลก เผยรายงานวิเคราะห์แนวโน้มการลงทุนและธุรกิจที่ น่าจับตามองในปี 2568 ชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของภูมิทัศน์การลงทุนทั่วโลก โดยระบุ 5 เทรนด์หลักที่จะสร้างโอกาสทางธุรกิจและการลงทุนในอนาคตอันใกล้
เทรนด์แรก “กองทุนเอเวอร์กรีน” (Evergreen Funds) กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยในปี 2567 การลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือกผ่านโครงสร้างกองทุนเอเวอร์กรีนเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 50 เทียบกับร้อยละ 33 ในปีก่อนหน้า กองทุนประเภทนี้ไม่มีวันครบกำหนดแน่นอน ทำให้มีความยืดหยุ่นสูงและเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการความคล่องตัวในการบริหารพอร์ตการลงทุน นอกจากนี้ ยังมีข้อดีในแง่ของการเข้าถึงกลยุทธ์การลงทุนแบบเอกชนด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำที่น้อยกว่า
เทรนด์ที่สอง “การลงทุนในธุรกิจกีฬาและสตรีมมิ่ง” กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มูลค่าการควบรวมกิจการและการลงทุนในภาคกีฬาเพิ่มขึ้นถึง 8 เท่า ในขณะที่การควบรวมกิจการในตลาดทั่วไปลดลงร้อยละ 40 สาเหตุสำคัญมาจากการที่กีฬายังคงเป็นหนึ่งในคอนเทนต์ที่สามารถดึงดูดผู้ชมได้อย่างมั่นคง อีกทั้งการเข้าสู่ตลาดของผู้เล่นรายใหม่ยังทำได้ยาก ทำให้ธุรกิจนี้มีศักยภาพการเติบโตสูง
เทรนด์ที่สาม “เศรษฐกิจอวกาศ” กำลังก้าวเข้าสู่ยุคทองอย่างแท้จริง การพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศได้ช่วยลดต้นทุนการส่งดาวเทียมลงถึง 10 เท่าในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา มีการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจอวกาศจะเติบโตเร็วกว่า GDP โลกถึง 2 เท่าในทศวรรษหน้า และอาจมีมูลค่าถึง 2 ล้านล้านเหรียญภายในปี 2578 โดยการท่องเที่ยวอวกาศสร้างรายได้ถึง 5 พันล้านเหรียญต่อปีในอีก 10 ปีข้างหน้า
เทรนด์ที่สี่ “การบริหารหนี้สิน” กำลังเข้าสู่จุดเปลี่ยนสำคัญ เนื่องจากตลาดเริ่มคาดการณ์ถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคต ทำให้ผู้กู้มีโอกาสล็อกอัตราดอกเบี้ยในระดับที่ต่ำลง โดยในเดือนกันยายนที่ผ่านมา อัตราดอกเบี้ย SOFR[1] สามารถล็อกได้ที่ร้อยละ 2.90-3.25 สำหรับระยะเวลา 2-5 ปี สะท้อนให้เห็นถึงโอกาสในการบริหารต้นทุนทางการเงินที่น่าสนใจ
เทรนด์สุดท้าย “การปฏิรูปเมือง” กำลังเกิดขึ้นทั่วโลกในยุคหลังโควิด-19 โดยเฉพาะการย้ายถิ่นฐานของคนรุ่นมิลเลนเนียลสู่พื้นที่ชานเมืองที่มีค่าครองชีพต่ำกว่า ส่งผลให้การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในหลายเมืองใหญ่เริ่มเน้นการสร้างที่อยู่อาศัยแบบโลว์ไรส์ การพัฒนาอาคารสำนักงานในย่านชานเมืองชั้นดี และการปรับปรุงพื้นที่ค้าปลีกให้เป็นอาคารอเนกประสงค์ ทั้งนี้ อัตราการเติบโตของค่าเช่าในพื้นที่ชานเมืองของหลายเมืองทั่วโลกสูงกว่าย่านธุรกิจกลางเมืองถึง 2.5-9 เท่าในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
รายงานฉบับนี้ชี้ให้เห็นว่า การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี พฤติกรรมผู้บริโภค และปัจจัยทางเศรษฐกิจกำลังสร้างโอกาสใหม่ ๆ ในตลาด ผู้ที่สามารถปรับตัวและเข้าใจแนวโน้มเหล่านี้จะมีความได้เปรียบในการแข่งขันและสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว อย่างไรก็ตาม การลงทุนในแต่ละเทรนด์ยังคงต้องพิจารณาปัจจัยเสี่ยงและความเหมาะสมกับเป้าหมายทางการเงินของแต่ละบุคคลอย่างรอบคอบ
ข้อเสนอแนะ สคต. ณ นครเฉิงตู
จากรายงานของเจพี มอร์แกนสามารถวิเคราะห์โอกาสทางธุรกิจที่น่าสนใจสำหรับผู้ประกอบการไทย โดยแบ่งตามแนวโน้มหลักได้ดังนี้
ในด้านกองทุนเอเวอร์กรีน แม้ผู้ประกอบการรายย่อยอาจไม่สามารถจัดตั้งกองทุนเองได้ แต่สามารถพัฒนาธุรกิจให้น่าสนใจสำหรับนักลงทุนกลุ่มนี้ได้ โดยเฉพาะธุรกิจที่มีรายได้ประจำ (Recurring Income) เช่น ธุรกิจให้เช่าทรัพย์สิน แฟรนไชส์ หรือธุรกิจบริการแบบสมาชิก ซึ่งตรงกับความต้องการของกองทุนที่มองหาผลตอบแทนสม่ำเสมอในระยะยาว
สำหรับเทรนด์กีฬาและสตรีมมิ่ง ผู้ประกอบการไทยมีโอกาสในการพัฒนาคอนเทนต์ท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องกับกีฬา เช่น การผลิตรายการวิเคราะห์กีฬา พอดแคสต์ หรือการพัฒนาแพลตฟอร์มสำหรับจัดการแข่งขันกีฬาระดับท้องถิ่น นอกจากนี้ ธุรกิจสนับสนุน (Supporting Business) เช่น อุปกรณ์กีฬา อาหารเสริมนักกีฬา หรือบริการฝึกสอนกีฬาออนไลน์ ก็มีแนวโน้มเติบโตตามไปด้วย
ในส่วนของเศรษฐกิจอวกาศ แม้จะดูเป็นเรื่องไกลตัว แต่ผู้ประกอบการไทยสามารถมองหาโอกาสในธุรกิจที่ใช้ประโยชน์จากข้อมูลดาวเทียม เช่น การพัฒนาแอปพลิเคชันสำหรับเกษตรกรที่ใช้ภาพถ่ายดาวเทียมในการวางแผนเพาะปลูก หรือบริการวิเคราะห์ข้อมูลการจราจรและที่จอดรถในเมืองใหญ่
สำหรับแนวโน้มการบริหารหนี้สิน ผู้ประกอบการควรเร่งปรับโครงสร้างหนี้และพิจารณาการลงทุนขยายกิจการในช่วงที่ดอกเบี้ยมีแนวโน้มลดลง โดยอาจพัฒนาโมเดลธุรกิจที่เน้นการใช้สินทรัพย์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น การแปลงสินทรัพย์ที่มีอยู่ให้เป็นแหล่งรายได้เพิ่มเติม
ส่วนเทรนด์การปฏิรูปเมือง เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการพัฒนาธุรกิจที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตในย่าน ชานเมือง เช่น ศูนย์การค้าชุมชน บริการส่งอาหารและสินค้า หรือพื้นที่ทำงานร่วม (Co-working Space) ในย่านที่อยู่อาศัย รวมถึงธุรกิจบริการที่อำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่ทำงานจากที่บ้าน
————————————————–
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครเฉิงตู
มกราคม 2568
แหล่งข้อมูล :
https://www.baogaozhiku.com/14163.html
https://mp.weixin.qq.com/s/uRsWH5UA-rz8RHGxjnp98w
[1] SOFR (Secured Overnight Financing Rate) คือ อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงที่สำคัญในตลาดการเงินของสหรัฐฯ ซึ่งถูกพัฒนา ขึ้นมาเพื่อทดแทนอัตราดอกเบี้ย LIBOR (London Interbank Offered Rate) ที่เคยใช้กันมาก่อน ในบริบทของข่าวการล็อกอัตรา SOFR ที่ร้อยละ 2.90-3.25 หมายความว่าผู้กู้สามารถทำสัญญาเพื่อกำหนดอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับนี้เป็นระยะเวลา 2-5 ปี แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยในตลาดจะเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งเป็นการบริหารความเสี่ยงจากความผันผวนของ ตราดอกเบี้ยในอนาคต