ล่าสุดเวียดนามเป็นประเทศที่มียอดเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ สูงเป็นอันดับ 4 รองจากประเทศจีน สหภาพยุโรปและเม็กซิโก โดยล่าสุดสำนักข่าวรอยเตอร์ได้รายงานข้อมูลจากการเปิดเผยและการยืนยันของสำนักงานสถิติของสหรัฐฯ ว่าในช่วงระยะเวลา 11 เดือนแรกของปี 2567 ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงพฤศจิกายน ยอดขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ กับเวียดนามพุ่งสูงเกิน 1.116 แสนล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ 18 เมื่อเทียบกับช่วงระยะเวลาเดียวกันของปี 2566 ท่ามกลางการอ่อนค่าของสกุลเงินดองของเวียดนามนับตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมาจนถึงระดับต่ำสุดเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ
สหรัฐฯ เป็นตลาดส่งออกหลักและใหญ่สุดของเวียดนาม อีกทั้งเวียดนามเป็นฐานการผลิตในภูมิภาคเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ที่สำคัญของบรรษัทข้ามชาติรายสำคัญๆ ของสหรัฐฯ อาทิ บริษัท Apple Google Nike และ Intel เป็นต้น การเกิดช่องว่างทางการค้าที่ทำให้เวียดนามมียอดเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ จำนวนมหาศาลทำให้บรรดานักวิเคราะห์ทั้งหลายต่างเห็นพ้องว่าจะนำพาเวียดนามไปสู่สภาวะความเสี่ยงต่อมาตรการทางเศรษฐกิจของรัฐบาลทรัมป์ 2.0 ที่จะถูกเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าเพิ่มขึ้นจากคำขู่ของว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์ที่เคยประกาศว่า สหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าสินค้าทุกชนิดในอัตราร้อยละ 20
สหรัฐฯเป็นตลาดส่งออกหลักและใหญ่สุดของเวียดนาม อีกทั้งเวียดนามเป็นฐานการผลิตในภูมิภาคเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ที่สำคัญของบรรษัทข้ามชาติรายสำคัญๆ ของสหรัฐฯ อาทิ บริษัท Apple Google Nike และ Intel เป็นต้นการเกิดช่องว่างทางการค้าที่ทำให้เวียดนามมียอดเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯจำนวนมหาศาลทำให้บรรดานักวิเคราะห์ทั้งหลายต่างเห็นพ้องว่าจะนำพาเวียดนามไปสู่สภาวะความเสี่ยงต่อมาตรการทางเศรษฐกิจของรัฐบาลทรัมป์ 2.0 ที่จะถูกเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าเพิ่มขึ้นจากคำขู่ของว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์ที่เคยประกาศว่าสหรัฐฯจะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าสินค้าทุกชนิดในอัตราร้อยละ 20
เวียดนามมียอดเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ ในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2567 ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนพฤศจิกายนตามตัวเลขที่มีการปรับตามฤดูกาลล่าสุด เป็นจำนวน 1.116 แสนล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น 9.48 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อเทียบกับช่วงระยะเวลาเดียวกันของปี 2566 ในขณะที่ตัวเลขที่ยังไม่ได้มีการปรับตามฤดูกาลยอดเกินดุลการค้าของเวียดนามมีมูลค่า 1.131 แสนล้านเหรียญสหรัฐ โดยเฉพาะในเดือนพฤศจิกายน ยอดเกินดุลการค้าขยายตัว 1.13 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจากการอ่อนค่าของเงินดองหนุนภาคส่งออกของเวียดนามเร่งการขยายตัว
ส่วนประเด็นที่เวียดนามอาจมีแนวโน้มถูกสหรัฐฯ พิจารณาเข้าไปอยู่ในกลุ่มประเทศที่ถูกเฝ้าจับตามองเรื่องการอ่อนค่าของสกุลเงินดอง นาย Leif Schneider หัวหน้าใหญ่ของบริษัท Luther บริษัทกฎหมายระหว่างประเทศในเวียดนาม ได้แสดงความคิดเห็นว่า ในกรณีที่สหรัฐฯ มองเห็นว่า เวียดนามมีการจงใจต่อการทำให้สกุลเงินดองอ่อนค่าลงเพื่อการสร้างความได้เปรียบทางการค้าอย่างไม่เป็นธรรม อาจจะทำให้สหรัฐฯ มุ่งเป้าไปสู่การกล่าวหาเวียดนามต่อประเด็นการบิดเบือนค่าเงิน ซึ่งในยุคทรัมป์ 1.0 เมื่อสิ้นสุดการดำรงตำแหน่งของประธานาธิบดีทรัมป์ เวียดนามและสวิสเซอร์แลนด์ ถูกจัดเข้าไปอยู่ในคำประกาศของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ในฐานะประเทศที่มีการบิดเบือนค่าเงิน
อย่างไรก็ดีในส่วนของธนาคารกลางเวียดนาม ได้แจ้งว่า หากเกิดกรณีที่มีผลร้ายต่อเศรษฐกิจเวียดนามอันเกิดจากความเคลื่อนไหวของค่าเงินทางธนาคารกลางเวียดนามพร้อมเข้าแทรกแซงตลาดอัตราแลกเปลี่ยนเงินระหว่างประเทศ ซึ่งที่ผ่านมา ธนาคารกลางเวียดนามเคยขายเงินสกุลดอลลาร์เพื่อหนุนค่าเงินดองให้แข็งขึ้นก่อนหน้านี้ที่จะมีการเปิดเผยตัวเลขยอดขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ ทางธนาคารกลางเวียดนามได้แจ้งว่า ได้มีการเฝ้าติดตามนโยบายของว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์อย่างใกล้ชิด และจะดำเนินการปรับนโยบายให้เป็นไปตามนโยบายของสหรัฐฯ อย่างเหมาะสม และได้ชี้แจว่า ค่าสกุลเงินดองล่าสุด เมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับสกุลเงินอื่น
เวียดนาม มีแนวโน้มถูกพิจารณาอยู่ในกลุ่มประเทศที่สหรัฐฯ เฝ้าจับตามองต่อประเด็นการบิดเบือนค่าเงิน รวมทั้งการได้เปรียบทางการค้าที่มีการค้าเกินดุลสูงเป็นอันดับ 4 จึงอาจจะโดนผลกระทบจากมาตรการการถูกเก็บภาษีนำเข้าในอัตราเพิ่มขึ้นภายใต้รัฐบาลทรัมป์ 2.0
สหรัฐฯ-ขาดดุลการค้าเวียดนามพุ่งสูงเกิน-1.116-แสนล้านเหรียญสหรัฐ กลุ่มประเทศส่งออกสินค้าไปยังตลาดสหรัฐฯ รวมทั้งไทย คาดว่าจะได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมไม่มากก็น้อยกับรัฐบาลทรัมป์ 2.0 ซึ่งต่างมีการเตรียมการปรับแผนนโยบายที่เหมาะสม รวมทั้งการเจรทางการค้ากับสหรัฐเพื่อความร่วมมือและพัฒนาเศรษฐกิจไปด้วยกัน