ภาวะการค้าระหว่างประเทศของอินเดีย ประจำเดือนธันวาคม 2567*

การส่งออกของอินเดียโดยรวม (สินค้าและบริการรวมกัน) สำหรับเดือนธันวาคม 2567 มีมูลค่า 70.67 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 0.92  เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของ        ปีก่อนหน้า ส่วนการนำเข้า (สินค้าและบริการรวมกัน) สำหรับเดือนธันวาคม 2567 มีมูลค่า 77.44 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว ร้อยละ 6.40 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า

การส่งออกรวมภาคสินค้าและบริการของอินเดียสะสมระหว่างเดือนเมษายน – ธันวาคม 2567 มีมูลค่า 602.64 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 6.03 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ส่วนการนำเข้าสะสมระหว่างเมษายน – ธันวาคม 2567 มีมูลค่า 682.15 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 6.91 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า

1. การค้าสินค้า

การส่งออก เดือนธันวาคม 2567 มีมูลค่า 38.01 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ น้อยกว่าช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อนที่ระดับ 38.39 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หากหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมันและ อัญมณีและเครื่องประดับมีมูลค่า 30.96 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ มากกว่าช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อนที่ระดับ 28.60 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ สินค้าส่งออกที่ขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า ได้แก่ ธัญพืช(67.89%) ,  ข้าว(64.03%) ,วัสดุปูพื้น (51.63%) , เม็ดมะม่วงหิมพานต์ (45.7%) , กาแฟ (36.88%) , สินค้า Electronic (35.11%)  ตามลำดับ

ประเทศที่อินเดียมีมูลค่าการส่งออกสินค้าเพิ่มขึ้นในเดือนธันวาคม 2567 เทียบกับปีที่ผ่านมามากที่สุด 5 ลำดับแรก ได้แก่ ศรีลังกา (83.68%) , ฝรั่งเศส (67.37%) , ซาอุดิอาระเบีย (50.46%) , บังคลาเทศ (33.58%)  และ  สหรัฐอเมริกา (8.49%)

ขณะที่ภาพรวมการส่งออกสินค้า 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2024 (เมษายน – ธันวาคม 2567) มีมูลค่า 321.71 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ มากกว่าช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อนที่ระดับ 316.65 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หากหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมันและอัญมณีและเครื่องประดับแล้วมีมูลค่า 251.34 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ มากกว่าช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อนที่ระดับ 230.43 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

การนำเข้า เดือนธันวาคม 2567 มีมูลค่า 59.95 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ มากกว่าช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อนที่ระดับ 57.15 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หากหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมันและอัญมณี และเครื่องประดับแล้วมีมูลค่า 38.28 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ มากกว่าช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อนที่ระดับ 36.86 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ สินค้านำเข้าที่หดตัวอย่างมีนัยสำคัญ ได้แก่ ถ่านหิน (-43.42%) ,ไข่มุก และหินมีค่า (-42.02) , แร่เหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก(-18.58%) , เครื่องหนังและผลิตภัณฑ์เครื่องหนัง (-12.33%), กระดาษหนังสือพิมพ์ (-9.52%) ตามลำดับ

ประเทศที่อินเดียมีมูลค่าการนำเข้าสินค้าเพิ่มขึ้นในเดือนธันวาคม 2567 เทียบกับปีที่ผ่านมามากที่สุด 5 ลำดับแรก ได้แก่ สวิตเซอร์แลนด์ (85.65%), ไทยแลนด์ (71.7%) , เยอรมนี (28.63%) , สหรัฐอเมริกา (9.88%),   และ จีน (9.14%)

ขณะที่ภาพรวมการนำเข้าสินค้า 8 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2024 (เมษายน – ธันวาคม 2567) มีมูลค่า 532.48 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ มากกว่าช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อนที่ระดับ 506.39 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หากหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมันและอัญมณีและเครื่องประดับแล้วมีมูลค่า 336.09 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ มากกว่าช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อนที่ระดับ 320.63 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

ดุลการค้าสินค้า เดือนธันวาคม 2567 ขาดดุลการค้า 21.94 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ขณะที่ช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้าขาดดุลที่ระดับ 18.76 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ทำให้อินเดียขาดดุลการค้าสินค้าสะสม 9 เดือนแรกมูลค่า 210.77 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งขาดดุลมากขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าที่ระดับ 189.74 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

2. 2. การค้าบริการ*

เดือนธันวาคม 2567 การส่งออกบริการมีมูลค่า 32.66 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ มากกว่าช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อนที่ระดับ 31.63 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ การนำเข้า มีมูลค่า 17.50 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ มากกว่าช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อนที่ระดับ 15.63 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ดุลการค้า เกินดุลมูลค่า 15.16 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ น้อยกว่าช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อนที่ระดับ 16 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ  ภาพรวมการบริการ 8 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2024 (เมษายน – ธันวาคม 2567) มีมูลค่าเกินดุล 131.27 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ มากกว่าช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้าที่ระดับ 120.07 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

ข้อคิดเห็น

(1) การอ่อนค่าของค่าเงินรูปี สกุลเงินรูปีของอินเดียลงทะลุระดับ 86 รูปี/ดอลลาร์ แตะระดับต่ำสุดโดยได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และการไหลออกของกระแสเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติท่ามกลางความกังวลต่อสงความการค้าและการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก แต่ในทางกลับกันการอ่อนตัวของค่าเงินรูปีอินเดีย ส่งผลเชิงบวกต่อตัวเลขการส่งออกของอินเดีย และรายงานจากหัวหน้าฝ่ายติดตามเศรษฐกิจโลกของสหประชาชาติ กล่าวว่าอินเดียจะเป็นประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลกอีกครั้ง โดยมีอัตราการเติบโตต่อปีที่คาดการณ์ไว้ที่ 6.6 %

(2)  นโยบายการค้าของสหรัฐอเมริกาภายใต้การนำของนาย โดนัลล์ ทรัมป์ ทำให้หลายประเทศให้ความสำคัญต่อนโยบายการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีน และกลุ่มประเทศที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐอเมริกาสะท้อนจากตัวเลขการส่งออก ซึ่งล่าสุดนโยบายการค้าของสหรัฐอเมริกาประกาศว่าจะใช้มาตรการทางภาษี ในการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทำให้ตลาดการค้าทั่วโลกคลายความกังวลต่อสงครามการค้าที่จะเกิดขึ้น                       (3) สินค้าที่เกี่ยวข้องกับอาหารและพลังงานกลับมาโดดเด่นมากขึ้นจากตัวเลขการส่งออกของประเทศผู้ผลิต และอินเดียคือผู้ส่งออกสำคัญในสินค้ากลุ่มนี้ เช่น ธัญพืช , ข้าว เป็นต้น และคาดว่าจะความไม่แน่นอนทางด้านนโยบาย รัสเซีย – ยูเครน ของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนใหม่อย่าง โดนัลล์ ทรัมป์ ว่าจะยังคงให้ทหารสนับสนุนยูเครนต่อไปหรือไม่นั้น ทำให้มิติของสงครามจะยังคงเป็นปัจจัยหลักอีกหนึ่งปัจจัยที่จะเข้ามามีผลกระทบต่อการค้าการลงทุนในตลาดโลกต่อไป

(4) กิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมของอินเดียเติบโตขึ้นในเดือนธันวาคม 2567 ทั้งนี้ได้รับแรงหนุนจาก  ภาคบริการและภาคการผลิตที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยอ้างอิงจากดัชนี Purchasing Manger Index (PMI) ซึ่งเป็นการบ่งบอกสัญญาณความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจต่อเศรษฐกิจ นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นถึงการจ้างงานโดยรวมที่ขยายตัวในอัตราที่แข็งแกร่งในเดือนดังกล่าว

———————————————————-

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงนิวเดลี

* หมายเหตุ: จากข้อมูลล่าสุดของธนาคารกลางอินเดีย ข้อมูลภาคบริการเปิดเผยถึงเดือนพฤศจิกายน 2567 ในส่วนของข้อมูลของเดือนธันวาคม 2567 เป็นเพียงการประมาณการ ซึ่งอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงในการเปิดเผยข้อมูลครั้งต่อไป

ข้อมูลอ้างอิง:- Ministry of Commerce and Industry, 15 January 2025