ไฟป่าครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯเริ่มขึ้นใน Los Angeles County เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2568 ที่เมือง Pacific Palisades ก่อนที่จะลามแพร่กระจายออกไปในอีกหลายเมือง และมีตึกรามบ้านเรือนเสียหายไปแล้วไม่ต่ำกว่าสองหมื่นแห่ง จนถึงปัจจุบัน (วันที่ 13 มกราคม 2568) ไฟยังคงลุกลามต่อเนื่องในหลายพื้นที่ ที่สำคัญคือ ปกติแล้วฤดูที่จะเกิดไฟป่าในรัฐแคลิฟอร์เนียคือ ระหว่างเดือนพฤษภาคม ถึง ตุลาคม แต่สภาวะโลกร้อนที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของสภาวะอากาศและความแห้งแล้งต่อเนื่องที่เกิดขึ้นในแคลิฟอร์เนีย ที่เชื่อกันว่าเป็นต้นเหตุหนึ่งของการเกิดวิกฤตไฟไหม้รุนแรงครั้งใหญ่ที่สุด ใน Los Angeles County ครั้งนี้ ที่เป็นไฟนอกฤดูกาล ทำให้มีการวิเคราะห์ว่า ไฟป่าในรัฐแคลิฟอร์เนียจะไม่เกิดขึ้นตามฤดูกาลอีกต่อไป แต่จะเกิดขึ้นตลอดทั้งปี และในปีนี้ เมื่อเข้าสู่ช่วงเวลาที่เคยเรียกกันว่า ฤดูไฟป่า ที่จะเกิดไฟไหม้แพร่หลายมากยิ่งขึ้น
ไฟที่ทำลายบ้านเรือนที่อยู่อาศัยและสถานที่ทำธุรกิจจำนวนมาก หมายถึงการเติบโตของความต้องการก่อสร้างเพื่อฟื้นฟูสถานที่อยู่อาศัยและสถานที่ทำธุรกิจ ที่จะนำไปสู่ความต้องการวัสดุก่อสร้าง ที่สำคัญคือ สินค้าเหล็ก (steel products) เช่น steel bar และ H-beam steel และอื่นๆที่เกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก ตั้งแต่เครื่องใช้ไฟฟ้าและเครื่องใช้อื่นในครัวเรือน และเฟอร์นิเจอร์เป็นต้น และแม้กระทั่งแรงงานก่อสร้าง ขณะที่ในวันที่ 20 มกราคม 2568 สหรัฐฯจะมีประธานาธิบดีคนใหม่และฝ่ายบริหารชุดใหม่ ทั้งนี้ นาย Donald Trump ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯคนใหม่ได้เคยประกาศว่า ในวันที่ 20 มกราคม 2568 ที่เขาสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง เขาจะออกคำสั่งโดยทันที ให้ขึ้นพิกัดอัตราภาษีศุลกากรนำเข้าสินค้าจำนวนมากจากทุกประเทศคู่ค้า รวมถึงสินค้าอุปกรณ์ก่อสร้างจากจีน ซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตวัสดุก่อสร้างใหญ่ที่สุดของโลก ที่อาจถูกเก็บภาษีนำเข้าระหว่างร้อยละ 60 หรืออาจจะถึงร้อยเปอร์เซ็นต์สำหรับบางสินค้า และนอกจากนี้เขายืนยันที่จะดำเนินนโยบายเข้มงวดกับผู้อพยพเข้าสู่สหรัฐฯอย่างผิดกฎหมาย ที่จำนวนมากเข้าเป็นแรงงานในอุตสาหกรรมก่อสร้าง ทั้งนี้ หากนาย Donald Trump ดำเนินการตามแผนการณ์ที่วางไว้จริง จะส่งกระทบและเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นฟูภายหลังวิกฤตไฟป่าที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบันและในอนาคต เพราะอุตสาหกรรมก่อสร้างสหรัฐฯต้องพึ่งพาวัตถุดิบนำเข้าอย่างมาก จึงคาดได้ว่าค่าวัตถุดิบก่อสร้างและค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างจะพุ่งสูงขึ้น การก่อสร้างอาจล่าช้าลง และอาจนำไปสู่วิกฤตขาดแคลนอุปกรณ์ก่อสร้าง
ในปี 2567 อุตสาหกรรมก่อสร้างสหรัฐฯมีมูลค่าประมาณ 2.1 ล้านล้านเหรียญฯ มีธุรกิจก่อสร้างมากกว่าหนึ่งล้านรายทั่วประเทศ ส่วนของอุตสาหกรรมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดคือ การก่อสร้างที่อยู่อาศัย รองลงมาคือ การก่อสร้างอาคารพาณิชย์ โดยปกติแล้ว ความต้องการวัสดุก่อสร้างในสหรัฐฯอยู่ในระดับสูงอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งความต้องการในอุตสาหกรรมก่อสร้างโครงสร้างต่างๆ (infrastructure) วัสดุก่อสร้างที่จำเป็นสำหรับการก่อสร้าง คือ เหล็ก ซีเมนต์ คอนกรีต คอนกรีตผสมแล้ว เหล็กเชื่อม (binding wires) ไม้ หิน อิฐบล๊อก หินปูน (limestone) และวัสดุสำหรับทำหลังคา เป็นต้น แหล่งอุปทานเหล่านี้นอกเหนือจากการผลิตในประเทศสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้ผลิตวัสดุก่อสร้างใหญ่เป็นอันดับสองของโลก แล้ว สหรัฐฯยังนำเข้าร้อยละ 32 ของวัสดุก่อสร้าง โดยมีแหล่งอุปทานสำคัญคือจีน เกือบครึ่งหนึ่งของการนำเข้า เมื่อการสร้างบ้านและอาคารกลับขึ้นมาใหม่แล้ว ความต้องการต่อมาคือ ของตกแต่งและของใช้ในครัวเรือน หลากหลายชนิด
อาจกล่าวได้ว่า สถานการณ์ไฟป่าในนครลอสแอนเจลิสในขณะนี้และที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต อาจจะเปิดโอกาสเพิ่มขึ้นให้แก่สินค้าจำนวนมากที่เกี่ยวข้องกับการฟื้นฟูสร้างอาคารบ้านเรือนและอาคารพาณิชย์กลับขึ้นมาใหม่ รวมถึงสินค้าจากประเทศไทย โอกาสจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับว่านาย Donald Trump ประธานาธิบดีสหรัฐฯคนใหม่จะดำเนินนโยบายด้านการค้าระหว่างประเทศไปตามแนวทางที่ได้เคยแสดงไว้ในระหว่างการหาเสียงหรือไม่ อย่างไร
หมายเหตุ: ข่าวข้างบนนี้เป็นข้อมูลที่ได้มาจากแหล่งข้อมูลหลายแห่งที่จัดทำและนำเสนอข้อมูลเปิดเผยต่อสาธารณชนทั่วไป และบางส่วนเป็นความเห็นส่วนบุคคล สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครลอสแอนเจลิส นำมารวบรวมเผยแพร่เพื่อแก่ผู้สนใจ เนื่องจากเป็นข้อมูลและความเห็นจากบุคคลที่สาม การนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ ไม่ว่าในกรณีใดๆ ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณเฉพาะบุคคล สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครลอสแอนเจลิส ไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดๆที่อาจเกิดขึ้นจากการนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครลอสแอนเจลิส | 13 – 17 มกราคม 2568