(ภาพและแหล่งที่มา https://www.chinacheckup.com/guru/city/yinchuan)
ในช่วงต้นปี 2567 เขตปลอดภาษีครบวงจรหยินชวน (Yinchuan Comprehensive Bonded Zone) ได้แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าอย่างโดดเด่นในการพัฒนาการค้าระหว่างประเทศ โดยมีมูลค่าการค้าระหว่างประเทศรวมถึง 25.8 พันล้านหยวน ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 20.6 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา นับเป็นความสำเร็จที่สำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจในภูมิภาคตะวันตกของจีน การเติบโตอย่างก้าวกระโดดนี้เป็นผลมาจากนโยบายการส่งเสริมการลงทุนที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการจัดงานส่งเสริมการลงทุนเมื่อวันที่ 17 มกราคม ที่ดึงดูดผู้ประกอบการกว่า 50 ราย รวมถึงสมาคมผู้ประกอบการหนิงเซี่ย และหอการค้านานาชาติหนิงเซี่ย การประชุมครั้งนี้ไม่เพียงแต่นำเสนอศักยภาพของพื้นที่ แต่ยังรวมถึงนโยบายสิทธิประโยชน์ทางภาษีและการอำนวย ความสะดวกด้านศุลกากรที่ครอบคลุม ความโดดเด่นของเขตปลอดภาษีหยินชวนยังสะท้อนผ่านตัวเลขทางเศรษฐกิจที่น่าประทับใจ ในปี 2567 นอกจากการเติบโตของมูลค่าการค้าระหว่างประเทศแล้ว ยังมีการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรถึง 67 ล้านหยวน เพิ่มขึ้นร้อยละ 20.7 มูลค่าการผลิตของวิสาหกิจขนาดใหญ่อยู่ที่ 2.89 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้นร้อยละ 28.3 และการลงทุนจากต่างประเทศมีมูลค่า 7.49 พันล้านหยวน
จุดเด่นที่สำคัญของเขตการค้าเสรีแห่งนี้คือการมุ่งเน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพของภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการแปรรูปน้ำมันลินสีด ธัญพืชและอาหารสัตว์ ผักเมืองหนาว และผลิตภัณฑ์ โกจิเบอร์รี่ ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของเขตปกครองตนเองหนิงเซี่ย การพัฒนาโครงการความร่วมมือทางการค้าระหว่างจีน-อาหรับ ภายใต้การนำของนายซู จุนผิง ประธานสมาคมส่งเสริมการค้าและการลงทุนเอเชีย-ยุโรป-แอฟริกา ได้วางแผนการพัฒนา “สามคลังสินค้า สองแพลตฟอร์ม” ที่จะเชื่อมโยงการค้าระหว่างสามทวีป โครงการนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับบทบาทของหยินชวนในฐานะศูนย์กลางการค้าระหว่างประเทศ นายเกา เจี้ยน รองประธานคณะกรรมการบริหารเขตปลอดภาษีครบวงจรหยินชวน เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาพื้นที่ให้เป็นศูนย์กลางการแปรรูปสินค้าปลอดภาษีที่มีเอกลักษณ์ของหนิงเซี่ย และศูนย์กลาง โลจิสติกส์ที่เชื่อมโยงภูมิภาคโดยรอบ นอกจากนี้ ยังมุ่งพัฒนาให้เป็นแพลตฟอร์มต้นแบบสำหรับความร่วมมือทางการค้าระหว่างจีนและประเทศอาหรับ การเติบโตของรายได้จากภาษีศุลกากรที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 135 เป็น 2.5 พันล้านหยวน และภาษีท้องถิ่นที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 93.5 เป็น 30.1 ล้านหยวน แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการบริหารจัดการและการเติบโตที่แข็งแกร่งของเขตการค้าเสรีแห่งนี้ ในบริบทของการพัฒนาเศรษฐกิจจีน เขตปลอดภาษีครบวงจรหยินชวนถือเป็นตัวอย่างความสำเร็จของนโยบาย “เปิดสู่ตะวันตก” ของรัฐบาลจีน ที่มุ่งกระจายการพัฒนาเศรษฐกิจไปสู่พื้นที่ภาคตะวันตกของประเทศ การพัฒนานี้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ “หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง” (Belt and Road Initiative) ที่มุ่งเชื่อมโยงเศรษฐกิจระหว่างเอเชีย ยุโรป และแอฟริกา
นอกจากนี้ การพัฒนาระบบการให้บริการแบบครบวงจรและการปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ยังช่วยดึงดูดการลงทุนจากทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าเพิ่มสูง เช่น การแปรรูปอาหาร การผลิตสินค้าเกษตรพรีเมียม และการให้บริการโลจิสติกส์ระหว่างประเทศ แผนการพัฒนาในอนาคตของเขตปลอดภาษีครบวงจรหยินชวนมุ่งเน้นการยกระดับการให้บริการและการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการลงทุน โดยจะเพิ่มความร่วมมือกับสมาคมการค้าต่าง ๆ และปรับปรุงกลยุทธ์การดึงดูดการลงทุนให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาอุตสาหกรรมของเขตปกครองตนเองหนิงเซี่ยและเมืองหยินชวน การพัฒนาที่ต่อเนื่องของเขตปลอดภาษีครบวงจรหยินชวนไม่เพียงแต่จะส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจของภูมิภาคเท่านั้น แต่ยังเป็นการเสริมสร้างบทบาทของจีนในการเป็นศูนย์กลางการค้าระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชียกลางและตะวันออกกลางอีกด้วย ความสำเร็จนี้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจของจีนที่มุ่งเน้นการสร้างความเชื่อมโยงและการเปิดกว้างทางการค้าระหว่างประเทศ
ข้อเสนอแนะ สคต. ณ นครเฉิงตู
จากความสำเร็จของเขตปลอดภาษีครบวงจรหยินชวน เปิดโอกาสทางธุรกิจมากมายสำหรับผู้ประกอบการไทยที่ต้องการขยายตลาดสู่จีนตะวันตก โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่ไทยมีความเชี่ยวชาญและมีศักยภาพในการแข่งขัน ในด้านอุตสาหกรรมอาหารและเกษตร ประเทศไทยมีโอกาสในการส่งออกผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูป โดยเฉพาะผลไม้แปรรูป อาหารแช่แข็ง และผลิตภัณฑ์เกษตรพรีเมียม เนื่องจากเขตปลอดภาษี หยินชวนมีระบบโลจิสติกส์ที่ทันสมัยและสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการจัดเก็บสินค้าที่ได้มาตรฐาน นอกจากนี้ ความต้องการสินค้าเกษตรคุณภาพสูงในตลาดจีนยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่วนอุตสาหกรรมสมุนไพรและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพของไทยมีโอกาสร่วมมือกับผู้ผลิตโกจิเบอร์รี่ในหนิงเซี่ย ซึ่งเป็นแหล่งผลิตโกจิเบอร์รี่ที่มีคุณภาพสูงของจีน การพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกันระหว่างสมุนไพรไทยและโกจิเบอร์รี่จีนสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มและตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพทั้งในจีนและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ ผู้ประกอบการไทยสามารถใช้ประโยชน์จากตำแหน่งที่ตั้งของเขตปลอดภาษีหยินชวนในการเป็นศูนย์กระจายสินค้าสู่ตลาดจีนตะวันตกและเอเชียกลาง โดยเฉพาะการเชื่อมโยงกับเส้นทางรถไฟจีน-ยุโรป ซึ่งสามารถลดต้นทุนและระยะเวลาในการขนส่งสินค้า
โอกาสสำคัญอีกประการคือการร่วมลงทุนในอุตสาหกรรมการแปรรูปสินค้าเกษตร โดยผู้ประกอบการไทยสามารถนำเทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญในการแปรรูปอาหารมาร่วมลงทุนกับพันธมิตรจีน เพื่อผลิตสินค้าที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในตลาดจีนและตลาดส่งออก นอกจากนี้ ยังมีโอกาสในการพัฒนาธุรกิจการค้าอิเล็กทรอนิกส์ข้ามพรมแดน (Cross-border E-commerce) โดยใช้ประโยชน์จากนโยบายส่งเสริมการค้าออนไลน์ของจีนและระบบโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพของเขตปลอดภาษีหยินชวน ผู้ประกอบการไทยสามารถใช้ช่องทางนี้ในการเข้าถึงผู้บริโภคชาวจีนได้โดยตรง
การสร้างความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ระหว่างสถาบันการศึกษาและภาคเอกชนของทั้งสองประเทศก็เป็นอีกโอกาสที่สำคัญ โดยเฉพาะในด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพและเครื่องสำอางจากวัตถุดิบธรรมชาติ ซึ่งเป็นจุดแข็งของทั้งสองประเทศ อย่างไรก็ตาม การเข้าสู่ตลาดจีนผ่านเขตปลอดภาษีหยินชวน ผู้ประกอบการไทยควรศึกษากฎระเบียบและข้อกำหนดต่างๆ อย่างละเอียด
รวมถึงพิจารณาการร่วมมือกับพันธมิตรท้องถิ่นที่มีความเข้าใจตลาดและเครือข่ายธุรกิจในพื้นที่ นอกจากนี้ ควรใช้ประโยชน์จากหน่วยงานส่งเสริมการค้าของทั้งสองประเทศในการสร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจและการเข้าถึงข้อมูลที่เป็นประโยชน์ การพัฒนาความร่วมมือทางธุรกิจระหว่างไทยและจีนผ่านเขตปลอดภาษีครบวงจรหยินชวนไม่เพียงแต่จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการของทั้งสองประเทศเท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างไทยและจีนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืนของทั้งสองประเทศในระยะยาว
————————————————–
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครเฉิงตู
มกราคม 2568
แหล่งข้อมูล :
Thai 
English 
Chinese 
Japanese 
German