คลื่นแห่งวรรณกรรมเกาหลีกำลังจะพัดสู่ผู้อ่านที่ใช้ภาษาอังกฤษในปี 2568 ตั้งแต่นวนิยายใหม่ที่แต่งโดยเจ้าของรางวัลโนเบล (Nobel Prize) จนถึงนิยายแนววิทยาศาสตร์ (Sci-fi) ขายดี และนิยายแนวฮีลใจที่ทำให้ใจอบอุ่น
จุดเน้นสำคัญ คือ การตีพิมพ์นวนิยายอีกเรื่องหนึ่งของ ฮันกัง (Han Kang) ผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมประจำปี 2567 เป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งผลงานในปี 2564 ของเธอ We Do Not Part มีกำหนดวางจำหน่ายโดยสำนักพิมพ์ Penguin Books ในวันที่ 20 มกราคมนี้ นิยายดังกล่าวแปลร่วมกันโดย E. Yaewon และ Paige Aniyah Morris พาสำรวจเหตุการณ์สังหารหมู่ที่เกาะเชจูเมื่อวันที่ 3 เมษายน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่โศกเศร้าที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของเกาหลีใต้ที่ประชาชนหลายหมื่นคนถูกคร่าชีวิต โดยเรื่อง ได้เล่าถึงคยองฮา ซึ่งเปิดเผยความทรงจำที่ยังคอยหลอกหลอนบนเกาะเชจูในขณะที่เธอดูแลนกของเพื่อน เชื่อมโยงถึงแก่นเรื่องของมิตรภาพและความเจ็บปวดทางประวัติศาสตร์เข้าไว้ในกวีนิพนธ์ร้อยแก้วซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของผู้เขียน
ชองโบรา ผู้เข้ารอบสุดท้ายรางวัล International Booker Prize และ U.S. National Book Award จะออกนวนิยายเรื่องใหม่ 2 เล่มเป็นภาษาอังกฤษในเดือนตุลาคม ได้แก่ Red Sword และ Midnight Timetable ซึ่งทั้งสองผลงานแปลโดย Anton Hur นิยายเรื่อง Red Sword พาไปผจญภัยในดินแดนห่างไกลที่ถูกทำลายล้างด้วยสงคราม ในขณะที่ Midnight Timetable เล่าเกี่ยวกับวัตถุน่าสงสัยในศูนย์วิจัยลึกลับแห่งหนึ่ง ซึ่งเล่าเรื่องโดยคนงานกะกลางคืน
A Thousand Blues นิยายไซไฟขายดีของชอนซองรัน เล่าถึงสองพี่น้องที่พยายามช่วยม้าแข่งชื่อดังในโลกอนาคตอันใกล้ ซึ่งนักขี่ม้าแข่ง เป็นหุ่นยนต์ จะวางจำหน่ายในเดือนมีนาคม นอกจากนี้ The Midnight Shift ผลงาน อีกชิ้นหนึ่งของผู้เขียนชอน เกี่ยวกับการฆาตกรรมแวมไพร์อันลึกลับ จะวางจำหน่ายในเดือนสิงหาคม
ซอนวอนพยอง ซึ่งเป็นที่รู้จักจากผลงานเรื่อง Almond จะวางจำหน่าย Counterattacks at Thirty ในเดือนมีนาคม ผลงานเรื่องนี้เป็นนวนิยายเกี่ยวกับ คนทำงานวัยหนุ่มสาวที่ท้าทายสถานะเดิมขององค์กร แปลโดย Sean Lin Halbert ผู้ชนะรางวัล Korea Times Modern Korean Literature Translation Awards 2018
Blowfish ผลงานของ โจคยองรัน ซึ่งมีกำหนดวางจำหน่ายในเดือนกรกฎาคม เป็นเรื่องราว เกี่ยวกับช่างแกะสลักและสถาปนิกในการสำรวจศิลปะและอัตลักษณ์ยุคหลังสมัยใหม่ (postmodern)
To the Kennels: And Other Stories ผลงานรวมเรื่องสั้นของ พยอนฮเยยอง กำหนดวางจำ หน่ายที่สหราชอาณาจักรในวันที่ 16 มกราคม โดยนำเสนอเรื่องราวสบายๆ แนวคาฟคาเอสค์ (Kafkaesque) หรือ สไตล์การเขียนแบบไร้แก่นสารและชวนสิ้นหวังของ ฟรันซ์ คาฟคา
The Black Orb นิยายสยองขวัญเกี่ยวกับวันสิ้นโลก ที่ดำเนินเรื่องในกรุงโซลในยุคปัจจุบัน เขียนโดย คิมอีฮวาน จะวางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาในเดือนกุมภาพันธ์เช่นกัน
สำหรับผู้ที่ชื่นชอบแนวแฟนตาซีมหากาพย์ สามารถติดตามอ่าน The Bird That Drinks Tears ของอียองโด ซึ่งมักถูกนำไปเปรียบเทียบกับผลงานของ Tolkien นิยายแฟนตาซีคลาสสิกของเกาหลีเรื่องนี้ซึ่งแปลโดย Hur จะจัดตีพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ Harper Voyager และจะวางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และ ออสเตรเลียในปี 2568
ผลงานรวมเรื่องสั้นชุด Roadkill โดย Amil ซึ่งมีรากฐานมาจากนิยายไซไฟแฟนตาซีแนวเฟมินิสต์ จะวาง จำหน่ายในเดือนพฤษภาคม ดึงดูดใจคนรุ่นใหม่ที่มองหาแนวคิดใหม่ๆ ที่ชัดเจน
เทรนด์นิยายแนวฮีลใจของเกาหลี ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง โดยหนังสือเรื่อง The Healing Season of Pottery ของยอนโซมิน จะวางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาในวันที่ 30 มกราคม นวนิยายเรื่องนี้ เล่าถึงพนักงานออฟฟิศที่หมดไฟ ผู้ได้พบกับการปลอบ ประโลมในเวิร์กช็อปเครื่องปั้นดินเผา ซึ่งโอบล้อมไปด้วยความอบอุ่น ที่รับรู้ได้ทางสัมผัสและทางอารมณ์ของของดิน
หนังสือที่ขายดีไปทั่วโลกของ คิมโฮยอน เรื่อง The Second Chance Convenience Store” เล่าถึงครูที่ เกษียณอายุแล้ว ที่เปลี่ยนละแวกบ้านของเธอ หลังจากพาชายไร้บ้านลึกลับมาที่ร้านสะดวกซื้อของเธอ จะวางจำหน่ายให้แก่ผู้อ่าน ภาษาอังกฤษในเดือนมิถุนายน
(ที่มา : สำนักข่าว The Korea Times ฉบับวันที่ 4 มกราคม 2568)
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงโซล