รัฐบาลอินโดนีเซียเสนอทางเลือกสำหรับโรงงานที่ย้ายฐานการผลิตจากจีน

รัฐบาลอินโดนีเซียได้เน้นย้ำถึงความพร้อมในการต้อนรับการลงทุนจากโรงงานจีนที่กำลังมองหาวิธีหลีกเลี่ยงภาษีของสหรัฐฯ ซึ่งหลายฝ่ายคาดการณ์ว่าภาษีดังกล่าวอาจเพิ่มสูงขึ้นภายใต้การนำของประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ อย่าง โดนัลด์ ทรัมป์ โดยรัฐบาลอินโดนีเซียคาดหวังให้เขตเศรษฐกิจพิเศษ (SEZ) ของเกาะบาตัมกลายเป็นจุดหมายปลายทางหลักสำหรับการลงทุนดังกล่าว รองรัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรม ไฟซอล ริซา (Faisol Riza) กล่าวว่า มาตรการภาษีที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากรัฐบาลของทรัมป์อาจส่งผลให้ธุรกิจจีนต้องย้ายฐานการผลิตมายังภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อรักษาการเข้าถึงตลาดสหรัฐฯ “สำหรับหลายบริษัท การส่งออกจากจีนไปยังสหรัฐฯ อาจไม่สามารถทำได้อีกต่อไป พวกเขาจึงกำลังพิจารณาประเทศในอาเซียน รวมถึงอินโดนีเซียเพื่อเป็นศูนย์การผลิตทางเลือก” ไฟซอล ริซา (Faisol Riza) กล่าวในการแถลงข่าวเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

รัฐบาลอินโดนีเซียได้ผลักดันเขตเศรษฐกิจพิเศษ (SEZ) ของเกาะบาตัม โดยใช้สถานะของเขตการค้าเสรี ซึ่งจะช่วยให้บริษัทต่าง ๆ ได้รับการยกเว้นภาษีสำคัญต่าง ๆ รวมไปถึงภาษีนำเข้า เพราะเป็นศูนย์กลางที่มีตำแหน่งทางยุทธศาสตร์ในการดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมที่เสี่ยงต่อภาษีของสหรัฐฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ สิ่งทอ รองเท้า และยานยนต์ เป็นต้น ไฟซอล ริซา (Faisol Riza)  กล่าวว่า “มีโอกาสทองในการเสริมสร้างภาคการผลิตของอินโดนีเซีย และเพิ่มผลิตภัณฑ์ที่ติดป้าย “Made in Indonesia” ในตลาดโลก          โดย ไฟซอล ริซา (Faisol Riza)  เปิดเผยในเดือนธันวาคมที่ผ่านมาว่า กระทรวงอุตสาหกรรมกำลังหารือกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดมาตรการจูงใจทั้งทางการเงินและไม่ใช่การเงิน เพื่อให้มั่นใจว่าอินโดนีเซียยังคงมีศักยภาพในการแข่งขันและสามารถอำนวยความสะดวกให้กับบริษัทที่ต้องการย้ายฐานการผลิตมายังประเทศอินโดนีเซีย

ซันนี่ อิสกันดาร์ (Sanny Iskandar) ประธานสมาคมนิคมอุตสาหกรรม (HKI) กล่าวว่า แม้ว่าสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนจะสร้างโอกาสบางประการ แต่ความเป็นไปได้ในการย้ายโรงงานมายังประเทศอินโดนีเซียยังคงไม่แน่นอนและไม่ชัดเจน เพราะประธานาธิบดีทรัมป์ (Donal Trump) และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง (Xi Jinping) ได้เริ่มหารือเกี่ยวกับข้อตกลงใหม่แล้ว “แต่เราก็พร้อมที่จะคว้าโอกาสใด ๆ ก็ตาม สำหรับอุตสาหกรรมการผลิตที่จะเข้ามา” ซันนี่ อิสกันดาร์ (Sanny Iskandar) กล่าวเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาตามการรายงานจาก Kontan  ซันนี่ อิสกันดาร์ (Sanny Iskandar) ยังกล่าวอีกว่า นิคมอุตสาหกรรมในประเทศพร้อมต้อนรับนักลงทุนรายใหม่ๆ และได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการสนับสนุนจากภาครัฐในรูปแบบของสิทธิประโยชน์และกระบวนการอนุญาตที่สะดวกและรวดเร็ว “เราพร้อมอำนวยความสะดวกในการลงทุนเหล่านี้ แต่เราต้องการการสนับสนุนที่เข้มแข็งยิ่งขึ้นจากรัฐบาล เพื่อความสามารถในการแข่งขันของอินโดนีเซีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการอนุญาตที่รวดเร็วและสิทธิประโยชน์ด้านการลงทุน”

โดนัลด์ ทรัมป์ (Donal Trump) ซึ่งเข้าพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา กล่าวในสุนทรพจน์เปิดงานว่า สหรัฐฯ จะจัดเก็บรายได้จำนวนมหาศาลจากภาษีการค้าต่างประเทศ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการฟื้นฟูภาคอุตสาหกรรมของประเทศ ในระหว่างการหาเสียง ทรัมป์ให้คำมั่นว่าจะเรียกเก็บภาษีในอัตราสูงสำหรับสินค้านำเข้าจากทั่วโลก โดยเฉพาะสินค้าจากจีนในอัตราสูงถึง 60 เปอร์เซ็นต์ เพื่อลดการขาดดุลการค้าประจำปีของสหรัฐฯ ที่สูงถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

อย่างไรก็ตาม ในวันแรกของการดำรงตำแหน่ง ทรัมป์ยังไม่ได้ดำเนินการบังคับใช้ภาษีนำเข้าในทันที แต่สำนักข่าว Reuters รายงานว่า เขาได้สั่งการให้หน่วยงานรัฐบาลกลางตรวจสอบสาเหตุของการขาดดุลการค้าและแนวทางปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม รวมถึงการแทรกแซงค่าเงินโดยประเทศคู่ค้า

ความคิดเห็นของสำนักงาน

รัฐบาลอินโดนีเซียมีความพยายามในการดึงดูดการลงทุนจากจีนผ่านการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ (SEZ) บนเกาะบาตัม ถือเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งมีแนวโน้มจะเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนสูงถึง 60% ส่งผลให้บริษัทจีนต้องมองหาทางเลือกในการหลีกเลี่ยงภาษีดังกล่าว อินโดนีเซียใช้จุดแข็งด้านตำแหน่งยุทธศาสตร์และสิทธิประโยชน์ทางภาษีเพื่อดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมสำคัญ เช่น อิเล็กทรอนิกส์ สิ่งทอ

thThai