ประชากรสูงวัย-พฤติกรรมการบริโภคใหม่ ฉุดตลาดค้าปลีกฮ่องกงเข้าสู่ยุคท้าทาย
บริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของโลก Knight Frank ซึ่งมีสำนักงานอยู่ในเมืองฮ่องกง ให้ข้อมูลว่าตลาดค้าปลีกฮ่องกงส่อแววซบเซา หลังยอดค้าปลีกรวม 10 เดือนแรกของปี 2567 ทรุดตัวร้อยละ 7.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
Ms. Helen Mak, Knight Frank Senior Director, Head of Retail Services เปิดเผยว่า “ภาวะถดถอยไม่เพียงกระทบตลาดสินค้าหรูหราเท่านั้น แต่ยังลามไปถึงสินค้าอุปโภคบริโภคในซูเปอร์มาร์เก็ต คาดการณ์ว่ายอดค้าปลีกรวมทั้งปีอาจร่วงลงถึงร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับปีก่อน ส่งผลให้ผู้ประกอบการเผชิญแรงกดดันในการปรับลดค่าเช่าและราคาสินค้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”
ข้อมูลเพิ่มเติมจาก Knight Frank ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรครั้งใหญ่กำลังส่งผลกระทบต่อภาคค้าปลีกฮ่องกง โดยสถิติของรัฐบาลชี้ให้เห็นว่า ในช่วงกลางปี 2561 ถึงกลางปี 2567 ประชากรวัยทำงานอายุ 20-59 ปี หดตัวลง 354,000 คน ขณะที่กลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปกลับเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
การเปลี่ยนแปลงด้านประชากรศาสตร์ดังกล่าว ประกอบกับกระแสช้อปปิ้งออนไลน์ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด ส่งผลกระทบโดยตรงต่อยอดขายซูเปอร์มาร์เก็ต นอกจากนี้ ความผันผวนของเศรษฐกิจโลกและภาวะซบเซาของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศ ยิ่งผลักดันให้ชาวฮ่องกงระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น
แม้นักท่องเที่ยวจากจีนจะเป็นกำลังซื้อสำคัญของตลาดค้าปลีกฮ่องกงมาโดยตลอด และล่าสุดรัฐบาลเตรียมผ่อนคลายเงื่อนไขการออกวีซ่าเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนให้มากขึ้น แต่พฤติกรรมนักท่องเที่ยวยุคใหม่ที่หันมาสนใจการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมมากกว่าการช้อปปิ้งสินค้าหรูหรา ส่งผลให้ยอดขายสินค้าแบรนด์เนมซบเซาลงอย่างเห็นได้ชัด
ด้วยภาพรวมการบริโภคที่ยังไม่ฟื้นตัวตามคาด ผู้ค้าปลีกส่วนใหญ่จึงต้องชะลอแผนขยายกิจการ แม้ค่าเช่าค้าปลีกในปีหน้าอาจไม่ลดลงเท่าปี 2567 แต่ยังคงทรงตัวในระดับต่ำ เนื่องจากแรงกดดันจากโครงสร้างประชากรที่เปลี่ยนแปลงและพฤติกรรมผู้บริโภคที่แตกต่างไปจากเดิม อย่างไรก็ตาม การเปิดตัวสวนกีฬา “Kai Tak Sports Park” ในอนาคตอันใกล้ คาดว่าจะช่วยกระตุ้นการบริโภคเชิงประสบการณ์ในท้องถิ่น ดึงดูดทั้งลูกค้าในประเทศและนักท่องเที่ยวให้กลับมาจับจ่ายใช้สอยในฮ่องกงคึกคักอีกครั้ง
ความคิดเห็นของ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองฮ่องกง
การเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างประชากรของฮ่องกงโดยเฉพาะการเพิ่มขึ้นของประชากรสูงวัย เป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลให้พฤติกรรมการบริโภคเปลี่ยนแปลงและสร้างความท้าทายให้กับตลาดค้าปลีกเป็นอย่างมาก ในปี 2565 ตลาดผู้สูงวัยในฮ่องกงมีมูลค่าประมาณ 2.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากประชากรที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ประชากรกลุ่มนี้จะมีความต้องการในสินค้า personal care ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หรือ ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ยา และเวชภัณฑ์สำหรับผู้สูงวัยซึ่งช่วยตอบสนองความต้องการด้านสุขภาพ สำหรับผู้ผลิตและส่งออกสินค้าไทยที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้สูงอายุ จึงเป็นโอกาสในการนำเสนอภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือในสินค้า เพื่อตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มนี้ในฮ่องกงได้
แหล่งข้อมูล: https://realestateasia.com/commercial-retail/news/how-demographic-changes-will-impact-hong-kongs-retail-market