อินเดียเมือง Tier 2 อย่างนากปุระ จัยปุระและลัคเนา กำลังขับเคลื่อนภาคอสังหาริมทรัพย์อินเดียอย่างก้าวหน้า

รายงานการวิเคราะห์ของบริษัท Colliers ได้ให้ข้อมูลว่าเมือง Tier 2 อย่างนากปุระ จัยปุระ และลัคเนา ติดอันดับใน 30 เมืองที่กำลังพัฒนาการเติบโตและการลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ของประเทศ เนื่องจากมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่รวดเร็ว บริษัท Colliers ได้วิเคราะห์ผ่านการใช้เมทริกซ์พารามิเตอร์หลัก 5 ประการ ได้แก่ โครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพ โครงสร้างพื้นฐานทางสังคม การเติบโตของประชากร การพัฒนาทางเศรษฐกิจ และหลักการด้านอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งได้ศึกษาและทำการวิเคราะห์ทางด่วน 8 เส้นทาง ได้แก่ 1) ทางด่วน นากปุระ-มุมไบ (สมรุดธี มหามาร์ก) 2) ทางด่วน อาห์เมดาบัด-โธเลอรา 3) ทางด่วน จัยปุระ-เดลี 4) ทางด่วน มีรุท-เดลี 5) ทางด่วน เดลี-ชานดิการ์ 6) ทางด่วน เดลี-อักรา (ยามูน่า เอ็กซ์เพรสเวย์) 7) ทางด่วน โภปาล-อินโดร์ และ 8) ทางด่วน ลัคเนา-อักรา (ปูรวันชาล เอ็กซ์เพรสเวย์)

อินเดียเมือง Tier 2 อย่างนากปุระ จัยปุระและลัคเนา กำลังขับเคลื่อนภาคอสังหาริมทรัพย์อินเดียอย่างก้าวหน้า
จากการวิเคราะห์พบว่า การเปิดใช้งานทางด่วนสมรุดธี มหามาร์ก (ความยาว 701 กม.) ทำให้เมืองนากปุระกลายเป็นเมืองที่ติดอันดับสูงสุดใน 30 เมืองที่กำลังเติบโตด้านการลงทุนของอินเดีย โดยคาดว่าการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานนี้จะสามารถคืนผลตอบแทนได้สูงถึง 5.2 เท่าภายในปี 2578 (2035) ทำให้เมืองนากปุระกลายเป็นหนึ่งในจุดหมายการลงทุนแห่งใหม่ที่ได้รับความนิยม นอกจากนี้ การพัฒนาโครงสร้างการเชื่อมโยงของทางด่วน นากปุระ-มุมไบ จะทำให้เกิดการพัฒนาในธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์อย่างมาก มีการเข้ามาของนักพัฒนาเกรด A ระดับประเทศ ทำให้เมืองนากปุระมีความพร้อมต่อการขยายตัวเชิงโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเติมในอนาคต เช่น การขยายเส้นทางรถไฟฟ้าและสนามบินนานาชาติแห่งเมืองนากปุระ
ตลาดอสังหาริมทรัพย์เมืองจัยปุระ กำลังเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งธุรกิจนี้ถูกขับเคลื่อนด้วยโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เช่น รถไฟฟ้าจัยปุระ และทางด่วน เดลี–มุมไบ คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จในปี 2568 ส่งผลให้ราคาที่ดินในพื้นที่สูงขึ้นตามมา หากพิจารณาแล้วการเติบโตดังกล่าว มีปัจจัยมาจากความต้องการที่เพิ่มขึ้น การเชื่อมต่อของระบบคมนาคมที่ดีขึ้น และระยะทางการเข้าถึงเขตอุตสาหกรรม ทำให้เมืองจัยปุระกลายเป็นตลาดที่น่าจับตามองสำหรับการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์
ตลาดอสังหาริมทรัพย์เมืองลัคเนาก็กำลังเติบโตไม่แพ้กัน มีปัจจัยเอื้อด้านการเชื่อมโยงผ่านทางด่วน อวัธ (Awadh) (ทางด่วนคานปุระ–ลัคเนา) ที่จะแล้วเสร็จในปี 2568 โดยการเชื่อมต่อที่ดีขึ้นของทางด่วนจะมีส่วนช่วยส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจ และทำให้เมืองบริเวณนี้กลายเป็นเมืองที่สร้างโอกาสต่อการลงทุนในตลาดอสังหาริมทรัพย์

ข้อมูลเพิ่มเติม
1. อุปสงค์ทองแดงในประเทศขยายตัว 13 % เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกับปีงบประมาณ 2567 คิดเป็นปริมาณ 1,700 กิโลตัน (kt) อุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นของตลาดเกิดจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจโดยรวม การพัฒนาด้านสาธารณูปโภคและภาคการก่อสร้าง และภายหลังสถานการณ์โควิด -19 ความต้องการทองแดงเฉลี่ยต่อปีเพิ่มขึ้นเป็น 21 % ในช่วงปีงบประมาณ 2564 ถึง 2567
2. ข้อมูล GDP ล่าสุด ภาคโครงสร้างพื้นฐานและการก่อสร้างเติบโตขึ้น 9.1 % และ 6.8 % ตามลำดับในครึ่งแรกของปีงบประมาณปัจจุบัน แนวโน้มเหล่านี้สะท้อนถึงการเติบโตที่แข็งแกร่งของความต้องการทองแดง ซึ่งสอดคล้องกับการเติบโตทาง GDP ของอินเดียที่ถูกขับเคลื่อนด้วยการลงทุนจากภาครัฐและภาคเอกชน ด้านรายจ่ายของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น และโครงการต่างๆที่อยู่ระหว่างการพัฒนา เช่น การก่อสร้างอาคาร โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่ง และอุตสาหกรรม
ผลกระทบทางเศรษฐกิจและความท้าทาย
1. ความต้องการวัสดุก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น: การเพิ่มขึ้นของจำนวนโครงการสำหรับโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เช่น การก่อสร้างทางหลวง การขยายระบบรถไฟฟ้าใต้ดิน และการปรับปรุงสนามบิน จะช่วยเพิ่มความต้องการวัสดุก่อสร้าง เช่น เหล็ก กระเบื้อง แก้ว ซีเมนต์ สี และวัสดุอื่นๆ ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบที่ประเทศไทยมีความสามารถในการส่งออกวัสดุที่บริษัทต้องการ
2. การส่งออกทองแดงที่ขยายตัว: อุปสงค์ของทองแดงในอินเดียที่เพิ่มขึ้นสอดรับกับความสามารถด้านการส่งออกผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับทองแดงของไทย เช่น สายไฟและอุปกรณ์ฟิตติ้ง จะทำให้เกิดโอกาสทางการค้าใหม่ๆ
3. ความท้าทายด้านกฎระเบียบ: ภาษีการนำเข้า ข้อกำหนดและกฎระเบียบอาจส่งผลกระทบต่อความสามารถทางการแข่งขันด้านราคาในตลาดอินเดียที่มีผลต่อผลิตภัณฑ์/สินค้านำเข้าจากไทย
ข้อคิดเห็น
1. อุตสาหกรรมที่พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานส่งผลให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในเมือง Tier 2 เช่น นากปุระ จัยปุระ และ
ลัคเนากำลังเติบโตไปได้อย่างรวดเร็ว ก่อให้เกิดโอกาสสำคัญในภาคการก่อสร้างและวัสดุก่อสร้างของอินเดีย ด้วยการลงทุนในโครงการจำนวนมากทั้งทางด่วน การขยายระบบรถไฟฟ้าใต้ดิน และเขตนิคมอุตสาหกรรม กลายเป็นนปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญต่อความต้องการวัสดุก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น ด้วยเหตุนี้ วัสดุที่มีความสำคัญต่อระบบโครงสร้างพื้นฐาน และการก่อสร้าง เช่น ทองแดงและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง จึงเข้ามามีบทบาทต่อการพัฒนาธุรกิจก่อสร้างและระบบเชื่อมโยง ทั้งนี้ จึงเป็นโอกาสสำหรับประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศผู้ส่งออกวัสดุก่อสร้างที่เป็นที่ยอมรับในตลาดสากลจะสามารถตอบสนองความต้องการของอินเดียที่เพิ่มขึ้นสำหรับผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง อย่างไรก็ตาม การแข่งขันจากผู้ประกอบการท้องถิ่นและผู้ส่งออกต่างประเทศ ความท้าทายด้านโลจิสติกส์ และความอ่อนไวต่อราคาในตลาดอินเดีย อาจเป็นประเด็นท้าทายที่ทำให้ผู้ประกอบการต้องศึกษาและแสวงหาความร่วมมือกับผู้ประกอบการท้องถิ่นเพื่อเจาะตลาดอินเดีย
2. สำหรับประเทศไทย เป็นตลาดนำเข้าสินค้าทองแดงและผลิตภัณฑ์ที่ทำด้วยทองแดง(พิกัด 74) ลำดับที่ 7 ของตลาดอินเดียด้วยอัตราส่วน 4.06 % โดยอินเดียนำเข้าสินค้าทองแดงจากตลาดต่างประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น (สัดส่วน 22%) แทนซาเนีย (17%) สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (8.9%) ตามลำดับ ในปี 2564 (เดือนม.ค.-พ.ย.67) อินเดียนำเข้าสินค้าทองแดงจากประเทศไทยด้วยปริมาณ 43.61 ล้านกิโลกรัม มูลค่า 401.45 ล้านเหรียญสหรัฐ (โลก 9,893 ล้านเหรียญสหรัฐ) ขยายตัวร้อยละ 0.03 เปรียบเทียบจากช่วงเวลาเดียวกันจากปีที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าโอกาสในการเจาะตลาดอินเดียยังมีอีกมาก โดยเฉพาะในภาคอสังหาริมทรัพย์ ในขณะที่ยานพาหนะพลังงานใหม่ (NEV) และเครื่องใช้ในบ้านสามารถขับเคลื่อนการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้การบริโภคทองแดงในกิจการไฟฟ้าเติบโตได้อย่างมั่นคงในตลาดอินเดีย อย่างไรก็ดีผู้ประกอบการไทยสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมทั้งด้านกฎระเบียบ มาตรฐานและแนวปฏิบัติสำหรับการนำเข้าสินค้าทองแดงมายังอินเดียผ่านหน่วยงานรัฐ dpiit.gov.in และ bis.gov.in ได้ต่อไป

 

ที่มา: 1. https://www.hindustantimes.com/real-estate/tier-2-cities-nagpur-jaipur-lucknow-drive-india-s-real-estate-growth-due-to-rapid-infrastructure-advancement-101737712893511.html
2.https://energy.economictimes.indiatimes.com/news/coal/copper-demand-in-india-rises-13-in-fy24-infra-and-building-sectors-drive-growth/116147769

thThai