การใช้จ่ายของภาครัฐจะชะลอตัวในช่วงครึ่งแรกของปี

          กระทรวงงบประมาณและการจัดการ (Department of Budget and Management: DBM) ระบุว่า การใช้จ่ายของภาครัฐในฟิลิปปินส์จะชะลอตัวลงในครึ่งแรกของปี 2568 เนื่องจากการประกาศห้ามดำเนินโครงการสาธารณะในช่วงเลือกตั้ง และการปรับงบประมาณจากรัฐสภาในงบประมาณแห่งชาติ

          นาย Romeo Matthew T. Balanquit ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงงบประมาณและการจัดการ กล่าวว่า การใช้จ่ายภาครัฐในสองไตรมาสแรกของปี 2568 อาจลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2567 เนื่องจากการห้ามดำเนินโครงการสาธารณะในช่วงก่อนการเลือกตั้งในเดือนพฤษภาคม โดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (Comelec) จะเริ่มห้ามดำเนินโครงการสาธารณะตั้งแต่วันที่ 28 มีนาคม 2568 หรือ 45 วัน ก่อนการเลือกตั้งที่จะจัดขึ้นในวันที่ 12 พฤษภาคม 2568 นอกจากนี้ ยังห้ามให้เงินช่วยเหลือด้านสวัสดิการสังคมในช่วงเวลาดังกล่าวด้วย ซึ่งคณะกรรมการประสานงานงบประมาณเพื่อการพัฒนา (The Development Budget Coordination Committee) ได้กล่าวก่อนหน้านี้ว่า อาจมีการชะลอการดำเนินโครงการในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 เนื่องจากจะมีการเลือกตั้งกลางเทอมระดับชาติและระดับท้องถิ่น

          อย่างไรก็ตาม การเบิกจ่ายงบประมาณสำหรับโครงการโครงสร้างพื้นฐานในช่วงก่อนการเลือกตั้งจะไม่ได้รับผลกระทบจากการห้ามดำเนินโครงการสาธารณะ เนื่องจากมีการวางแผนการดำเนินโครงการล่วงหน้า โดยเฉพาะในภาคการขนส่ง ทั้งนี้ ปลัดกระทรวงงบประมาณและการจัดการ (Goddes Hope O. Libiran) กล่าวว่า โครงการโครงสร้างพื้นฐานเพียงอย่างเดียวที่ได้รับผลกระทบ คือโครงการมูลค่า 707 พันล้านเปโซ ครอบคลุมมากกว่า 12,900 โครงการ ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงโยธาธิการและทางหลวง (DPWH)

         ในขณะเดียวกัน นาย Balanquit กล่าวว่าการเบิกจ่ายงบประมาณอาจล่าช้าลงเนื่องจากการปรับเปลี่ยนงบประมาณของรัฐสภาภายใต้พระราชบัญญัติการจัดสรรงบประมาณทั่วไป ปี 2568 ที่จะต้องผ่านกระบวนการออกคำสั่งการเบิกจ่ายเงินจัดสรรพิเศษ (FISARO) โดยคำสั่ง SARO จะได้รับการเบิกจ่ายเมื่อหน่วยงานต่างๆ ปฏิบัติตามข้อกำหนดที่จำเป็น และได้รับการอนุมัติจากเลขานุการฝ่ายบริหารและสำนักงานของประธานาธิบดี ทั้งนี้ แม้ว่าจะมีการปรับงบประมาณจำนวน 757 พันล้านเปโซ คิดเป็นประมาณร้อยละ 11 หรือร้อยละ 12 ของงบประมาณทั้งหมด ทำให้การเบิกจ่ายในปี 2568 อาจมีไม่มากนัก เมื่อเทียบกับการเบิกจ่ายในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยในปีที่ผ่านมา งบประมาณส่วนใหญ่ของประเทศได้รับการเบิกจ่ายแล้วในช่วงเดือนแรก โดยไม่ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนด

          ในขณะที่ นาย Margarito B. Teves อดีตรัฐมนตรีกระทรวงการคลังกล่าวว่า การใช้จ่ายในโครงการสาธารณะมักจะลดลงในเดือนเมษายนและพฤษภาคมในปีที่มีการเลือกตั้ง เนื่องจากการประกาศห้ามดำเนินโครงการสาธารณะเป็นระยะเวลา 45 วัน อย่างไรก็ตาม การลดลงของการใช้จ่ายมีผลกระทบน้อย เนื่องจากรัฐบาลพยายามยกเว้นโครงการที่สำคัญระดับชาติจากการประกาศห้ามนี้ โดยเฉพาะโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ

          นาย Philip Arnold Randy P. Tuaño คณบดีของ Ateneo School of Government กล่าวว่า ในอดีตที่ผ่านมา การใช้จ่ายของภาครัฐและผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) จะลดลงเล็กน้อยในแต่ละไตรมาส แต่จะมีการฟื้นตัวในไตรมาสถัดไปหลังการเลือกตั้ง ขณะเดียวกัน นาย Tuaño กล่าวเสริมว่า รัฐบาลได้เบิกจ่ายงบประมาณจำนวนมากสำหรับโครงการโครงสร้างพื้นฐานล่วงหน้าก่อนช่วงเลือกตั้ง โดยคณะกรรมการการเลือกตั้งได้ยกเว้นโครงการโครงสร้างพื้นฐาน 48 โครงการของศูนย์ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน (Public – Private Partnership) เช่น โครงการรถไฟใต้ดินมะนิลา และคาดว่าจะเห็นการเติบโตของโครงการโครงสร้างพื้นฐานในช่วงก่อนเดือนพฤษภาคม 2568

          สำหรับช่วงที่เหลือของปี 2568 นาย Teves กล่าวว่า ความสามารถในการจัดสรรงบประมาณของกระทรวงโยธาธิการและทางหลวงในการจัดการโครงการต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพจะเป็นตัวกำหนดว่าภาครัฐจะสามารถใช้จ่ายได้มากเท่าไรจากงบประมาณที่ได้รับ ซึ่งได้รับงบประมาณมากกว่า 1 ล้านล้านเปโซจากงบประมาณแห่งชาติ นอกจากนี้ สภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย เช่น พายุไต้ฝุ่น อาจเป็นอุปสรรคที่ทำให้โครงการโครงสร้างพื้นฐานเกิดความล่าช้า โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง

ที่มา: หนังสือพิมพ์ Business World 

บทวิเคราะห์/ข้อคิดเห็น

·            การใช้จ่ายของภาครัฐในฟิลิปปินส์ในครึ่งแรกของปี 2568 คาดว่าจะชะลอตัวลงเนื่องจากสองปัจจัยสำคัญ ได้แก่ การประกาศห้ามดำเนินโครงการสาธารณะในช่วงเลือกตั้ง และการปรับงบประมาณจากรัฐสภา ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องพิจารณา และจำเป็นต้องมีการวางแผนการบริหารงบประมาณของรัฐบาลในช่วงเวลาดังกล่าวอย่างรอบคอบ แม้ว่าจะมีข้อจำกัดในการดำเนินการโครงการโครงสร้างพื้นฐาน การห้ามดำเนินโครงการสาธารณะช่วงเลือกตั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อป้องกันผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมกับประเทศฟิลิปปินส์

           การชะลอตัวของการใช้จ่ายภาครัฐนี้จะส่งผลกระทบต่อผู้ส่งออกไทยและบริษัทไทยที่ดำเนินธุรกิจในฟิลิปปินส์ โดยผู้ส่งออกไทยอาจเผชิญกับปัญหาค่าใช้จ่ายในการขนส่งที่สูงขึ้นและการขยายตลาดที่ยากลำบาก ขณะเดียวกันบริษัทไทยในฟิลิปปินส์อาจพบกับความล่าช้าในการดำเนินโครงการและต้นทุนที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนทางการเมืองและเศรษฐกิจในช่วงเลือกตั้งอาจทำให้ผู้ประกอบการระมัดระวังในการลงทุนและการสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศ ซึ่งอาจทำให้การสั่งซื้อสินค้าจากไทยในช่วงเวลาดังกล่าวลดลงเช่นกัน

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงมะนิลา

29 มกราคม 2568

thThai