ทางการสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) กำลังเพิ่มความเข้มงวดด้านความปลอดภัยทางอาหาร โดย “เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด” ต่อผลิตภัณฑ์อาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลิตภัณฑ์ที่มีสารแต่งสี ตามที่หน่วยงานภาครัฐประกาศเมื่อเดือนมกราคม ที่ผ่านมา
มาตรการนี้เกิดขึ้นหลังจากที่สหรัฐอเมริกาออกคำสั่งห้ามใช้สีผสมอาหารสังเคราะห์เมื่อวันที่ 17 ม.ค. 2568 สีดังกล่าวถูกแบนจากผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางมานานกว่า 30 ปีแล้ว แต่ปัจจุบัน ยังคงพบในผลิตภัณฑ์อาหารเกือบ 3,000 รายการในสหรัฐฯ รวมถึงขนม ลูกกวาด และของว่าง
สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) ได้ออกประกาศ “ห้าม” การใช้สีย้อมอาหารสังเคราะห์ ” สีแดงหมายเลข 3″ หรือ FD&C Red No.3 ซึ่งเป็นสีที่ใช้ในวงการอาหารและยากันอย่างแพร่หลายแล้ว หลังพบหลักฐานว่า สีดังกล่าวก่อให้เกิดมะเร็งในหนูทดลอง สำนักข่าวรอยเตอร์สระบุว่า ผู้ผลิตที่ใช้สารสีแดงหมายเลข 3 ในกลุ่ม “อาหาร” จะมีเวลาจนถึงวันที่ 15 ม.ค. 2570 ในการปรับสูตรผลิตภัณฑ์ต่างๆ ให้เป็นไปตามข้อกำหนดใหม่นี้ ขณะที่กลุ่มผู้ผลิต “ยาประเภทรับประทาน” มีเวลาปรับสูตรจนถึงวันที่ 18 ม.ค. 2571
มาตรการของยูเออี
ในยูเออี ผลิตภัณฑ์อาหารนำเข้าจะถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวดที่จุดผ่านสินค้า โดยมีหน่วยงานเทศบาลของรัฐ ซึ่งในรัฐดูไบผู้รับผิดชอบคือ Dubai Municipality เป็นหน่วยผู้ตรวจและบังคับใช้ระเบียบการนำเข้าอาหาร นอกจากนี้ยังมีการสุ่มตัวอย่างและทดสอบผลิตภัณฑ์อาหารเป็นประจำเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัย และแน่ใจว่าปลอดภัยต่อการบริโภค
กระทรวงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมของยูเออี (Ministry of Climate Change and Environment) มีหน้าที่ออกระเบียบดำเนินมาตรการเพื่อรับรองความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์อาหาร รวมถึงสารเติมแต่งและสีผสมอาหาร ได้กำหนดขีดจำกัดปริมาณที่อนุญาต เพื่อให้แน่ใจว่าไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพ อ้างอิงจากการประเมินความเสี่ยง มาตรฐานสากล และข้อมูลอ้างอิงจากนานาชาติ โดยมีการอัปเดตข้อกำหนดทางเทคนิคและกฎระเบียบอย่างต่อเนื่องตามหลักวิทยาศาสตร์ เป็นไปตามกฎหมายของยูเออีและข้อตกลงระหว่างประเทศ
ความเคลื่อนไหวระดับโลก
หน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐฯ กำหนดให้บริษัทอาหารมีเวลา 2 ปี และบริษัทยามีเวลา 3 ปี ในการปรับสูตรผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับคำสั่งแบนดังกล่าว
แม้ว่าการตัดสินใจของ FDA จะเน้นที่ความเสี่ยงของการก่อมะเร็ง แต่งานวิจัยอื่น ๆ ยังพบว่า สีผสมอาหารสังเคราะห์อาจส่งผลต่อพฤติกรรมทางระบบประสาทในเด็ก โดยเฉพาะโรคสมาธิสั้น (ADHD) การศึกษากับสัตว์ทดลองยังระบุว่า สีผสมอาหารสังเคราะห์อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระบบสารสื่อประสาทของสมองและเปลี่ยนแปลงโครงสร้างสมองในระดับจุลภาค ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อกิจกรรม ความจำ และการเรียนรู้ของสมอง
ความเห็นของ สคต.ดูไบ
ยูเออีได้บรรจุ Erythrosine (E127) หรือสีแดงหมายเลข 3 ไว้ในรายชื่อสารแต่งสีที่ห้ามใช้ในอาหาร มาตรการนี้แสดงให้เห็นถึงความเข้มงวดของยูเออีในการควบคุมความปลอดภัยของอาหาร โดยสอดคล้องกับมาตรฐานระหว่างประเทศ เช่น สหภาพยุโรป ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ที่ห้ามใช้สารนี้ในอาหารเช่นกัน ยกเว้นในกรณีพิเศษบางประการ การห้ามใช้ Erythrosine (E127) ในอาหารของยูเออีเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการปกป้องสุขภาพของประชาชนและรักษามาตรฐานความปลอดภัยด้านอาหารให้สอดคล้องกับแนวโน้มระดับโลก
————————————