ผู้บริโภคสเปนช้อปน้อยแต่ช้อปบ่อยขึ้น หนุนตลาดโต 4.6% ในปี 2567

ภาพรวมของการเติบโตในปี 2024

ตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคสเปนในปี 2567 มีมูลค่าการซื้อขายรวม 122,000 ล้านยูโร เพิ่มขึ้น 4.6% จากปี 2566 ซึ่งถือเป็นสถิติใหม่ในประวัติศาสตร์ การเติบโตนี้มีปัจจัยสำคัญจากการฟื้นตัวของความต้องการสินค้าซึ่งเพิ่มขึ้น 2% และการปรับราคาสินค้าสูงขึ้น 2.5% ตามรายงานจาก Tendencias del consumidor en 2024

Patricia Daimiel ผู้อำนวยการบริหารของ NIQ Iberia กล่าวว่าปี 2567 ถือเป็นปีแห่งการกลับคืนสู่เสถียรภาพ หลังจากช่วงความผันผวนที่เกิดจากเงินเฟ้อในปี 2565-2566 โดยผู้บริโภคชาวสเปนมีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 500 ยูโรต่อครัวเรือนเมื่อเทียบกับปี 2565 แต่ยังคงเลือกวิธีการบริโภคที่คุ้มค่า เช่น การซื้อสินค้าภายใต้แบรนด์ผู้จัดจำหน่าย หรือ Marca de Distribuidor (MDD) และการจัดโปรโมชั่นของแบรนด์ผู้ผลิต Marca de Fabricante (MDF)

แบรนด์ MDD ทางเลือกที่มาแรง

แบรนด์ผู้จัดจำหน่าย หรือ (MDD) กลายเป็นตัวเลือกหลักสำหรับผู้บริโภคชาวสเปน โดยมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 49% ของยอดขายสินค้าในตะกร้าสินค้า เพิ่มขึ้น 1.3% จากปี 2566 และ 7% เมื่อเทียบกับ 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งความถี่ในการซื้อของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยมีจำนวนครัวเรือนที่มากขึ้น (แต่ขนาดเล็กลง) และการซื้อที่ถี่ขึ้น อย่างไรก็ตาม จำนวนสินค้าต่อการซื้อหนึ่งครั้งลดลง 1%

ซูเปอร์มาร์เก็ตที่โดดเด่นในกลยุทธ์ MDD เช่น Mercadona ที่มีแบรนด์ในเครืออย่าง Hacendado (อาหาร), Bosque Verde (ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด) และ Deliplus (เครื่องสำอาง)

โดยในปี 2567 พบว่าความต้องการฟื้นตัวในทุกหมวดหมู่สินค้า ยกเว้นปลาสดที่ลดลง 5.6% ส่วนสินค้าหลักที่มียอดขายเพิ่มขึ้น ได้แก่ ไข่ +8% เนื้อสัตว์ +4.9% สินค้าแช่เย็น +3.4% น้ำหอมและเครื่องสำอาง +3.4% ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด +3.1% และ ผัก +2.7%

Mercadona แชมป์ค้าปลีก ผู้นำด้านนวัตกรรม เจ้าของแบรนด์ขวัญใจชาวสเปน

ช่องทางร้านค้าปลีกที่ได้รับความนิยมสูงสุดในสเปน คือ ซุปเปอร์มาร์เกต Mercadona ซึ่งมีสาขากว่า 1,600 แห่งทั่วประเทศสเปนและโปรตุเกส มีกลยุทธ์ทางธุรกิจ ที่ให้ความสำคัญกับ 5 มิติ ประกอบด้วย 1) ลูกค้า (หรือ Boss) 2) ลูกจ้าง 3) supplier 4) สังคม 5) ทุน โดยลูกค้านับเป็นบุคคลที่สำคัญที่สุดซึ่งกำหนดว่าร้านจะให้บริการและจำหน่ายอะไร อย่างไร  ทั้งนี้ Mercadona มีศูนย์วิจัยและทดสอบกว่า 22 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งทำการทดลองสินค้าทุกประเภทก่อนจะนำขึ้นวางบนชั้นให้กับผู้บริโภค ในแต่ละปีมีการเชิญผู้บริโภคตรงทั้งคนและสัตว์เลี้ยงไปทดสอบสินค้ากว่า 11,000 ราย อีกทั้งยังมีการผลิตสินค้าสุขภาพความงามภายใต้แบรนด์ของตนในราคาต่ำอีกด้วย  บริษัทให้ความสำคัญกับนวัตกรรมตลอดกระบวนการ ทั้ง process innovation / product innovation / social innovation / collaborative innovation เพื่อพัฒนาสินค้าและบริการให้ตอบโจทย์ผู้บริโภค สร้างความสะดวกสบาย ทำให้สามารถครองสัดส่วนตลาดสูง

แบรนด์ MDF แข่งขันด้วยโปรโมชั่น

ขณะที่แบรนด์ผู้ผลิต หรือ (MDF) เช่น Coca-Cola และ Danone ยังคงมีส่วนแบ่งตลาดในหมวดหมู่สินค้าที่เน้นคุณภาพ เช่น เครื่องดื่ม นม และโยเกิร์ต อย่างไรก็ตาม เพื่อตอบสนองต่อการเติบโตของ MDD แบรนด์ผู้ผลิต (MDF) เพิ่มกิจกรรมส่งเสริมการขายขึ้น 1.1% โดยจากทุก 100 ยูโรที่ใช้กับแบรนด์ผู้ผลิต 25.4 ยูโรมาจากโปรโมชั่น การเพิ่มขึ้นนี้โดดเด่นในหมวดหมู่น้ำหอมและผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนตัว (+1.3%) ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด           (+1.5%) และอาหารแห้ง (+1.8%)

แนวโน้มในปี 2568

สำหรับปี 2568 ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคในสเปนจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยขึ้นอยู่กับปัจจัยทางเศรษฐกิจ เช่น ความผันผวนของราคาวัตถุดิบและสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ อย่างไรก็ตาม การแข่งขันระหว่างแบรนด์ MDD และ MDF จะยังคงดำเนินต่อไป โดยทั้งสองฝ่ายจะมุ่งเน้นการควบคุมราคาสินค้าและรักษาความเชื่อมั่นของผู้บริโภค

ข้อคิดเห็นของ สคต.น็็น

แม้ครัวเรือนสเปนจะยังคงมีความอ่อนไหวต่อราคา แต่ผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะผ่อนคลายความกังวลจากการอดออมหลังช่วงโควิดรวมถึงช่วงวิกฤตเศรษฐกิจจากค่าครองชีพที่สูงขึ้นอย่างมาก คาดว่าในปี 2568 จะกล้าจับจ่ายมากยิ่งขึ้น เป็นโอกาสดีในการขยายตลาดสินค้าและบริการไทย

อย่างไรก็ตาม “ความคุ้มค่า” เป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจของผู้บริโภคในตลาดสเปน ซึ่งสะท้อนให้เห็นจากการเติบโตของแบรนด์ MDD ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยที่ต้องการเจาะตลาดสเปนจึงจำเป็นที่จะต้องคำนึงถึงโครงสร้างราคาตลอดห่วงโซ่การผลิต ตั้งแต่ต้นทางจนถึงส่งมอบยังผู้บริโภค ควบคู่ไปกับคุณภาพมาตรฐาน การทำความเข้าใจตลาดอย่างถ่องแท้ พฤติกรรมผู้บริโภค คู่ค้า คู่แข่ง กฎระเบียบ เนื่องจากตลาดสเปนยังคงมีช่องว่างสำหรับสินค้าใหม่ๆ ในตลาดที่ตอบโจทย์ความต้องการ แต่ต้องอาศัยการสื่อสารการตลาดไปยังผู้บริโภค ซึ่ง สคต. เห็นว่าผู้ประกอบการที่สามารถยกระดับธุรกิจด้วยนวัตกรรมไม่ว่าจะเป็นนวัตกรรมตัวสินค้าหรือบริการ นวัตกรรมเชิงกระบวนการ นวัตกรรมทางสังคม หรือนวัตกรรมในการทำธุรกิจ ย่อมจะส่งผลให้สามารถลดต้นทุน เพิ่มมูลค่า แข่งขันได้และสร้างจุดเด่นที่แตกต่างจากคู่แข่งในตลาดได้อย่างยั่งยืน

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงมาดริด

กุมภาพันธ์ 2568

ที่มา: Inforetail / Mercadona / datacentric