รัฐบาลสหราชอาณาจักรได้ประกาศการจัดเก็บภาษีสินค้าอุปโภคบริโภค (Grocery Tax) โดยมีผลเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2568 ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อลดปริมาณขยะจากบรรจุภัณฑ์ และเพื่อให้สหราชอาณาจักรสามารถเข้าใกล้เป้าหมาย net-zero มากขึ้น แต่ในทางกลับกันผู้บริโภคจะได้รับผลกระทบจากการใช้มาตรการภาษีนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถึงแม้ว่ามาตรการนี้จะมีขึ้นเพื่อให้บริษัทผู้ผลิตคำนึงถึงการใช้บรรจุภัณฑ์ให้น้อยลง หรือเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
ภาคธุรกิจต่างแสดงความกังวลต่อมาตรการนี้เนื่องจากต้นทุนทางธุรกิจสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องซึ่งรวมถึงค่าแรงที่สูงขึ้น นอกจากนี้ British Retail Consortium (BRC) ยังมีการคาดการณ์ว่าราคาอาหารจะเพิ่มขึ้น 4% ในช่วงครึ่งปีแรก และสินค้าอุปโภคบริโภคอื่นต่างมีแนวโน้มราคาเพิ่มสูงขึ้นตามอัตราเงินเฟ้อที่จะยังคงอยู่ที่ 2.6% โดยห้างค้าปลีกจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นประมาณ 7,000 ล้านปอนด์ในปี 2025 เนื่องจากการประกาศขึ้นค่าแรงขึ้นต่ำ และการจัดเก็บภาษีสินค้าอุปโภคบริโภคของรัฐบาลพรรคแรงงาน โดย BRC มีความเห็นว่าภาครัฐอาจชดเชยค่าใช้จ่ายที่เพิ่มสูงขึ้นของร้านค้าปลีกโดยการปรับปรุงภาษีนิติบุคคล (Business rate) ให้อยู่ในอัตราที่ลดลง ทั้งนี้ Department for Environment Food and Rural Affairs มีการประเมินว่าจะมีการผลักภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นนี้ให้แก่ผู้บริโภค 80%-100% โดยผู้บริโภคอาจจะต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่าย 28 – 56 ปอนด์ต่อปี หรือประมาณ 1,400 ล้านปอนด์ต่อปี หากเลือกซื้อสินค้าที่มีบรรจุภัณฑ์เป็นพลาสติก
การจัดเก็บ Grocery Tax ในปี 2025 นี้เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์การมีส่วนรับผิดชอบของผู้ผลิต (Extended Producer Responsibility strategy) ซึ่งจะมีการจัดเก็บค่าธรรมเนียมจากผู้ผลิตในเรื่องบรรจุภัณฑ์ โดยบรรจุภัณฑ์ที่มีส่วนผสมพลาสติกในอัตรา 485 ปอนด์ต่อตัน และบรรจุภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของวัสดุรีไซเคิลหรือกระดาษเรียกเก็บในอัตรา 215 ปอนด์ต่อตัน
ที่มา: Grocery Gazette/The Guardian
ข้อมูลเพิ่มเติม/ ความเห็น สคต.
การเรียกเก็บภาษี Grocery Tax ของสหราชอาณาจักรมีผลเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 โดยการจัดเก็บภาษีนี้จะส่งผลให้ผู้ผลิตมีต้นทุนในการผลิตที่สูงขึ้นเนื่องจากบรรจุภัณฑ์ และมีแนวโน้มว่าผู้บริโภคในสหราชอาณาจักรจะต้องเป็นผู้รับภาระต้นทุนที่ส่งผ่านมาจากผู้ผลิตซึ่งจะส่งผลให้ค่าครองชีพสูงขึ้นนอกเหนือจากอัตราเงินเฟ้อ ทั้งนี้ ผู้ส่งออกไทยควรพิจารณาหาโอกาสศึกษาเรื่องบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และดำเนินการปรับตัวในเรื่องบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ซึ่งอาจจะเป็นส่วนช่วยในการลดต้นทุนด้านภาษีที่จะเพิ่มขึ้นในสินค้า และเป็นทางเลือกสินค้าให้แก่ผู้นบริโภคในสหราชอาณาจักรได้