IMF เผยข้อมูลเศรษฐกิจโลกปี 2025: อินเดีย-บราซิลพุ่งแรง! เติบโตเร็วสุดในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจใหญ่

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้เผยแพร่รายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลกสำหรับปี 2025          ซึ่งให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับอัตราการเติบโตของ GDP และอัตราส่วนหนี้สินต่อ GDP ของ 10 ประเทศเศรษฐกิจชั้นนำของโลก รายงานฉบับนี้ชี้ให้เห็นว่าอินเดียและบราซิลเป็นสองประเทศที่มีอัตราการเติบโตของ GDP สูงที่สุดเมื่อเทียบกับประเทศเศรษฐกิจหลักอื่นๆ ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา  นอกจากนี้ยังระบุว่าหนี้สินของจีนเพิ่มขึ้น ขณะที่แคนาดา เยอรมนี และอิตาลีสามารถลดระดับหนี้ของตนลงได้ ในขณะเดียวกัน เศรษฐกิจของญี่ปุ่นมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง สรุปสาระสำคัญจาก IMF ได้แก่

อินเดีย : ผู้นำการเติบโตทางเศรษฐกิจของโลก

อินเดียเป็นประเทศที่มีอัตราการเติบโตของ GDP สูงที่สุดในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจใหญ่ โดยคาดว่า GDP ของอินเดียจะเพิ่มขึ้นเป็น 4.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2025 จาก 2.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2020 ซึ่งคิดเป็นอัตราการเติบโตถึง 60% อัตราหนี้สินต่อ GDP ของอินเดียยังลดลงจาก 88% เป็น 83% ซึ่งสะท้อนถึงวินัยทางการเงินและการบริหารเศรษฐกิจที่ดีขึ้น

สหรัฐอเมริกา : ยังคงเป็นผู้นำเศรษฐกิจโลก

สหรัฐอเมริกายังคงครองตำแหน่งประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของโลก โดย IMF คาดการณ์ว่า GDP ของสหรัฐฯ จะอยู่ที่ 30.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2025 เพิ่มขึ้นจาก 21.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2020 ซึ่งคิดเป็นอัตราการเติบโต 42% ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ อัตราหนี้สินต่อ GDP ของสหรัฐฯ ลดลงจาก 132% เป็น 124% แม้ว่ารัฐบาลจะใช้จ่ายสูงขึ้น แต่สถานะทางเศรษฐกิจโดยรวมยังคงแข็งแกร่ง

จีน : เผชิญกับภาระหนี้สินที่เพิ่มขึ้น

จีนมีอัตราการเติบโตของ GDP อยู่ที่ 31% ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา โดยคาดว่า GDP จะอยู่ที่ 19.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2025 เพิ่มขึ้นจาก 14.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2020 อย่างไรก็ตาม ความท้าทายหลักของจีนคืออัตราหนี้สินต่อ GDP ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจาก 70% เป็น 94% ซึ่งสะท้อนถึงภาระหนี้ที่สูงขึ้นของรัฐบาลและภาคธุรกิจจีน

เยอรมนี : เติบโตอย่างมั่นคงและลดระดับหนี้สิน

เศรษฐกิจเยอรมนีคาดว่าจะเติบโตเป็น 4.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2025 จาก 3.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2020 อัตราหนี้สินต่อ GDP ของเยอรมนีลดลงจาก 68% เป็น 62% ซึ่งเป็นผลจากการบริหารการเงินที่มีประสิทธิภาพและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น

บราซิล : การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง

บราซิลเป็นอีกประเทศที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง คาดว่า GDP จะเพิ่มขึ้นเป็น 2.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2025 จาก 1.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2020 คิดเป็นอัตราการเติบโต 56% ในขณะเดียวกัน อัตราหนี้สินต่อ GDP ของบราซิลลดลงจาก 96% เป็น 92% แสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการปรับปรุงวินัยทางการคลัง

ข้อคิดเห็น /ข้อมูลเพิ่มเติม

  1. รายงานของ IMF สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจในระดับโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อินเดียและบราซิล ที่สามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็วและมีเสถียรภาพทางการเงินดีขึ้น ในขณะที่จีนต้องเผชิญกับภาระหนี้ที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่สหรัฐอเมริกายังคงครองตำแหน่งมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลก
  2. ในระยะยาว ประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ที่มีศักยภาพสูง เช่น อินเดียและบราซิล อาจกลายเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจแห่งใหม่ที่ดึงดูดการลงทุนและสร้างโอกาสทางธุรกิจมากขึ้น การบริหารจัดการนโยบายการเงินและการคลังที่มีประสิทธิภาพจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ประเทศเหล่านี้เติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต
  3. สำหรับประเทศอินเดีย ด้วยอัตราการเติบโตของ GDP ที่สูงถึง 60% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งได้รับแรงหนุนจากการบริโภคภายในประเทศที่แข็งแกร่ง นโยบายภาครัฐที่ส่งเสริมการลงทุน และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง ความสามารถในการบริหารการคลังที่มีประสิทธิภาพสะท้อนให้เห็นผ่านอัตราหนี้สินต่อ GDP ที่ลดลงจาก 88% เป็น 83% อันเป็นผลมาจากนโยบายภาษีและวินัยทางการเงินที่ดีขึ้น ส่งผลให้อินเดียกลายเป็นศูนย์กลางการลงทุนระดับโลก โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี การผลิต และพลังงานสะอาด ภายใต้นโยบาย Make in India และ Production Linked Incentive (PLI) ที่ช่วยดึงดูดบริษัทข้ามชาติให้เข้ามาตั้งฐานการผลิตในประเทศ เสริมสร้างศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน
  4. เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา รัฐบาลอินเดียได้ประกาศงบประมาณประจำปี 2568 โดยเน้นไปที่การบริหารจัดการด้านการคลังและนโยบายการเงินอย่างสมดุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ปรับลดเป้าหมายการขาดดุลการคลังลงเหลือ 4.4% ของ GDP ในปี 2568-2569 จากเดิมที่ตั้งไว้ที่ 4.8% โดยมาตรการทางการคลังที่กำหนดไว้ในงบประมาณจะสอดรับกับนโยบายการเงินของธนาคารกลางอินเดีย (RBI) เพื่อผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการรักษาเสถียรภาพด้านราคา ในส่วนของนโยบายภาษี รัฐบาลได้ปรับลดภาษีเงินได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยบุคคลที่มีรายได้ไม่เกิน 1.2 ล้านรูปีจะได้รับการยกเว้นภาษี ส่งผลให้ประชาชนมีเงินในมือมากขึ้น กระตุ้นการใช้จ่ายในสินค้าและบริการ และช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโตได้อย่างรวดเร็ว

***************************

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงนิวเดลี

แหล่งที่มา:

https://www.india.com/business/india-china-and-us-imf-economy-fastest-growing-rate-pakistan-bangladesh-japan-economy-rbi-repo-rate-indian-economy-narendra-modi-inflation-financial-crisis-stock-share-international-mark-7604373/

https://apnews.com/article/india-budget-economy-02d8af3bc495ea3e6d8ff25764772fd1

Credit Picture : https://www.infoquest.co.th/

thThai