รายงานข่าวจากหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2568 บังกลาเทศ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตข้าวรายใหญ่ของเอเชียใต้ ยังคงต้องนำเข้าข้าวในบางช่วงเวลาเพื่อรักษาสมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทาน โดยในปี 2566 ประเทศได้นำเข้าข้าวเกือบ 2 ล้านตัน จากหลายประเทศ เช่น อินเดีย ไทย เวียดนาม และเมียนมา
ล่าสุด บังกลาเทศได้ลงนามในสัญญานำเข้าข้าวขาว 100,000 ตัน จากเวียดนาม เพื่อรักษาเสถียรภาพของตลาดอาหารภายในประเทศและตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้น
ข้อมูลจาก สมาคมอาหารเวียดนาม (Vietnam Food Association) รายงานว่าการส่งออกครั้งนี้จะดำเนินการโดย บริษัท Vietnam Southern Food Corporation (Vinafood II)
รายงานของ VietnamNet ระบุว่าราคาส่งออกอยู่ที่ 474.25 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ซึ่งสูงกว่าราคาตลาดโลกทั่วไป สะท้อนถึงคุณภาพที่มั่นคงและชื่อเสียงที่แข็งแกร่งของข้าวเวียดนาม
ข้อเสนอการซื้อนี้ได้รับการอนุมัติจาก สำนักงานคณะกรรมการจัดซื้อภาครัฐของบังกลาเทศ (Bangladesh Public Procurement Authority) ในกรุงธากา ขณะนี้ทั้งสองประเทศอยู่ระหว่างเตรียมการส่งมอบและรับมอบสินค้า
การนำเข้าข้าวในปริมาณมากจากต่างประเทศเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ของบังกลาเทศในการควบคุมราคาข้าวในประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้โครงการ Open Market Sales (OMS) ซึ่งจะเริ่มต้นก่อนรอมฎอน
ภายใต้โครงการดังกล่าว รัฐบาลบังกลาเทศจะจัดสรรข้าว 907 ตันต่อวัน ผ่านศูนย์กระจายสินค้าจำนวน 906 แห่ง ทั่วประเทศ รวมถึงในกรุงธากา เมืองใหญ่ และพื้นที่ที่มีแรงงานหนาแน่น โดยข้าวจะถูกจำหน่ายในราคากิโลกรัมละ 15-30 ตากา (ประมาณ 5-10 บาท ต่อกิโลกรัม หรือประมาณ 243 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน) เพื่อช่วยให้ประชากรรายได้น้อยสามารถเข้าถึงอาหารในราคาที่เหมาะสม
ก่อนหน้านี้ นายอาลี อิหม่าม มามูเดอร์ (Ali Imam Majumder) ที่ปรึกษากระทรวงการอาหารของบังกลาเทศ (เทียบเท่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอาหาร) ระบุว่า บังกลาเทศจะนำเข้าข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านที่มีต้นทุนต่ำ เช่น อินเดีย เมียนมา และปากีสถาน เนื่องจากระยะทางที่ใกล้กัน โดยกล่าวว่า “บังกลาเทศยินดีต้อนรับประเทศเพื่อนบ้านที่สนใจส่งออกข้าวมายังบังกลาเทศ เราแยกการค้าออกจากการเมือง” และระบุเพิ่มเติมว่า รัฐบาลตั้งเป้านำเข้าข้าวประมาณ 8-9 แสนตันจากหลายประเทศในปีนี้ โดยขณะนี้มีข้าวบางส่วนเดินทางมาถึงแล้ว และกระบวนการนำเข้ากำลังดำเนินการร่วมกับหลายประเทศ
ราคาข้าวในตลาดภายในประเทศ
แม้บังกลาเทศจะนำเข้าข้าวอย่างต่อเนื่อง แต่ราคาข้าวในตลาดท้องถิ่นยังไม่ลดลงมากนัก อย่างไรก็ตาม ที่ปรึกษาฯ ยืนยันว่า ราคาข้าวเกรดต่ำลดลงแล้วประมาณ 5 ตากา
เมื่อถูกถามถึงผลกระทบจากสงครามและความไม่มั่นคงทางการเมืองในหลายประเทศ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าจำเป็นในช่วง เดือนรอมฎอน เขาระบุว่า “กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงอาหารมีความพร้อมในการรับมือกับความท้าทายนี้”
ภายใต้ โครงการอาหารราคาประหยัดของกระทรวงอาหาร รัฐบาลจะจัดสรรข้าว 30 กิโลกรัมต่อเดือน ให้กับประชากรรายได้น้อยประมาณ 5 ล้านคน ในราคากิโลกรัมละ 15 ตากา
ที่มาข่าว https://www.tbsnews.net/