คณะกรรมการสรรพากรแห่งชาติ (National Bureau of Revenue-NBR) ของบังกลาเทศ ประกาศแผนปรับเปลี่ยนกฎสัมภาระติดตัวผู้โดยสาร (Baggage Rules) โดยเฉพาะจากเครื่องบินโดยสารขาเข้า เพื่อป้องกันการนำเข้าทองคำและเครื่องประดับหนีภาษี รวมทั้งยังพิจารณาเพิ่มภาษีสำหรับอุตสาหกรรมเครื่องประดับ โดยประธาน NBR นายอับดุล ราห์มาน ข่าน ได้เปิดเผยแนวทางนี้ในที่ประชุมร่วมกับสมาชิกสมาคมผู้ค้าอัญมณีแห่งบังกลาเทศ (Bangladesh Jewellery Association -Bajus) เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2568 ที่สำนักงานใหญ่ NBR ในกรุงธากา
ปัญหาการนำเข้าทองคำผ่านช่องทางสัมภาระหิ้วติดตัว
นายอับดุล ราห์มาน ข่าน ระบุว่า ปัจจุบันมีการใช้ช่องโหว่ในกฎสัมภาระติดตัวผู้โดยสาร เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีและนำเข้าทองคำในปริมาณมาก แม้ว่าภาษีสำหรับการนำเข้าผ่านสัมภาระจะสูงกว่าการนำเข้าเชิงพาณิชย์ถึงสองเท่า แต่กลับพบว่ามีผู้โดยสารที่ยอมเสี่ยงนำเข้าทองคำผ่านช่องทางนี้มีปริมาณสูงอย่างมีนัยสำคัญ
ข้อมูลจากธนาคารกลางแห่งบังกลาเทศเผยว่า ตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นมา มีการนำเข้าทองคำในเชิงพาณิชย์เพียง 119 กิโลกรัมเท่านั้น ขณะที่ทองคำที่ผู้โดยสารหิ้วติดตัวเข้ามา และต้องสำแดงผ่านกฎสัมภาระติดตัวผู้โดยสาร มีจำนวนมากกว่าอย่างชัดเจน สถานการณ์ดังกล่าวสร้างความกังวลให้กับ NBR เนื่องจากเป็นช่องทางที่เอื้อต่อการหลีกเลี่ยงภาษีและส่งผลต่อความโปร่งใสของระบบเศรษฐกิจ
แนวทางแก้ไขของ NBR
เพื่อแก้ไขปัญหานี้ นายข่านยืนยันว่า NBR จะปรับเปลี่ยนกฎสัมภาระติดตัวผู้โดยสารอย่างเร่งด่วน พร้อมทั้งตั้งคำถามถึงการยกเว้น “ภาษีเงินได้ล่วงหน้า” (AIT) สำหรับธุรกิจเครื่องประดับ โดยเน้นย้ำว่า “AIT จะไม่ได้รับการยกเว้นการเรียกเก็บจากสินค้าหมวดนี้ แม้ว่าจะเป็นจำนวนเล็กน้อย”
นอกจากนี้ NBR ยังประกาศแผนจัดตั้งคณะกรรมการระดับสูงเพื่อศึกษาปัญหาและเสนอแนวทางแก้ไขอย่างครอบคลุม โดยเฉพาะในเรื่องของการควบคุมการนำเข้าและปรับปรุงโครงสร้างภาษีสำหรับอุตสาหกรรมเครื่องประดับ
ผลกระทบทางเศรษฐกิจและวิกฤตค่าเงินดอลลาร์
นายข่านยังได้กล่าวถึงสถานการณ์วิกฤตเงินตราต่างประเทศ (Dollar Crisis) ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ โดยระบุว่า ธนาคารกลางแห่งบังกลาเทศยังติดค้างหนี้ชำระค่าใช้จ่ายสำหรับสินค้าจำเป็น เช่น สินค้าข้าวและสินค้าเชื้อเพลิง เนื่องจากปัญหาสำรองเงินตราต่างประเทศที่ลดลง
“ประเทศเราไม่สามารถเดินไปข้างหน้า ได้หากไม่มีสิ่งจำเป็นต่อการดำรงชึวิตของประชาชน เช่น ข้าวหรือเชื้อเพลิง เราได้รับแจ้งจากธนาคารกลางว่า ต้องชำระหนี้ค่านำเข้าสินค้าข้าว ซึ่งหากประเทศไม่สามารถชำระค่าใช้จ่ายเหล่านี้ได้ คุณสามารถจินตนาการถึงความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในระบบธนาคาร” นายข่านกล่าว
เขายังเสริมว่า เมื่อสถานการณ์สำรองเงินตราต่างประเทศกลับมาอยู่ในระดับปกติ รัฐบาลจะยกเลิกข้อจำกัดบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับการจำกัดการนำเข้า
ข้อเสนอจากสมาคมผู้ประกอบการเครื่องประดับ
ในที่ประชุม สมาชิก Bajus ได้เสนอให้ NBR ลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ที่เรียกเก็บจากผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเครื่องประดับด้วย เนื่องจากอัตราภาษีที่สูงในปัจจุบันส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจ นอกจากนี้ ยังเรียกร้องให้รัฐบาลลดแรงจูงใจในการนำเข้าทองคำผ่านช่องทางสัมภาระ และขยายฐานภาษีให้ครอบคลุมผู้ค้าทองคำทั่วประเทศที่ยังไม่ได้อยู่ในระบบ VAT
นายเรปอนูล ฮาซัน รองประธาน Bajus ชี้ให้เห็นถึงอีกหนึ่งปัญหาใหญ่ นั่นคือ ภาษีนำเข้าหินมีค่าหรืออัญมณีที่สูงถึง 151% เป็นอุปสรรคสำคัญต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมเครื่องประดับ โดยเขาเรียกร้องให้รัฐบาลพิจารณาลดภาษีดังกล่าวเพื่อส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจ
ข้อมูลเพิ่มเติม
กฎสัมภาระติดตัวผู้โดยสารของบังกลาเทศ
ในการเดินทางเข้าบังกลาเทศทางเครื่องบินโดยสาร ผู้โดยสารจะต้องผ่านการสแกนสัมภาระติดตัวจากเจ้าหน้าที่ศุลกากรประจำสนามบิน (Dhaka Custom House) ภายใต้กฎสัมภาระติดตัวผู้โดยสารปัจจุบัน ตามพระราชบัญญัติศุลกากร ฉบับที่ 164/2559/26 (แก้ไขถึงวันที่ 1 มิถุนายน 2560) ผู้โดยสารสามารถนำสินค้าต่อไปนี้เพียง 1 ชิ้นโดยไม่เสียภาษี (อากร) ได้แก่ เครื่องเล่นเทป/ทูอินวัน เครื่องเล่นซีดี ดิสก์แมน/วอล์กแมน คอมพิวเตอร์เดสก์ท็อป/แล็ปท็อป (พร้อมแบตเตอรี่) เครื่องสแกนคอมพิวเตอร์ เครื่องพิมพ์ดีดธรรมดาและไฟฟ้า เครื่องพิมพ์ เครื่องโทรสาร ชุดโทรศัพท์ กล้องวิดีโอ (ยกเว้น Hd Cam, DV Cam, BETA Cam และกล้องดังกล่าวใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางวิชาชีพ) กล้องถ่ายรูป/กล้องดิจิทัล เตาอบ หม้อหุงข้าว/หม้อแรงดัน/หัวเตาแก๊ส เครื่องปิ้งขนมปัง/เครื่องทำแซนวิช/เครื่องปั่นอาหาร/เครื่องคั้นน้ำผลไม้/เครื่องทำกาแฟ จักรเย็บผ้าในบ้าน พัดลมตั้งโต๊ะ/พัดลมตั้งพื้น/พัดลมเพดานในครัวเรือน อุปกรณ์กีฬา (สำหรับใช้ส่วนตัว) เครื่องประดับทองคำหนัก 100 กรัม และเครื่องประดับเงิน 200 กรัม (ไม่เกิน 12 ชิ้นต่อประเภท)
นอกจากนั้น ผู้โดยสารสามารถนำสินค้าประเภทผลิตภัณฑ์อย่างใดอย่างหนึ่งตามตารางด้านล่างนี้เข้ามาในประเทศได้ โดยผู้โดยสารต้องชำระอากรตามจำนวนที่ระบุตามตารางแนบ
การนำสินค้าทองคำติดตัว
ผู้โดยสารสามารถนำทองคำติดตัวเข้ามาได้สูงสุด 117 กรัม หรือ 10 โทลา โดยต้องยื่นแบบแสดงรายการที่ด่านศุลกากร โดยมีอากร (ภาษี) ดังนี้
* อากร/ภาษีต่อน้ำหนักทองคำ 11.664 กรัม = 4,000 ตากา
* อากร/ภาษีต่อน้ำหนักทองคำ 117 กรัม = 40,000 ตากา
ทองคำส่วนที่เกิน 117 กรัมจะถูกยึด/กักกันโดยเจ้าหน้าที่ศุลกากร การนำเข้าทองคำแท่งหรือเครื่องประดับทองคำ โดยไม่สำแดงรายการถือเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ผู้ถือทองคำที่ไม่สำแดงรายการจะถูกกักกันและจับกุม และจะมีการดำเนินคดีอาญาและส่งสถานีตำรวจที่ใกล้ที่สุดด้วย
ความเห็นสำนักงาน
1. ความพยายามของรัฐบาลบังกลาเทศในการจัดระเบียบและควบคุมระบบเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในส่วนของอุตสาหกรรมทองคำและเครื่องประดับ เป็นหนึ่งในกลไกสำคัญของเศรษฐกิจ การวางแผนปรับเปลี่ยนกฎสัมภาระติดตัวผู้โดยสาร และการปรับเพิ่มภาษี AIT และ VAT เพื่อสร้างรายได้ให้กับภาครัฐ ช่วยลดการสูญเสียเงินตราต่างประเทศ โดยมุ่งเน้นการนำเข้าสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพ
2. อัตราภาษีนำเข้าและภาษีอื่นๆ ที่ประกอบเป็นภาษีนำเข้ารวมของบังกลาเทศสูงมาก ผู้นำเข้าบังกลาเทศจึงมักหาทางหลบเลี่ยงภาษีโดยวิธีการต่างๆ ที่เป็นการรับทราบโดยทั่วไป ได้แก่ การหิ้วสินค้าเข้ามาตรงๆ และหาทางเจรจาขอลดหย่อนกับศุลกากร หรืออาจจะหลุดจากการตรวจค้น สินค้าที่นำเข้าโดยวิธีนี้มักจะนำไปขายในตลาด เพื่อทดลองตลาด ซึ่งหากสินค้าได้รับความนิยมจากผู้บริโภค ผู้นำเข้ามักจะติดต่อผู้ผลิตเพื่อเจรจานำเข้าให้ถูกต้อง
3. โดยกฎหมายบังกลาเทศ ผู้ประกอบกิจการค้าต่างๆ จะต้องเป็นสมาชิกผู้ประกอบการสินค้านั้นๆ ดังนั้น ผู้ประกอบการจำหน่ายสินค้าเครื่องประดับและอัญมณีในบังกลาเทศจึงสังกัดภายใต้กลุ่มสมาคมผู้ค้าอัญมณีแห่งบังกลาเทศ (BAJUS) และสมาคมผู้ผลิตและส่งออกอัญมณี Bangladesh Jewellery Manufacturers and Exporters Association ตามลำดับ ผู้สนใจทำการค้ากับบังกลาเทศในสินค้าเครื่องประดับอาจติดต่อสมาชิกสมาคมได้
ตารางแนบ