นายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี ได้ประกาศเป้าหมายให้ภาคอุตสาหกรรมสิ่งทอของอินเดียขยายการส่งออกให้ถึง 9 ล้านล้านรูปี ภายในปี 2573 หลังจากปีที่ผ่านมาอินเดียทำยอดส่งออกได้ 3 ล้านล้านรูปี ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ย 7% ขึ้นแท่นผู้ส่งออกสิ่งทอรายใหญ่อันดับ 6 ของโลก เดินหน้านโยบาย “5F” พร้อมดันลงทุนในอุตสาหกรรมรีไซเคิลสิ่งทอ คาดสร้างมูลค่า 400 ล้านดอลลาร์ในประเทศ และ 7.5 พันล้านดอลลาร์ในตลาดโลก
ในการกล่าวเปิดงาน Bharat Tex 2025 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 14-17 กุมภาพันธ์ 2568 ณ กรุงนิวเดลี นายกรัฐมนตรีโมดี ย้ำว่า อินเดียเป็นผู้ส่งออกสิ่งทอรายใหญ่อันดับ 6 ของโลก ด้วยอัตราการเติบโต 7% ต่อปี และมีศักยภาพเติบโตต่อเนื่องผ่านการเปิดตลาดไปยังกว่า 120 ประเทศ งานนี้ยังช่วยส่งเสริมธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (MSMEs) โดยรัฐบาลสนับสนุนให้ภาคธนาคารเพิ่มการเข้าถึงสินเชื่อ เพื่อกระตุ้นการลงทุนและการจ้างงาน และผลักดันให้ภาคธุรกิจพิจารณาลงทุนด้านการรีไซเคิลสิ่งทอ ซึ่งคาดว่าจะเติบโตเป็นอุตสาหกรรมมูลค่า 400 ล้านดอลลาร์ในประเทศ และกว่า 7.5 พันล้านดอลลาร์ตลาดโลกโลก
ที่ผ่านมา การเติบโตของอุตสาหกรรมสิ่งทออินเดียได้รับแรงหนุนจากนโยบายและการสนับสนุนจากรัฐบาลมาโดยตลอด โดยเฉพาะนโยบาย 5F (Farm to Fiber, Fiber to Factory, Factory to Fashion, Fashion to Foreign) ซึ่งเป็นกรอบแนวคิดที่รัฐบาลอินเดียใช้ในการส่งเสริมอุตสาหกรรมสิ่งทอแบบครบวงจร ตั้งแต่การเพาะปลูกวัตถุดิบไปจนถึงการส่งออกสินค้าแฟชั่นสู่ตลาดโลก รวมถึงโครงการ PM MITRA (Mega Integrated Textile Region and Apparel Parks) ซึ่งเป็นการพัฒนาเขตอุตสาหกรรมสิ่งทอขนาดใหญ่ 7 แห่งทั่วประเทศ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้านการผลิตและการส่งออก ซึ่งตั้งอยู่ในรัฐต่าง ๆ ได้แก่ ทมิฬนาฑู เตลังคานา คุชราต มหาราษฏระ มัธยประเทศ อุตตรประเทศ และ กรณาฏกะ เป็นต้น โดยปัจจุบัน อุตสาหกรรมสิ่งทอมีสัดส่วนการจ้างงานสูงสุดในภาคการผลิตของอินเดีย คิดเป็น 11% ของแรงงาน ภาคอุตสาหกรรมทั้งหมด อีกทั้งการลงทุนจากต่างประเทศในภาคสิ่งทอเพิ่มขึ้นถึงสองเท่าในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา
แนวโน้มตลาดและผลกระทบต่อไทย
ปัจจุบัน อินเดียเป็นหนึ่งในผู้ส่งออกสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มรายใหญ่ของโลก โดยมีสัดส่วนการค้าสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม (T&A) คิดเป็น 3.9% ของตลาดโลก ตลาดหลักของอินเดียคือสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป ซึ่งรวมกันคิดเป็น 47% ของการส่งออกสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มทั้งหมดของประเทศ
ผู้เชี่ยวชาญมองว่า อินเดียได้รับประโยชน์จากปัจจัยทางการเมืองในภูมิภาค เช่น ความไม่มั่นคงทางการเมืองในบังกลาเทศ ซึ่งส่งผลให้ยอดการส่งออกผลิตภัณฑ์จากปอ (Jute) เพิ่มขึ้นถึง 44% ในเดือนตุลาคม 2567 คิดเป็นมูลค่า 36 ล้านดอลลาร์ และการส่งออกเสื้อผ้าสำเร็จรูปเติบโต 35% จาก 909 ล้านดอลลาร์ในเดือนตุลาคม 2566 เป็น 1,227 ล้านดอลลาร์ในเดือนเดียวกันของปี 2567
สำหรับไทยการขยายตัวของอุตสาหกรรมสิ่งทออินเดียอาจส่งผลกระทบต่อการแข่งขันในตลาดโลก เนื่องจากอินเดียเป็นคู่แข่งสำคัญของไทยในตลาดสิ่งทอ อย่างไรก็ตาม ไทยสามารถใช้โอกาสจากความต้องการวัตถุดิบและเส้นใยจากอินเดียในการเพิ่มปริมาณการส่งออก นอกจากนี้ ผู้ประกอบการไทยควรจับตามองแนวโน้มการพัฒนาอุตสาหกรรม รีไซเคิลสิ่งทอซึ่งเป็นที่ต้องการในตลาดแฟชั่นที่มุ่งเน้นความยั่งยืน ซึ่งอาจเปิดโอกาสให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านการผลิตเส้นใยรีไซเคิลสำหรับตลาดเอเชียได้
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงนิวเดลี
20 กุมภาพันธ์ 2568
แหล่งข้อมูล:
https://www.pmindia.gov.in/en/news_updates/pm-addresses-the-bharat-tex-2025/