แนวโน้มสินค้าอาหารออร์แกนิกจากงานแสดงสินค้า BIOFACH 2025 ประเทศเยอรมนี

งานแสดงสินค้า BIOFACH เป็นงานแสดงสินค้าอาหารเกษตรอินทรีย์ที่ใหญ่และสำคัญงานหนึ่งของโลก สินค้าที่นำมาแสดงจะต้องได้รับการรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์สากล (iFoam) จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ซึ่งในปีนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 11 – 14 กุมภาพันธ์ 2568 ณ ศูนย์การแสดงสินค้า Nürnberg Messe เมืองเนิร์นแบร์ก ประเทศเยอรมนี มีผู้เข้าร่วมแสดงสินค้ากว่า 2,300 บริษัท จาก 94 ประเทศ และผู้เข้าชมงานกว่า 35,000 ราย จาก 140 ประเทศ โดยมีผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมจัดแสดงและเจรจาการค้าภายใต้คูหาประเทศไทยทั้งสิ้น 12 บริษัท โดยในปี 2569 มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 10 – 13 กุมภาพันธ์ 2569

ภาพรวมตลาดสินค้าอาหารออร์แกนิกในเยอรมนี ปี 2567/2568

จากรายงานของสมาพันธ์อุตสาหกรรมอาหารออร์แกนิแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี (Bund Ökologische Lebensmittelwirtschaft: BOWL) พบว่า ในปี 2567 มูลค่ายอดขายสินค้าอาหารออร์แกนิก ประมาณ 17,000 ล้านยูโร เป็นการสร้างสถิติใหม่ยอดขายสูงสุดของตลาดสินค้าอาหารออร์แกนิกในเยอรมนีโดยยอดขายเติบโตขึ้นประมาณร้อยละ 5.7 เมื่อเทียบกับปี 2566 และเมื่อเทียบกับปี 2562 ยอดขายสินค้าออร์แกนิกในเยอรมนีเติบโตขึ้นถึงร้อยละ 37 และคาดการณ์ว่าสินค้าอาหารออร์แกนิกจะยังคงมีแนวโน้มเชิงบวกสำหรับปี 2568 สินค้าออร์แกนิกที่ได้รับความนิยมในเยอรมนี อาทิ นมวีแกนจากพืช ผลิตภัณฑ์ทดแทนเนื้อสัตว์จากพืช แป้ง ผลิตภัณฑ์จากนม และไข่ เป็นต้น นอกจากนี้ ยอดขายกลุ่มสินค้าอาหารแห้งออร์แกนิกยังขยายตัวเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 10.2 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าโดยรวมแล้วตลาดอาหารออร์แกนิกในเยอรมนีมีการขยายตัวต่อเนื่องทุกปี และได้ก้าวผ่านการเป็นตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) ไปสู่การเป็นตลาดกระแสหลักอย่างเต็มตัว ครองส่วนแบ่งตลาดประมาณร้อยละ 7 ของตลาดสินค้าอาหารทั้งหมดในเยอรมนี โดยสัดส่วนการบริโภคสินค้าอาหารออร์แกนิกเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มของผู้บริโภคในประเทศ และศักยภาพของตลาดที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง

จากการสำรวจผู้บริโภคชาวเยอรมัน 9,842 ครัวเรือนทั่วเยอรมนีของสมาพันธ์อุตสาหกรรมอาหารออร์แกนิกแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี (Bund Ökologische Lebensmittelwirtschaft: BOWL) พบว่าชาวเยอรมันร้อยละ 97 เคยซื้อสินค้าอาหารออร์แกนิก ทั้งนี้ อุปสรรคในการเลือกซื้อสินค้าออร์แกนิก ได้แก่ ราคาที่แพงกว่าสินค้าอาหารปกติ (ร้อยละ 38) ความหลากหลายของสินค้าอาหารออร์แกนิก (ร้อยละ 24) คุณภาพอาหารออร์แกนิก (ร้อยละ 20)  อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันซูเปอร์มาร์เก็ตรายใหญ่ในเยอรมนีเพิ่มความหลากหลายของสินค้าออร์แกนิกบนชั้นวางมากขึ้น โดยส่วนใหญ่จะขายสินค้าออร์แกนิกแบรนด์ของตัวเอง (House Brand) และไม่ตั้งราคาสินค้าอาหารออร์แกนิกสูงกว่าอาหารปกติมากนัก เพื่อให้ผู้บริโภคหันมาบริโภคสินค้าออร์แกนิกมากขึ้น

แนวโน้มสินค้าตลาดสินค้าอาหารออร์แกนิกจากงานแสดงสินค้า BIOFACH 2025

สินค้าอาหารที่ได้รับรางวัลผลิตภัณฑ์นวัตรกรรมใหม่ยอดเยี่ยมในงาน BIOFACH ได้แก่

1. สินค้าอาหารสด (Fresh food)

บริษัท Bunte Burger GmbH / สินค้า Burger BackVish Style – Jackfruit and Chickpea

2. สินค้าอาหารแช่แข็ง (Frozen food)

บริษัท followfood GmbH / สินค้า Organic Pizza Ton-No Vegan

3. ผลิตภัณฑ์อาหารสำหรับปรุงอาหารและอบขนม (Grocery products: cooking and baking)

บริษัท Biovegan GmbH / สินค้า My Vegan Burger Patties

4. สินค้าอาหารสำเร็จรูปหมวดขนมขบเคี้ยวและของหวาน (Grocery products: snacks and sweets)

บริษัท Biovegan GmbH / สินค้า My Mug Cake

5. สินค้าอาหารสำเร็จรูปอื่นๆ (Other grocery products)

บริษัท SONNENTOR Kräuterhandels GmbH / สินค้า Bitter Spray Naturally BITTER org. 50 ml

6. สินค้าเครื่องดื่ม (Drinks)

บริษัท Biovegan GmbH / สินค้า Real Meal – Real Meal – ready-to-drink meal

7. สินค้าวัตถุดิบ สารปรุงแต่ง และสารเสริม (Raw materials, additives, processing aids)

บริษัท Organic Plant Protein A/S / สินค้า SunbeanPRO Cuts

นอกจากนี้ มีสินค้าจากผู้ประกอบการไทยได้รับคัดเลือกนำแสดงในบริเวณพื้นที่จัดแสดงสินค้าพิเศษ ได้แก่
• พื้นที่แสดงสินค้า Novelty Stand
บริษัท ชีวาดี โปรดักส์ จำกัด / สินค้าน้ำปลาออร์แกนิกวีแกนจากน้ำตาลดอกมะพร้าว

บริษัท ผลิตภัณฑ์อาหารเมอริท จำกัด / สินค้า RICO LATTE น้ำนมข้าวออร์แกนิก

บริษัท นอร์ธเทอร์น ฟู้ด คอมเพล็กซ์ จำกัด / สินค้า Organic Fairtrade Miso Ramen

บริษัท เค. อาร์. เอส. สไปร์ซี่ ฟู๊ดส์ จำกัด / สินค้า Green Curry Udon

บริษัท ฟู้ดเดิ้ล นู้ดเดิ้ล จำกัด / สินค้า High fiber brown rice vercelli

โอกาสของผู้ประกอบการไทยในอุตสาหกรรมสินค้าอาหารออร์แกนิกสำหรับตลาดเยอรมนี

สินค้าอาหารออร์แกนิกมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่องในอนาคต เป็นผลมาจากเทรนด์ด้านการดูแลรักษาสุขภาพ และความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะในตลาดประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น ยุโรป สวิสเซอร์แลนด์ อเมริกา ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นหลัก ตลาดยุโรปเป็นตลาดที่มีศักยภาพ ผู้บริโภคมีกำลังซื้อ และมีความต้องการสินค้าที่มีคุณภาพ นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์อาหารไทยเป็นที่รู้จักในเยอรมนีอย่างแพร่หลาย และประเทศไทยเป็นแหล่งทรัพยากรและวัตถุดิบสินค้าเกษตรที่มีความหลากหลาย และมีคุณประโยชน์มากมาย ผู้ประกอบการควรใช้โอกาสนี้ในการพัฒนาและปรับปรุงสินค้าให้สอดคล้องตามความต้องการของผู้บริโภคยุโรป รวมถึงการผลิตสินค้าให้ได้มาตรฐานสม่ำเสมอตามระเบียบที่กำหนด

ที่มา: www.biofach.de, www.boelw.de

แหล่งภาพอ้างอิง: NürnbergMesse / Thomas Geiger