แรงงานฟิลิปปินส์ส่งเงินกลับทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3.45 หมึ่นล้านเหรียญสหรัฐฯ

 

         ธนาคารกลางฟิลิปปินส์ (Bangko Sentral ng Pilipinas: BSP) เปิดเผยว่า การส่งเงินกลับประเทศของแรงงานฟิลิปปินส์ในต่างประเทศ (Overseas Filipino Workers: OFWs) ในปี 2567 ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3.45 หมึ่นล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 จากมูลค่า 3.35 หมึ่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2566 ซึ่งเป็นไปตามประมาณการของ BSP ที่คาดการณ์การเติบโตของเงินโอนกลับประเทศไว้ที่ร้อยละ 3

          โดยในเดือนธันวาคม 2567 เพียงเดือนเดียว เงินโอนผ่านระบบธนาคาร (Cash Remittances) มีมูลค่า 3.38 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 จากมูลค่า 3.28 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อเทียบกับ เดือนธันวาคม 2566 ซึ่งนับเป็นระดับที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์สำหรับการโอนเงินกลับประเทศรายเดือน โดยในเดือนธันวาคม 2567 เงินโอนกลับจากแรงงานบก (land-based workers) เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.7
อยู่ที่มูลค่า 2.71 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ขณะที่แรงงานในทะเล (sea-based workers) มีการเงินโอนกลับเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.6 คิดเป็นมูลค่า 669.28 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สำหรับทั้งปี 2567 เงินโอนกลับจากแรงงานบก อยู่ที่ 2.76 หมึ่นล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.4 จากมูลค่า 2.66 หมึ่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2566
ส่วนเงินโอนกลับจากแรงงานในทะเลเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.3 อยู่ที่มูลค่า 6.94 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

         สำหรับเงินโอนส่วนบุคคล (Personal Remittances) ซึ่งรวมถึงการโอนในรูปแบบอื่นๆ นอกเหนือจากเงินสด ในเดือนธันวาคม 2567 เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 อยู่ที่มูลค่า 3.73 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อเทียบกับเดือนธันวาคม 2566 จากมูลค่า 3.62 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่งผลให้ยอดเงินโอนกลับส่วนบุคคลทั้งปี 2567 อยู่ที่ 3.83 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 จากปี 2566 จากมูลค่า 3.72 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ และนับเป็นสถิติสูงสุดใหม่ของเงินโอนกลับส่วนบุคคล โดยมูลค่าดังกล่าวคิดเป็นร้อยละ 8.3 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) และร้อยละ 7.4 ของรายได้ประชาชาติรวม (GNI) ของประเทศ

          BSP ระบุว่า การเติบโตของการเงินโอนกลับประเทศ ในปี 2567 มาจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนเงินที่โอนกลับจากสหรัฐอเมริกา ซาอุดีอาระเบีย สิงคโปร์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป็นหลัก โดยสหรัฐอเมริกาเป็นแหล่งเงินโอนกลับประเทศที่ใหญ่ที่สุด คิดเป็นร้อยละ 40.6 ของเงินโอนทั้งหมด ตามด้วยสิงคโปร์ (ร้อยละ 7.2) ซาอุดีอาระเบีย (ร้อยละ 6.4) ญี่ปุ่น (ร้อยละ 4.9) สหราชอาณาจักร (ร้อยละ 4.7)สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ร้อยละ 4.4) แคนาดา (ร้อยละ 3.6) กาตาร์ (ร้อยละ 2.8) ไต้หวัน (ร้อยละ 2.7) และเกาหลีใต้ (ร้อยละ 2.5) ตามลําดับ ทั้งนี้ BSP คาดว่าเงินโอนในปี 2568 จะยังคงเติบโตในอัตราร้อยละ 3

          นาย John Paolo R. Rivera นักวิจัยอาวุโสจากสถาบัน Philippine Institute for Development Studies กล่าวว่า การเติบโตของเงินโอนในปี 2567 สะท้อนถึงความสามารถของแรงงานฟิลิปปินส์ในต่างประเทศที่ยังคงสนับสนุนเศรษฐกิจฟิลิปปินส์อย่างต่อเนื่อง โดยการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในสหรัฐอเมริกา ภูมิภาคตะวันออกกลาง และเอเชียแปซิฟิก ส่งผลให้ค่าแรงและโอกาสการจ้างงานสำหรับ OFWs เพิ่มขึ้น ซึ่งช่วยกระตุ้นการเติบโตของเงินโอนกลับประเทศ นอกจากนี้ ยังชี้ให้เห็นว่าอัตราแลกเปลี่ยนเปโซที่อ่อนค่าลงในช่วงปลายปี 2567 ทำให้มูลค่าเงินโอนที่ส่งกลับประเทศเพิ่มขึ้น โดยสิ้นปี 2567 เปโซ อยู่ที่ระดับ 57.85ต่อเหรียญสหรัฐฯ อ่อนค่าลงร้อยละ 4.28 จากสิ้นปี 2566 ที่ระดับ 55.37 ต่อเหรียญสหรัฐฯ และเคยถึงระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 59 เปโซต่อเหรียญสหรัฐฯ ถึง 3 ครั้งในปีที่ผ่านมา โดย นาย John Paolo R. Rivera เสริมว่า สำหรับปี 2568 คาดว่าเงินโอนจะยังคงเป็นปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตที่มั่นคงของประเทศ เนื่องจากความต้องการแรงงานต่างชาติในภาคสุขภาพ เทคโนโลยี และอาชีพที่มีทักษะยังคงมีอยู่ รวมถึงอัตราแลกเปลี่ยนที่เอื้ออำนวยอาจกระตุ้นให้มีการโอนเงินมากขึ้น นอกจากนี้ ข้อตกลงของรัฐบาลและนโยบายในการส่งแรงงานอาจเปิดโอกาสสู่ตลาดงานใหม่ๆ ได้ อย่างไรก็ตาม ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์และภาวะเศรษฐกิจโลกที่อาจชะลอตัวก็อาจเป็นปัจจัยลบต่อการเติบโตของเงินโอนกลับประเทศเช่นกัน โดยรวมแล้ว คาดว่าการโอนเงินกลับประเทศจะเติบโตเล็กน้อย ยกเว้นการหยุดชะงักทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ การเงินโอนกลับประเทศที่แข็งแกร่งจะยังคงสนับสนุนการใช้จ่ายของภาคครัวเรือนและช่วยขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจและภาคบริโภคต่อไป

          นาย Michael L. Ricafort หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จาก Rizal Commercial Banking Corp. กล่าวว่า การเพิ่มขึ้นของเงินโอนกลับประเทศยังเกิดจากปัจจัยตามช่วงวันหยุดในฟิลิปปินส์ โดยในเดือนธันวาคม OFWs จะส่งเงินกลับประเทศเพิ่มเติมเพื่อช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายในช่วงวันหยุดสำหรับครอบครัว นอกจากนี้ การมีแพลตฟอร์มการโอนเงินดิจิทัลที่รวดเร็วและมีค่าใช้จ่ายที่ถูกลงยังช่วยส่งเสริมให้มีการโอนเงินมากขึ้น และการโอนเงินกลับเติบโตอย่างต่อเนื่องประมาณร้อยละ 3 ต่อปีในช่วงเวลาหลายเดือนและหลายปีที่ผ่านมาและคาดว่าจะเติบโตในทํานองเดียวกันในอนาคต อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนจากนโยบายการค้า ของประธานาธิบดี Donald J. Trump อาจส่งผลกระทบต่อเงินโอนกลับ โดยการขึ้นภาษีศุลกากรและนโยบายชาวอเมริกันต้องมาก่อน (America-first) อาจชะลอการค้า การลงทุน การจ้างงาน รวมถึงกระทบงานของ OFWs และการเติบโตทางเศรษฐกิจของโลกโดยรวมอีกด้วย ซึ่งคาดว่าจะเรียกเก็บภาษีสำหรับสินค้าที่สหรัฐฯ นำเข้ามาทั้งหมด หลังจากที่เมื่อต้นเดือนนี้ได้เรียกเก็บภาษี ร้อยละ 10 สำหรับสินค้านำเข้าของจีนทั้งหมดไปยังสหรัฐฯ

ที่มา: หนังสือพิมพ์ The Philippine Starบทวิเคราะห์และข้อคิดเห็น

รายได้จากการส่งเงินกลับประเทศของแรงงานฟิลิปปินส์ในต่างประเทศ (OFWs) มีความสำคัญอย่างมากต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศฟิลิปปินส์ เนื่องจากเป็นแหล่งเงินหมุนเวียนที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการบริโภคภายในประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยฟิลิปปินส์เป็นประเทศที่จำเป็นต้องพึ่งพารายได้จากแรงงานย้ายถิ่นฐานมากที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และยังถือเป็นแหล่งสำรองเงินตราต่างประเทศขนาดใหญ่โดยในปี 2567 ยอดเงินส่งกลับประเทศของ OFWs ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3.45 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 จากปี 2566 ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 8.3 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)และร้อยละ 7.4 ของรายได้ประชาชาติรวม (GNI) ของประเทศ โดยเฉพาะในเดือนธันวาคม 2567 เพียงเดือนเดียว เงินโอนผ่านระบบธนาคาร (Cash Remittances) มีมูลค่า 3.38 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า และนับเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์สำหรับการโอนเงินกลับประเทศรายเดือน ดังนั้น จึงเป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบการไทยในการขยายการส่งออกเข้าสู่ฟิลิปปินส์เพิ่มมากขึ้น
เพื่อรองรับกับการเติบโตของเศรษฐกิจของฟิลิปปินส์ในอนาคต และผู้ประกอบการควรติดตามและประเมินสถานการณ์ตลาดฟิลิปปินส์อย่างใกล้ชิดเพื่อวางแผนและปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องและเหมาะสมต่อไป

————————————-

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงมะนิลา

กุมภาพันธ์ 2568

thThai