นครฉงชิ่งตั้งอยู่ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน มีประชากรประมาณ 30 ล้านคน หลังจากเศรษฐกิจของนครฉงชิ่งได้พัฒนาอย่างรวดเร็วและรายได้ของประชากรจีนเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ผู้บริโภค ชาวนครฉงชิ่งมีความต้องการผลไม้นำเข้ามากขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลไม้ไทยที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวได้รับความนิยมจากผู้บริโภคชาวนครฉงชิ่งเป็นอย่างมาก อาทิ ทุเรียน มังคุด ลำไย เป็นต้น

  1. ตลาดค้าส่งผลไม้ซวงฝูนครฉงชิ่ง

ตลาดค้าส่งผลไม้ซวงฝู นครฉงชิ่ง ตั้งอยู่ในเขตเจียงจิน นครฉงชิ่ง โดยเปิดให้บริการเมื่อวันที่  13 กรกฎาคม 2558 และครอบคลุมพื้นที่ 290 หมู่ ประมาณ 120.84 ไร่ (1 ไร่เท่ากับ 2.4 หมู่) มีร้านค้า 1,252 แห่ง และคลังสินค้าห้องเย็น 394 แห่ง มีผู้ประกอบการกว่า 2,000 รายเข้ามาดำเนินธุรกิจ ซึ่งนับเป็น ตลาดค้าส่งผลไม้ที่มีขนาดใหญ่และมีความสำคัญมากในนครฉงชิ่ง

1.1 จุดเด่นของตลาดค้าส่งผลไม้ซวงฝูนครฉงชิ่ง

ตลาดค้าส่งผลไม้ซวงฝู นครฉงชิ่ง มีจุดเด่นหลายประการที่เอื้อต่อการนำเข้าและกระจาย ผลไม้ไทย ดังนี้

 1) ทำเลที่ตั้งที่ได้เปรียบและระบบโลจิสติกส์ที่ครบวงจร ตลาดค้าส่งผลไม้ซวงฝู นครฉงชิ่ง    ห่างจากใจกลางนครฉงชิ่งเพียง 50 กิโลเมตร และห่างจากนครเฉิงตู 200 กิโลเมตร ติดกับสถานีรถไฟ สนามบินนานาชาติเจียงเป่ย และท่าเรือริมฝั่งแม่น้ำแยงซีเกียง ด้วยเหตุนี้ ตลาดซวงฝูจึงกลายเป็นศูนย์รวบรวม กระจาย และจำหน่ายผลไม้ที่สำคัญในภาคตะวันตกของจีน

2) โครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย มีระบบการค้าอิเล็กทรอนิกส์และระบบชำระเงินที่ทันสมัย รวมถึงศูนย์ตรวจสอบคุณภาพสินค้า และระบบห้องเย็นที่ได้มาตรฐาน เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการและลูกค้า พร้อมรักษาคุณภาพและความสดของผลไม้

3) การบริหารจัดการที่สมบูรณ์แบบ ทีมงานบริหารให้ความสำคัญกับการพัฒนาสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ มีการอำนวยความสะดวกในกระบวนการซื้อขาย และมีบริการหลังการขายที่ครบวงจร

1.2  ผู้นำเข้าผลไม้ไทยรายใหญ่

บริษัท Chongqing Jinguoyuan Trading Co.,Ltd. เป็นผู้นำเข้าลำไยไทยรายใหญ่ที่สุดในจีน โดยปริมาณการนำเข้าลำไยสดจากไทยของบริษัทฯ ประมาณ 80,000-100,000 ตันต่อปี และทางบริษัทได้จัดตั้งร้านค้าและคลังสินค้าห้องเย็นในตลาดค้าส่งผลไม้ซวงฝู เพื่อกระจายลำไยไทยไปยังทั่วนครฉงชิ่งและพื้นที่ใกล้เคียง

1.3  ผลไม้ไทยยอดนิยมในตลาดค้าส่งผลไม้ซวงฝู นครฉงชิ่ง

ตลาดค้าส่งผลไม้ซวงฝูนครฉงชิ่งไม่เพียงแต่เป็นแหล่งกระจายผลไม้ท้องถิ่นเท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งกระจายผลไม้นำเข้าที่สำคัญอีกด้วย โดยมีการจัดสรรพื้นที่การค้าต่างๆ เช่น พื้นที่ผลไม้สด 4 ฤดู พื้นที่ผลไม้นำเข้า และพื้นที่ผลไม้ตามฤดูกาล เป็นต้น ผลไม้ที่จำหน่ายรวมแล้วมากกว่า 100 ชนิด ปริมาณ การซื้อขายเฉลี่ย 3,000 ตันต่อวัน และปริมาณการซื้อขายมากกว่า 1 ล้านตันต่อปี สำหรับผลไม้ไทยที่ วางจำหน่ายในตลาดมีหลากหลายชนิด โดยผลไม้ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ได้แก่ ทุเรียนหมอนทอง มังคุด ลำไย มะพร้าวน้ำหอม และส้มโอ ตลาดค้าส่งผลไม้ซวงฝู นครฉงชิ่งนอกจากสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคชาวนครฉงชิ่งแล้ว ยังสามารถกระจายไปยังพื้นที่ใกล้เคียง ได้แก่ มณฑลเสฉวน มณฑลหูเป่ย และมณฑลกุ้ยโจว

  1. เส้นทางการขนส่งผลไม้ไทยมายังนครฉงชิ่ง

การขนส่งผลไม้ไทยมายังนครฉงชิ่งมีหลากหลายเส้นทาง โดยแต่ละวิธีมีข้อดีและข้อจำกัดแตกต่างกัน ดังนี้

2.1 ทางบก

เส้นทาง R3A (ไทย – ลาว – จีน)

  • เส้นทาง: เชียงของ → ห้วยซาย → บ่อเต็น → โม่ฮาน → คุนหมิง → นครฉงชิ่ง
  • ระยะเวลา: 3-5 วัน
  • ประเภทผลไม้: เหมาะสำหรับผลไม้ที่มีอายุการเก็บรักษานานปานกลาง อาทิ ทุเรียน มังคุดลำไย เป็นต้น

เส้นทาง R9 (ไทย – ลาว – เวียดนาม – จีน)

  • เส้นทาง: มุกดาหาร → สะหวันนะเขต → แดนสะหวัน → ลาวบ่าว → หลั่งเซิน

→ โหย่วอี้กวาน →นครหนานหนิง → เมืองกุ้ยหยาง → นครฉงชิ่ง

  • ระยะเวลา: 4-5 วัน
  • ประเภทผลไม้:เหมาะสำหรับผลไม้ที่มีอายุการเก็บรักษานานปานกลาง อาทิ ทุเรียน มังคุดลำไย เป็นต้น

เส้นทาง R12 (ไทย – ลาว – เวียดนาม – จีน)

  • เส้นทาง: นครพนม → ท่าแขก → ด่านนาพาว → จาลอ → หลั่งเซิน →

โหย่วอี้กวาน → นครหนานหนิง →เมืองกุ้ยหยาง → นครฉงชิ่ง

  • ระยะเวลา: 4-5 วัน
  • ประเภทผลไม้: เหมาะสำหรับผลไม้ที่มีอายุการเก็บรักษานานปานกลาง อาทิ ทุเรียน มังคุด

ลำไย เป็นต้น

2.2 ทางเรือเชื่อมโยงทางราง/ทางบก (ต้นทุนต่ำแต่ใช้เวลานาน)

เส้นทางที่ 1: ไทย (ทางบก) → ท่าเรือแหลมฉบัง (ทางเรือ) → ท่าเรือในจีน (ทางราง)

→ นครฉงชิ่ง

เส้นทางที่ 2: ไทย (ทางบก) → ท่าเรือแหลมฉบัง (ทางเรือ) → ท่าเรือในจีน (ทางบก)
→ เมืองกุ้ยโจว → นครฉงชิ่ง

  • ระยะเวลา: 7-10 วัน
  • ประเภทผลไม้: เหมาะสำหรับการขนส่งปริมาณมาก ผลไม้ที่เก็บรักษานาน อาทิ ส้มโอมะพร้าว เป็นต้น  

2.3 ทางราง (ทางเลือกใหม่ที่มีประสิทธิภาพ)

เส้นทางรถไฟจีน-ลาว:

  • เส้นทาง: ไทย (ทางบก) → สถานีเวียงจันทน์ใต้ → สถานีโม่ฮาน → ศูนย์โลจิสติกส์

เสี่ยวหนานหย่า → ตลาดค้าส่งผลไม้ซวงฝู

  • ระยะเวลา: 4-5 วัน
  • ข้อได้เปรียบ: ประหยัดเวลาและต้นทุนเมื่อเทียบกับการขนส่งทางเรือแบบดั้งเดิม และสามารถรักษาคุณภาพผลไม้ได้ดี

2.4 ทางอากาศ (รวดเร็วแต่ต้นทุนสูง)

การขนส่งผลไม้ไทยผ่านทางอากาศมายังสนามบินนานาชาติเจียงเป่ย นครฉงชิ่ง เป็นวิธีการขนส่งที่รวดเร็วที่สุด แต่มีต้นทุนสูงสุดเช่นกัน โดยทั่วไปเหมาะสำหรับผลไม้บางชนิดที่มีราคาสูง ผลไม้พรีเมี่ยม ผลไม้ที่เน่าเสียง่าย และต้องการความรวดเร็วในการขนส่งสูง เช่น ทุเรียนพรีเมี่ยม มังคุดพรีเมี่ยม เป็นต้น

  1. การค้าระหว่างไทย-นครฉงชิ่งในปี 2567

ในปี 2567 ข้อมูลจาก GTA ระบุว่า การค้าระหว่างไทย-นครฉงชิ่งมีมูลค่ารวม 3,092.87 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 31.70 จากปีก่อน โดยแยกเป็น นครฉงชิ่งนำเข้าจากไทยมีมูลค่า 945.55 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 22.70 นครฉงชิ่งส่งออกไปไทยมีมูลค่า 2,147.32 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 90.83 ในขณะที่ฉงชิ่งนำเข้าทุเรียนจากไทยเป็นอันดับ 1 มีมูลค่า 92.34  ล้านเหรียญสหรัฐฯ  ลดลงร้อยละ 71.64 เมื่อเทียบกับปีก่อน

  1. คู่แข่งหลักในตลาดนครฉงชิ่ง

1) เวียดนาม คู่แข่งสำคัญของไทยในตลาดผลไม้นครฉงชิ่ง โดยเฉพาะทุเรียน เนื่องจากมีข้อได้เปรียบด้านต้นทุนการขนส่งที่ต่ำกว่า

2) มาเลเซีย คู่แข่งสำคัญในตลาดทุเรียนและมังคุด แต่ไทยยังคงมีข้อได้เปรียบด้านคุณภาพและรสชาติที่เป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับมากกว่า

3) ผลไม้ท้องถิ่น จีนมีการเพาะปลูกผลไม้เขตร้อนบางชนิดที่เหมือนกับผลไม้ไทย เช่น ลำไย มะพร้าว   ส้มโอ เป็นต้น แต่อย่างไรก็ตาม ผลไม้ไทยยังคงมีข้อได้เปรียบด้านคุณภาพ รสชาติและความหลากหลาย

  1.  ข้อเสนอแนะ

เพื่อประชาสัมพันธ์ผลไม้ไทยให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นและผลักดันการส่งออกผลไม้ไทยมาสู่ตลาดนครฉงชิ่ง สคต. ณ นครเฉิงตู ได้ดำเนิน“โครงการยกระดับการส่งออกผลไม้เข้าสู่ตลาดจีน ปี 2567 (Thai Fruits Golden Month)” ระหว่างวันที่ 14-20 มิถุนายน 2567 (รวม 7 วัน) โดยร่วมกับทางซูเปอร์มาร์เก็ต Yonghui  นครฉงชิ่งจำนวน 146 สาขา และบริษัท Joy Wing Mau Fruit Industry Technology Group  พบว่า ผลไม้ไทยได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคชาวนครฉงชิ่งเป็นอย่างมาก โดยในช่วงระหว่างการจัดงาน มียอดจำหน่ายผลไม้ไทยประมาณ 6 ล้านหยวน หรือประมาณ 30 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 32 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาปกติ สำหรับผลไม้ที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือ ทุเรียนหมอนทอง นอกจากนี้  มังคุด ลำไย มะพร้าว และน้อยหน่า ก็ได้รับความนิยมเช่นกัน ทั้งนี้ แสดงให้เห็นว่า ตลาดผลไม้ไทยในนครฉงชิ่งมีโอกาสเติบโตได้อีกมากในอนาคต

อย่างไรก็ตาม การส่งออกผลไม้เข้ามายังตลาดนครฉงชิ่ง มีข้อควรพิจารณาสำหรับผู้ประกอบการไทย ดังนี้

1) การปฏิบัติตามกฎระเบียบ/เกณฑ์มาตรฐานต่างๆ ของจีน

2) การศึกษาวิจัยเทคโนโลยีการเพาะปลูกสมัยใหม่เพื่อลดต้นทุนการผลิต เพิ่มปริมาณผลผลิต รักษาคุณภาพ หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมี ยาฆ่าแมลง ใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ตลอดจนการกำหนดราคาที่เหมาะสมเพื่อให้สามารถแข่งขันในตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ    

 3) การเพิ่มความหลากหลายของผลไม้ เนื่องจากผลไม้ที่จำหน่ายในตลาดนครฉงชิ่ง ส่วนใหญ่จะเป็นทุเรียน มังคุด ลำไย มะพร้าว และส้มโอ แต่ผลไม้ไทยที่ทางรัฐบาลจีนอนุญาตให้นำเข้าจากไทยมีจำนวนถึง     23 ชนิด ได้แก่ ทุเรียน มังคุด ลำไย มะพร้าว ส้มโอ มะขาม น้อยหน่า มะละกอ มะเฟือง ฝรั่ง เงาะ ชมพู่ ขนุน ลองกอง สับปะรด ละมุด กล้วย เสาวรส (สายพันธุ์ caerulea) เสาวรส(สายพันธุ์ edulis) มะม่วง ลิ้นจี่ ส้มเขียวหวาน และส้ม เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภคชาวนครฉงชิ่ง

4) ควรศึกษาและพัฒนาระบบโลจิสติกส์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะการใช้ประโยชน์จากเส้นทางรถไฟจีน-ลาว ซึ่งช่วยลดต้นทุนและระยะเวลาในการขนส่ง

5) การสร้างพันธมิตรทางธุรกิจกับผู้ค้าในตลาดค้าส่งผลไม้ซวงฝู นครฉงชิ่ง เพื่อกระจายผลไม้ไปยัง ตลาดนครฉงชิ่งและพื้นที่ใกล้เคียง

6) ให้ความสำคัญในการยกระดับคุณภาพสินค้า การเสริมสร้างแบรนด์ของตนเองและการประชาสัมพันธ์ผลไม้ไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นและสร้างความเชื่อมั่นกับผู้บริโภคชาวนครฉงชิ่ง อีกทั้งยังต้องให้ความสำคัญในด้านบรรจุหีบห่อที่เป็นเอกลักษณ์ของไทยด้วยเพื่อสร้าง ความแตกต่างกับผลไม้ที่ผลิตในจีนและต่างประเทศ หรือแปรรูปเป็นผลไม้อบแห้ง เครื่องดื่มน้ำผลไม้ เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าและส่วนแบ่งทางการตลาดผลไม้ในกลุ่มผู้บริโภคระดับ High-end ในนครฉงชิ่งอีกด้วย

 

————————————————–

 

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครเฉิงตู

กุมภาพันธ์ 2568

แหล่งข้อมูล :

Global Trade Atlas

https://mp.weixin.qq.com/s/sxkXEHPk_MiqnmEyDUv_iw

http://www.cqshengyong.cn/news/154.html

https://www.baike.com/wikiid/7245070789434015759?baike_source=doubao&use_xbridge3=true&loader_name=forest&need_sec_link=1&sec_link_scene=im

http://sww.cq.gov.cn/zxxm/zdly/jtwlly/202306/t20230613_13384851.html?use_xbridge3=true&loader_name=forest&need_sec_link=1&sec_link_scene=im

thThai