บทวิเคราะห์ผลกระทบของภาษีศุลกากรทรัมป์ต่อราคาสินค้าในสหรัฐฯ จาก Wall Street Journal

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศว่าจะเรียกเก็บภาษีศุลกากร 25% สำหรับสินค้าจากแคนาดาและเม็กซิโกในวันอังคารที่ 4 มีนาคม 2568 นี้ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้ระงับแผนดังกล่าวไปชั่วคราว นอกจากนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ยังได้ประกาศจะเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนอีก 10% หลังจากที่เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 ได้เรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนไปแล้ว 10%
ด้วยมาตรการทางภาษีเหล่านี้ หนังสือพิมพ์ Wall Street Journal ได้ทำการศึกษา กรณีหากมีการขึ้นอัตราภาษี 25% สำหรับสินค้านำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดา ตามที่ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ประกาศไว้ และใช้อัตราภาษี 10% สำหรับสินค้าจากประเทศอื่น ๆ  และได้วิเคราะห์ผลกระทบของภาษีศุลกากรนี้ว่าจะถูกส่งต่อไปยังผู้บริโภคชาวอเมริกันมากน้อยเพียงใด  เช่น ภาษีนำเข้ารองเท้าจากจีน 10% อาจจะทำให้ราคาสินค้าเพิ่มขึ้นประมาณ 4% แต่ถ้าสินค้าประเภทไวน์หรือน้ำมันมะกอกที่นำเข้าจากอิตาลีราคาสินค้าอาจเพิ่มขึ้นเกือบ 10%

เหตุใดการขึ้นราคาสินค้าจึงมีความแตกต่างกัน?
เนื่องจากภาษีศุลกากรไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่มีผลต่อราคา ยังมีปัจจัยอื่นๆ อีก เช่น อัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา การมีทางเลือกอื่นสำหรับซื้อสินค้านั้นๆ  และกลยุทธ์การกำหนดราคาของผู้ผลิตและผู้นำเข้า ปัจจัยเหล่านี้ล้วนมีบทบาทต่อราคาสินค้าเมื่อไปถึงมือผู้บริโภค
หนังสือพิมพ์ Wall Street Journal จึงได้ร่วมมือกับบริษัทวิจัยทางเศรษฐศาสตร์ Moody’s เพื่อจำลองผลกระทบของภาษีศุลกากรต่อราคาสินค้าอุปโภคบริโภคจากหลายประเทศ ซึ่งการวิเคราะห์นี้ บริษัทวิจัย Moody’s ใช้อัตราภาษี 25% สำหรับสินค้านำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดา และใช้อัตราภาษี 10% สำหรับสินค้าจากทั่วโลก  จากนั้นจึงนำผลที่ได้มาประยุกต์ใช้กับราคาสินค้าทั่วไปที่พบทางออนไลน์ โดยผลลัพธ์ที่ได้เป็นเพียงการแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มความเป็นไปได้เท่านั้น ไม่ใช่การคาดการณ์อย่างแน่นอนถึงผลกระทบด้านภาษีต่อราคาสินค้า
นาย Mark Zandi หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ Moody’s กล่าวว่า “มีหลายวิธีที่ภาษีศุลกากรจะส่งผลต่อราคาสินค้าและเศรษฐกิจ ซึ่งผลกระทบบางครั้งก็ไม่สามารถคาดเดาได้ง่าย อย่างไรก็ตาม จากการศึกษาพบว่าผลกระทบต่อราคาสินค้าแต่ละประเภทมีความแตกต่างกัน ดังนี้
สินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไปที่มีการแข่งขันสูง (Commodity Product with lots of competition)

บทวิเคราะห์ผลกระทบของภาษีศุลกากรทรัมป์ต่อราคาสินค้าในสหรัฐฯ จาก Wall Street Journal

การวิเคราะห์ของบริษัทวิจัยทางเศรษฐศาสตร์ Moody’s แสดงให้เห็นว่าภาษีนำเข้าผ้าปูโต๊ะ 10% จากอินเดียจะทำให้ราคาสุดท้ายของสินค้าเพิ่มขึ้นเพียง 2% จาก 25.99 เป็น 26.51 ดอลลาร์สหรัฐ กล่าวคือ ผลกระทบของภาษีนำเข้าของผ้าปูโต๊ะจากอินเดียนั้นอาจมีจำกัด เพราะมีหลายประเทศที่ผลิตสินค้าประเภทนี้และมีการแข่งขันจากผู้ประกอบการในตลาดสูง
ทางเลือกที่หลากหลายในการซื้อสินค้าเป็นสาเหตุที่ทำให้ผลกระทบทางภาษีลดลง และในภาพรวมเมื่อขยายกลุ่มสินค้าจากผ้าปูโต๊ะไปยังสินค้าประเภทผ้าทั่วไป เช่น ผ้าปูที่นอน ผลกระทบทางภาษีต่อราคาสินค้าลดลงเหลือเพียง 0.8% เท่านั้น เพราะผู้บริโภคไม่ได้ให้ความสำคัญมากนักว่าสินค้ามาจากที่ใดหรือใครเป็นผู้ผลิต ดังนั้นราคาสินค้าอุปโภคบริโภคชนิดนี้ในร้านค้าจึงไม่ได้รับผลกระทบจากภาษีศุลกากรมากนัก ตัวอย่างนี้ ยังรวมไปถึงสินค้าประเภทเสื้อผ้า อะไหล่รถยนต์ และเครื่องสำอางทั่วไปบางชนิดเช่นกัน

สินค้าเฉพาะกลุ่ม (Niche Products)

บทวิเคราะห์ผลกระทบของภาษีศุลกากรทรัมป์ต่อราคาสินค้าในสหรัฐฯ จาก Wall Street Journal

ผลกระทบของภาษีนำเข้าต่อราคาสินค้าเฉพาะกลุ่มนั้นแตกต่างจากสินค้าทั่วไปค่อนข้างมาก เช่น ไวน์จากอิตาลี ราคาที่สูงขึ้นของไวน์จากอิตาลีไม่ได้ทำให้ผู้บริโภคลดการซื้อลง เนื่องจากผู้ที่ชื่นชอบไวน์ Chianti จากอิตาลีจะไม่เปลี่ยนใจไปดื่มไวน์ชนิดอื่นง่าย ๆ ผู้ขายจึงมักส่งต่อภาระทางภาษีศุลกากร 10% ไปยังผู้บริโภคทั้งหมด โดยผู้ขายคาดเดาว่าจะไม่สูญเสียลูกค้ามากนัก ดังนั้น ภาษีนำเข้า 10% สำหรับไวน์อิตาลีจะทำให้ราคาไวน์สูงขึ้นเกือบเต็มจำนวนจากขวดละ 21.99 ดอลลาร์สหรัฐ เป็น 24.08 ดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ดี ไวน์อิตาลีเป็นสินค้าเฉพาะกลุ่ม และมีสัดส่วนการบริโภคในสหรัฐอเมริกาเพียงเล็กน้อย ดังนั้นผลกระทบโดยรวมต่อราคาไวน์ทั้งหมดในตลาดสหรัฐฯ จึงมีเพียง 0.3% เท่านั้น
นอกจากนี้ จากตัวอย่างนี้ได้แสดงให้เห็นว่าการขึ้นภาษีศุลกากรสำหรับผลิตภัณฑ์หนึ่งๆ สามารถส่งผลให้เกิดการขึ้นราคาสินค้าในกลุ่มนั้นได้ กล่าวคือ ผู้ผลิตไวน์ในแคลิฟอร์เนียอาจปรับราคาไวน์ขึ้นเช่นกันเพื่อเพิ่มกำไร และตราบใดที่ราคาใหม่ที่ปรับขึ้นนั้นยังคงต่ำกว่าราคาไวน์อิตาลีหรือไวน์จากต่างประเทศที่ต้องเสียภาษีนำเข้า ผู้ผลิตไวน์ในแคลิฟอร์เนียอาจได้รับส่วนแบ่งจากตลาดเพิ่มขึ้น
ผู้ค้าส่งไวน์ก็มีบทบาทเช่นกัน เมื่อต้องเผชิญกับภาษีนำเข้าไวน์อิตาลีที่สูงขึ้นจากอัตราภาษีใหม่ ผู้ค้าส่งอาจตัดสินใจขึ้นราคาสินค้าไวน์ประเภทอื่นๆ เพื่อชดเชยกำไรที่ลดลงจากไวน์อิตาลี หรืออาจเลือกแบกรับภาระต้นทุนภาษีไว้เองเพื่อดึงดูดลูกค้าจากคู่แข่งที่ขึ้นราคา

สินค้าพรีเมียมแบบไม่มีทางเลือกอื่น (Premium Products without alternatives)

บทวิเคราะห์ผลกระทบของภาษีศุลกากรทรัมป์ต่อราคาสินค้าในสหรัฐฯ จาก Wall Street Journal

ภาษีศุลกากรจะส่งผลกระทบมากที่สุดเมื่อไม่มีสินค้าภายในประเทศหรือสินค้านำเข้าจากประเทศอื่นที่สามารถทดแทนกันได้ หรือเมื่อสินค้านั้นมีมูลค่าสูง เช่น แม้ว่าภาษีศุลกากรจะทำให้ราคาของ iPhone รุ่นล่าสุดสูงขึ้นอย่างมาก แต่สาวกของ Apple ก็ยังคงซื้อ iPhone อยู่ดี
เครื่องเล่นวิดีโอเกมและซอฟต์แวร์เกมก็จัดอยู่ในประเภทเดียวกัน มีบริษัทเพียงไม่กี่แห่ง เช่น Nintendo, Sony และ Microsoft ที่ผลิตและจำหน่ายสินค้าประเภทนี้ เครื่องเล่นวิดีโอเกมส่วนใหญ่นั้นผลิตในจีน และผู้บริโภคจะไม่เปลี่ยนใจไปใช้เครื่องเล่นเกมชนิดอื่นอย่างง่าย ๆ ปัจจัยเหล่านี้ทำให้ผู้ผลิตและผู้นำเข้ามีอำนาจในการขึ้นราคาสินค้าเพื่อลดผลกระทบจากภาษีศุลกากร บริษัทวิจัย Moody’s คาดการณ์ว่าภาระภาษีศุลกากร 10% สำหรับเครื่องเล่นเกมจากจีนจะถูกส่งไปยังผู้บริโภคเกือบทั้งหมด ทำให้เครื่องเล่นเกมที่ราคา 500 ดอลลาร์สหรัฐ จะเพิ่มขึ้นเป็น 548 ดอลลาร์สหรัฐ

ราคาสินค้าจะสูงขึ้นเมื่อทางเลือกในการซื้อมีจำกัด (Higher sticker price, limited alternatives)

บทวิเคราะห์ผลกระทบของภาษีศุลกากรทรัมป์ต่อราคาสินค้าในสหรัฐฯ จาก Wall Street Journal

เม็กซิโกเป็นซัพพลายเออร์รายใหญ่ที่สุดของรถยนต์นั่งส่วนบุคคลและรถอเนกประสงค์ที่ส่งออกมายังสหรัฐฯ โดยการนำเข้ารถยนต์จากเม็กซิโกคิดเป็น 23% ของการนำเข้ารถยนต์ทั้งหมดของสหรัฐฯในปี 2024  ดังนั้น ภาษีนำเข้ารถยนต์ที่ผลิตในเม็กซิโกไม่เพียงแต่จะทำให้ราคาของรถที่นำเข้าจากเม็กซิโกสูงขึ้น แต่ยังส่งผลต่อราคาของรถยนต์ทั้งหมดในสหรัฐฯด้วย เนื่องจากผู้ผลิตและตัวแทนจำหน่ายรายอื่นมองเห็นโอกาสในการเพิ่มกำไรและขยายส่วนแบ่งตลาด
แนวโน้มเช่นเดียวกันนี้อาจจะเกิดขึ้นกับสินค้าประเภทอื่น อาทิ เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน ในปี 2561 มีการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเครื่องซักผ้า นักวิจัยพบว่านอกจากเครื่องซักผ้านำเข้าที่ราคาแพงขึ้นแล้ว ราคาของเครื่องอบผ้าก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน เนื่องจากผู้บริโภคมักซื้อเครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้าไปพร้อมกัน ทำให้ผู้ค้าปลีกมองเห็นโอกาสในการสร้างรายได้เพิ่มขึ้น ผลการศึกษายังพบอีกว่าราคาของเครื่องซักผ้าที่ผลิตในประเทศก็สูงขึ้น เนื่องจากผู้ผลิตปรับราคาสินค้าเพราะต้นทุนแรงงานที่สูงขึ้นและภาษีนำเข้าจากทั้งเครื่องจักรที่ใช้ผลิตและจากชิ้นส่วนที่ใช้ในการประกอบเครื่องซักผ้า  ผู้ผลิตในสหรัฐฯ จึงคาดว่าภาษีนำเข้าชิ้นส่วนเหล่านี้ อาทิ เหล็กและอลูมิเนียม จะส่งผลต่อราคาในท้ายที่สุดเมื่อไปถึงผู้บริโภคอีกด้วย

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครนิวยอร์ก
ข้อมูลอ้างอิง: Wall Street Journal

thThai