บริษัทค้าปลีกเดนมาร์กเพิ่มสัญลักษณ์ดาว ให้ผู้บริโภคหาสินค้าจากยุโรปได้ง่ายขึ้น

Salling Group กลุ่มค้าปลีกรายใหญ่ที่สุดของเดนมาร์ก วางแผนการเพิ่มตราสัญลักษณ์บนป้ายราคาสินค้าแบบดิจิทัล เพื่อระบุว่าสินค้าใดผลิตโดยบริษัทในยุโรป โดยการดำเนินการนี้เป็นการตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าที่ต้องการสนับสนุนสินค้าของยุโรป แทนการซื้อสินค้าของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นจากนโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยเฉพาะประเด็นความสนใจที่จะครอบครองกรีนแลนด์ ซึ่งเป็นดินแดนของเดนมาร์ก
Salling Group ซึ่งครองส่วนแบ่งตลาดค้าปลีกในเดนมาร์กประมาณ 36% และมีรายได้รวมกว่า 9.8 พันล้านดอลลาร์ในปี 2023 ซึ่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บริษัท Salling Group ได้กล่าวบนแพลตฟอร์ม LinkedIn เกี่ยวกับการตัดสินใจเพิ่มตราสัญลักษณ์บนป้ายราคาบนชั้นวางสินค้า ซึ่งเป็นป้ายราคา digital ในร้านค้า Bilka, Fotex และ Netto ในเดนมาร์กของบริษัทภายเดือนมีนาคมนี้ และอาจขยายไปยังร้านค้าในเยอรมนีและโปแลนด์ในอนาคต แต่ปฏิเสธว่าการเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นการคว่ำบาตรสินค้าของสหรัฐฯ

ตัวอย่างตราสัญลักษณ์ดาวที่บริษัท Salling Group วางแผนการเพิ่มบนป้ายราคาอิเล็กทรอนิกส์บนเชฟสินค้า (เครดิตภาพ: LinkedIn Anders Hagh)
ทั้งนี้ จากโพสต์ของ CEO ของ Salling Group ระบุว่า บริษัทได้เพิ่มเครื่องหมายดาวสีดำบนป้ายราคาอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถระบุสินค้าแบรนด์ยุโรปได้ง่ายขึ้น โดยสินค้าที่มาจากบริษัทในยุโรปจะมีสัญลักษณ์ดาวสีดำกำกับ
อย่างไรก็ตาม CEO ยังคงยืนยันว่า จะยังคงจำหน่ายสินค้าแบรนด์จากทั่วโลก และลูกค้าสามารถเลือกซื้อสินค้าตามความต้องการของตนได้เสมอ การเพิ่มตราสัญลักษณ์ใหม่นี้เป็นเพียงบริการเสริมสำหรับลูกค้าที่ต้องการสนับสนุนสินค้าของยุโรป
ความเคลื่อนไหวนี้สะท้อนถึงแนวโน้มของผู้บริโภคชาวเดนมาร์กที่ต้องการสนับสนุนสินค้าของยุโรป ท่ามกลางความไม่พอใจต่อความคิดเห็นของประธานาธิบดีทรัมป์เกี่ยวกับกรีนแลนด์ ซึ่งนำไปสู่การสร้างกลุ่มในเดนมาร์กที่เรียกว่า “คว่ำบาตรสินค้าจากสหรัฐอเมริกา” และมีสมาชิกมากกว่า 36,000 คนบน Facebook
บทวิเคราะห์ผลกระทบต่อไทย ข้อเสนอแนะ โอกาสและแนวทาง และความคิดเห็นของสคต.:
บริษัทค้าปลีกเดนมาร์กยังคงยืนยันการนำเข้าสินค้าจากทั่วโลก ซึ่งหมายความว่าสินค้าไทยที่มีคุณภาพและราคาที่แข่งขันได้ รวมถึงสินค้าที่เป็นแบรนด์ที่เป็นที่ยอมรับในตลาดสามารถรักษาส่วนแบ่งตลาดได้ ทั้งนี้ หากสินค้าไทยสามารถสร้างจุดขายที่แตกต่าง ไม่ว่าจะเป็นการใช้ประโยชน์จากเทรนด์สินค้ายั่งยืน และสินค้าสุขภาพ เช่น อาหารออร์แกนิก ผลิตภัณฑ์มังสวิรัติ หรือผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ และการเพิ่มการรับรองมาตรฐานสากล เช่น Fair Trade และ Organic จะเป็นการช่วยส่งเสริมให้สินค้าไทยมีภาพลักษณ์ที่แข็งแกร่ง