เครื่องเสริมสร้างกล้ามเนื้อที่พัฒนาในสิงคโปร์ ได้รับการอนุมัติใช้ในประเทศและอเมริกา

สิงคโปร์ได้พัฒนาอุปกรณ์ทางการแพทย์ Quantum Mitohormesis (QMT) ซึ่งออกแบบมาเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อและบรรเทาอาการปวด อุปกรณ์นี้ได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลด้านสุขภาพทั้งในสิงคโปร์และสหรัฐอเมริกา ทำให้สามารถจำหน่ายเป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ในทั้งสองประเทศได้

QMT ใช้คลื่นแม่เหล็กในการกระตุ้นและส่งเสริมการสร้างเซลล์กล้ามเนื้อใหม่ โดยเลียนแบบกระบวนการที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติระหว่างการออกกำลังกาย

QMT เป็นอุปกรณ์ที่พัฒนาต่อจาก Bixeps ซึ่งเป็นอุปกรณ์ออกกำลังกายที่วางจำหน่ายในสิงคโปร์มาหลายปีแล้ว ความแตกต่างที่สำคัญคือ QMT เป็นอุปกรณ์พกพา และสามารถใช้ได้กับผู้ป่วยที่นอนติดเตียง อีกทั้งยังมีระดับความเข้มข้น 2 ระดับ เพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันของผู้ป่วย

สำนักงานวิทยาศาสตร์สุขภาพสิงคโปร์ (Health Sciences Authority – HSA) ได้อนุมัติให้ใช้ QMT ในการฟื้นฟูผู้ป่วย เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ บรรเทาอาการปวด เพิ่มพลังงานของกล้ามเนื้อหลังการบาดเจ็บหรือการผ่าตัด และช่วยเพิ่มความคล่องตัว อย่างไรก็ตาม การอนุมัตินี้ครอบคลุมเฉพาะระดับความเข้มข้นที่ต่ำ ซึ่งจะอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับอุปกรณ์ Bixeps ในขณะที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐฯ (The US Food and Drug Administration) ได้อนุมัติให้ใช้ QMT ทั้งสองระดับความเข้มข้น โดยต้องใช้ตามใบสั่งแพทย์ สำหรับกระตุ้นกล้ามเนื้อแขนและขาที่แข็งแรงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และภาวะกล้ามเนื้อลีบหรือเสื่อมสภาพนอกจากนี้ QMT จะถูกจัดอยู่ในกลุ่มอุปกรณ์ทางการแพทย์จึงจำเป็นต้องดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ เช่น แพทย์ พยาบาล หรือนักกายภาพบำบัด

เครื่องเสริมสร้างกล้ามเนื้อที่พัฒนาในสิงคโปร์ ได้รับการอนุมัติใช้ในประเทศและอเมริกา

โรงพยาบาล Kwong Wai Shiu จะเป็นสถานพยาบาลแห่งแรกที่ได้รับการติดตั้งเครื่อง QMT สำหรับผู้ป่วย โดยคาดว่าการผลิตล็อตแรกจำนวน 30 เครื่อง จะใช้เวลาประมาณสี่เดือน Dr. Mok Ying Jang ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของโรงพยาบาล เปิดเผยว่า ในบรรดาผู้ป่วยทั้งหมด 1,100 ราย จะมีประมาณ 900 ราย ที่จะเข้ารับการฟื้นฟูในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง และหวังว่า QMT จะมีบทบาทในการช่วยชะลอภาวะ Sarcopenia ซึ่งเป็นภาวะที่เกิดขึ้นในผู้สูงอายุเมื่อสูญเสียมวลกล้ามเนื้อ ความแข็งแรง และการทำงานของกล้ามเนื้อ

Dr. Mok ระบุว่า QMT เป็นอุปกรณ์ที่เหมาะสมสำหรับผู้ป่วยมากกว่าเมื่อเทียบกับ Bixeps เนื่องจากสามารถยกขึ้นบนเตียง ทำให้ผู้ป่วยที่นอนติดเตียงสามารถใช้งานได้สะดวกยิ่งขึ้น ทั้งนี้ อุปกรณ์ QMT หนึ่งเครื่องสามารถรองรับการบำบัดผู้ป่วยประมาณ 160 ราย โดยแต่ละคนจะได้รับการบำบัด 10 นาทีต่อสัปดาห์ เป็นเวลา 12 สัปดาห์ จากนั้น ผู้ป่วยอีก 160 ราย จะเข้าสู่รอบการบำบัดถัดไป โดยการบำบัดจะเริ่มต้นจากผู้ป่วยที่ยังสามารถเคลื่อนไหวได้ก่อน เพื่อให้สามารถทำกิจกรรมต่างๆ ต่อไปได้ และรักษาความแข็งแรงของร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การวิจัยทางคลินิกเกี่ยวกับอุปกรณ์ Bixeps ดำเนินการโดย The Chinese University of Hong Kong และ โรงพยาบาล Prince of Wales ในฮ่องกง พบว่า หลังจากเข้ารับการบำบัด 2 ครั้งต่อสัปดาห์ ครั้งละ 10 นาที เป็นเวลา 8 สัปดาห์ ผู้ป่วยมีสมรรถภาพในการทำงานดีขึ้น 20% และอาการปวดลดลง 30%ปัจจุบัน ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุประมาณ 30 แห่ง ในสิงคโปร์ใช้อุปกรณ์ Bixeps เพื่อช่วยให้ผู้สูงอายุฟื้นฟูหรือรักษาความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ

นาย Ivan Goh ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท QuantumTX ซึ่งเป็นเจ้าของอุปกรณ์ดังกล่าว เปิดเผยว่า ผู้ใช้บางราย โดยเฉพาะผู้ที่ร่างกายอ่อนแอ อาจมีมวลกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้นประมาณ 250 – 500 กรัม หลังจากใช้งานเป็นเวลา 8 สัปดาห์

นายแพทย์ Tay Boon Keng ศัลยแพทย์กระดูกและข้อ ซึ่งเป็นผู้แนะนำอุปกรณ์นี้ให้กับโรงพยาบาล Singapore General Hospital[1] กล่าวว่า ผู้ป่วยดูเหมือนจะมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรงขึ้น โดยสามารถสังเกตได้จากการทดสอบความแข็งแรงของมือ นอกจากนี้ การรักษาด้วยอุปกรณ์ดังกล่าวยังเป็นวิธีแบบ Non-Invasive (การรักษาแบบไม่ต้องผ่าตัดหรือเอาเนื้อเยื่อออก) และเน้นว่า การเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหลังการผ่าตัดมีความสำคัญ เพื่อลดความเสี่ยงในการล้มซ้ำของผู้ป่วย

ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะ

ข้อมูลจาก Economic Development Board (EDB) ระบุว่า ตลาดเทคโนโลยีทางการแพทย์ (MedTech) ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกคาดว่าจะเติบโตถึง 225,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 2573 ด้วยอัตราการเติบโตต่อปีแบบทบต้น (CAGR) 10.5%

สิงคโปร์ ถือเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมทางการแพทย์ที่มุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีล้ำสมัยและมีมาตรฐานสูงในระดับสากล รัฐบาลให้การสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดการคิดค้นและพัฒนาอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัย นอกจากนี้ สิงคโปร์ยังเป็นแหล่งดึงดูดบริษัทด้านเทคโนโลยีชีวภาพและอุปกรณ์ทางการแพทย์จากทั่วโลก เนื่องจากมีโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง กฎระเบียบที่เอื้อต่อการลงทุน และความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนที่มีประสิทธิภาพ

ประเทศไทยมีจุดแข็งในด้านการผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ โดยเป็นหนึ่งในฐานการผลิตที่สำคัญของอาเซียน อุตสาหกรรมการแพทย์ของไทยเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่ม อุปกรณ์ที่ใช้แล้วทิ้ง และเครื่องมือแพทย์ทั่วไป ซึ่งมีความต้องการสูงทั้งในประเทศและตลาดส่งออก อย่างไรก็ตาม ไทยยังต้องเร่งพัฒนางานวิจัยและเทคโนโลยีให้ก้าวหน้ามากขึ้น เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในระดับสากล หากสามารถส่งเสริมการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาควบคู่ไปกับการร่วมมือกับประเทศที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัย ไทยอาจสามารถยกระดับจากฐานการผลิตไปสู่การเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมทางการแพทย์ของภูมิภาคได้ในอนาคต

 

[1] ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โรงพยาบาลได้นำ Bixeps มาใช้ช่วยเหลือผู้ป่วยที่มีภาวะ Sarcopenia (โรคมวลกล้ามเนื้อน้อย) และ Osteoarthritis (โรคข้อเสื่อม)

thThai